"หลวงปู่... สาวกภูมิกับพุทธภูมิต่างกันอย่างไร"
หลวงตาตอบว่า...
" พุทธภูมิ ก็เหมือน ดั่งเรานั่งรถไฟนั่งรถไฟไปเชียงใหม่หรือนั่งรถไฟไปอุดรนั่นแหละพุทธภูมิ
แต่ถ้าเรานั่งจักรยานมาหรือนั่งมอเตอร์ไซค์ ขี่มอเตอร์ไซค์ไปนั่นแหละ สาวกภูมิ
เพราะฉะนั้นการเป็นพุทธภูมิก็คือการนำคนไปได้เยอะ ๆ ส่วนสาวกภูมินั้นนำไปได้น้อยๆไม่ได้มากนัก อย่างเก่งก็ ๑ คน หรือ ๓-๔คน ก็ว่ากันไป นั่นคือสาวกภูมิเข้าใจไหมล่ะพ่อหลวง "
พระเจ้าอยู่หัวฯทรงตอบหลวงตาว่า "เข้าใจแล้วหลวงปู่
~~~~~~~~~~~~~~~~~~🌸🌿
แล้วนิพพานเป็นอย่างไรนะหลวงปู่"
หลวงตาตอบ :
"อ้อ พ่อหลวงเหมือนพ่อหลวงมาวัดป่าบ้านตาดนี่แหละรู้ไหมว่าวัดป่าบ้านตาดอยู่ตรงไหน อยุ่บนกุฏินี่เหรอ วัดป่าบ้านตาดอยู่ไหนล่ะ แต่พอพระมหากษัตริย์มาถึงนี่แล้ว บริเวณนี้ทั้งหมดคือวัดป่าบ้านตาดนี้แหละแต่จะชี้ลงไปว่าที่กุฏิอาตมาก็ไม่ใช่ ที่กุฏิพระก็ไม่ใช่ ที่ศาลาก็ไม่ใช่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่เมื่อรวมกันทั้งหมดในกำแพงวัดนี้นี่แหละคือวัดป่าบ้านตาดนี่แหละพระนิพพานก็มีความหมายแบบเดียวกัน"
🌸🌿
"การเป็นพุทธภูมิสร้างบารมีเพื่อความเป็นพุทธะ พอจบพุทธภูมิได้ก็เป็นพระพุทธเจ้าแล้วพระพุทธเจ้าก็มีพุทธกิจ ๕ คือ
ตอนเช้าบิณฑบาต ตอนบ่ายสอนคหบดีมนุษย์ทั่วไปตกเย็นสอนนักบวช สมณะชีพราหมณ์ ตอนกลางคืนแก้ปัญหาเทวดาพอมาตอนเช้ามืดเล็งญาณดูสัตว์โลก สัตว์โลกตัวไหนมีกิเลสเบาบางพอที่จะบรรลุธรรมได้ท่านก็จะเล็งญาณดูรีบไปโปรดก่อน
พระพุทธเจ้าสร้างบารมีพุทธภูมิจนได้เป็นพระพุทธเจ้าเมื่อเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็มีพระพุทธกิจ ๕ อย่างนี้ แต่...ไม่รู้ว่าพ่อหลวงแม่หลวงของประเทศไทยปรารถนาอะไรทำงานกันจนไม่มีเวลาจะพักผ่อน..เอาล่ะ ๆ ...อาตมาจะให้พร"
~~~~~~~~🌸🌿
ที่มา:ข้อความบางส่วน หนังสือหลวงตามหาบัว มหัศจรรย์มหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่
ตอนเช้าของวันที่ ๑๐พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๒
น้อมรำรึกในหลวงรัชกาลที่๙
๕ ธันวาคม ๒๕๖๔
..
ขบถ~ยาตรา เรียบเรียง 🙏