7 ธ.ค. 2021 เวลา 00:09 • คริปโทเคอร์เรนซี
ประวัติ Ethereum ตอนที่ 2 : Crypto Anarchy
2
Vitalik Buterin มักจะนั่งที่เดิม ๆ ในคลาสเรียนของศาสตราจารย์ Alfred Menezes ที่ University of Waterloo ในแคนาดาอยู่เสมอ และต้องบอกว่าวิทยาการคอมพิวเตอร์เป็นทางเลือกที่ง่ายสำหรับเขา โดยเขาเริ่มเข้าเรียนในช่วงเดือนธันวาคมปี 2012 สิ่งที่อาจารย์ประทับใจในตัว Vitalik คือเรื่องราวที่เขาเล่าเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่อย่าง Bitcoin
2
ประวัติ Ethereum ตอนที่ 2 : Crypto Anarchy
ศาสตราจารย์ Menezes ซึ่งได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการเข้ารหัสเชิงประยุกต์หลายเล่ม รู้สึกประทับใจกับความชัดเจน รู้จริงที่ Vitalik พูดเกี่ยวกับ Bitcoin
นอกจากการเรียนในระดับชั้นมหาวิทยาลัยแล้ว Vitalik ยังเป็นผู้ช่วยให้กับ Ian Goldberg นักเข้ารหัสที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นผู้ร่วมเขียนโปรโตคอล Off-the-Record ซึ่งปัจจุบันใช้กันอย่างแพร่หลายในการเข้ารหัสของแอปที่ใช้ในการส่งข้อความ
1
ต้องบอกว่า Vitalik เองแม้จะอายุน้อย แต่ตารางงานของเขานัันแน่นเอี๊ยดมาก จึงแทบไม่เหลือเวลาในการหาเพื่อนในชีวิตจริง ห่างไกลจากงานสังคม สังสรรค์ ซึ่งเป็นเรื่องปรกติที่นักศึกษามหาวิทยาลัยคนอื่นๆ เขาทำกัน
Vitalik จะใช้คอมพิวเตอร์ทำงานชั่วโมงแล้ว ชั่วโมงเล่า ที่มหาวิทยาลัยและที่บ้าน ทั้งวันธรรมดาและวันหยุดสุดสัปดาห์ เขามักจะเปลี่ยนบรรยากาศที่ทำงานอยู่เสมอ เพื่อจะได้ไม่ต้องนั่งที่เดิม ๆ เป็นเวลาหลายวันติด ๆ กัน
เขาเป็นคนที่สนุกกับงาน แต่ก็ต้องการความสัมพันธ์แบบคนทั่ว ๆ ไป Vitalik ผู้มีดวงตาสีฟ้า พาตัวเองหลบอยู่ในโลกคอมพิวเตอร์ของเขา บางครั้งเขาก็พึมพำหรือหัวเราะกับตัวเองราวกับว่าเขาถูกขังอยู่ในความคิดของตัวเขาเอง บางครั้งเพื่อน ๆ อาจจะมองว่าเค้าเพี้ยน แต่เขาก็ได้ชุมชน Bitcoin ที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในโตรอนโต คอยเยียวยาจิตใจเขา
3
ไม่ไกลจาก Vitalik ใน Waterloo Anthony Di Iorio ชาวโตรอนโตที่หมกมุ่นอยู่กับ Bitcoin เช่นเดียวกัน พยายามค้าหาชุมชนชาว crypto ในชีวิตจริง ซึ่งเขาต้องการพบปะพูดคุยตามประสาคนคอเดียวกันในพื้นที่ Waterloo เขาจึงได้สร้างกลุ่ม Meetup.com ขึ้นมา
1
การรวมตัวครั้งแรกเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปี 2012 ที่ Pauper’s Pub มีคนมาร่วมงานประมาณสิบกว่าคน ในหมู่คนที่มร่วมงาน มีเด็กวัย 18 ที่เพิ่งจบมัธยมปลายอย่าง Vitalik เข้าร่วมงานด้วย แต่เขาเอาแต่นั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งหลังงอและแขนยื่นไปข้างหน้า โดยแทบจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กับใคร เมื่อมีคนเข้ามาพูดด้วยดูเหมือน Vitalik จะตกใจเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ
3
ภายในปี 2012 Anthony พยายามศึกษาว่า “เงินคืออะไร’ จากวีดีโอบน Youtube รวมถึงเรียนรู้เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ เขาไปได้ยินเรื่องเกี่ยวกับ Bitcoin ครั้งแรกในรายการวิทยุ Free Talk Live และซื้อ Bitcoin หนึ่งเหรียญทันที ราคาในตอนนั้นอยู่ที่ประมาณ 10 ดอลลาร์ สองสามวันต่อมาเขาซื้อเพิ่มอีก 800 เหรียญในราคาเท่าเดิม
1
ซึ่งหลังจากกระโจนเข้ามาสนใจกับ Bitcoin แบบเต็มตัว Anthony ก็ได้กลายเป็นชาว Bitcoiner สายฮาร์ดคอร์ ซึ่งได้มาเป็นเจ้าภาพจัดงานพบปะสังสรรค์ครั้งแรกของชุมชนชาว Bitcoin ในโตรอนโตที่ Pauper’s Pub
ในขณะที่ห่างออกไปหลายพันไมล์ Mihai Alisie ชายอีกหนึ่งคน ที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ในภูมิภาคทรานซิลเวเนียของประเทศโรมาเนีย ซึ่งเขาเป็นคนสนใจในคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เด็ก และได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Bucharest University of Economic Studies
1
เขาเป็นคนที่หลงใหลในการเล่นโป๊กเกอร์ และใช้โป๊กเกอร์ในการหารายได้เสริมให้กับตัวเอง แต่เขารู้ว่ามันเสี่ยง จึงหาข้อมูลทางออนไลน์เพื่อหาวิธีในการหาเงินด้วยวิธีอื่น
1
จนวันหนึ่งเขาได้ไปรู้จัก Bitcoin ผ่านเว็บโป๊กเกอร์ออนไลน์ เขาได้เริ่มหาข้อมูลทั้งหมดของ Bitcoin ใน Google Mihai เข้าใจดีว่านวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมของเทคโนโลยี blockchain สามารถตัดพ่อค้าคนกลาง และส่งเงินข้ามทวีปได้อย่างง่ายดาย มันเป็นแนวคิดที่ทรงพลังสำหรับผู้ที่เคยเห็นการทุจริตในประเทศของเขาเองมาตลอดชีวิต
1
โป๊กเกอร์ดูไร้ความหมายมากเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาจึงตัดสินใจเลิกเล่น และมุ่งความสนใจไปที่ Bitcoin และแทนที่จะสร้างแพลตฟอร์มบางอย่างสำหรับชุมชมโป๊กเกอร์ เขาวาดฝันที่จะทำมันกับ Bitcoin แทน
1
ยิ่ง Mihai ค้นหาลึกเข้าไป เขาได้เข้าไปเจอกับชื่อของ Vitalik Buterin ที่ปรากฏขึ้นบ่อยครั้ง ทั้งใน Bitcoin Weekly , Reddit รวมถึงในฟอรัม BitcoinTalk
1
Mihai Alisie ที่แปลกใจกับชื่อของ Vitalik ที่ปรากฏไปทั่วเกี่ยวกับข้อมูลของ Bitcoin (CR:Twitter)
Vitalik เป็นคนที่สามารถเปลี่ยนแนวคิดที่มีความซับซ้อนของเทคโนโลยีของ Bitcoin ให้กลายเป็นคอลัมน์ที่อ่านง่ายสำหรับคนทั่วไป Mihai จึงตัดสินใจส่งอีเมลถึง Vitalik เพื่อถามว่าเขาสนใจที่จะสร้างนิตยสารเกี่ยวกับ Bitcoin โดยตรงหรือไม่
1
ซึ่งหนึ่งปีก่อนหน้านั้น Vitalik ได้เข้ามาท่องเว็บ BitcoinTalk และเสนอตัวในการเขียนบทความเพื่อแลกกับ Bitcoin และในไม่ช้าเขาได้กลายมาเป็นนักเขียนประจำของ Bitcoin Weekly
ในเดือนพฤษภาคมปี 2011 เขาเขียนเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของราคา Bitcoin ครั้งล่าสุด : “หลายคนสงสัยว่าทำไมราคาของ Bitcoin ถึงพุ่งสูงขึ้นกว่า 1,000% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา จะเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืนหรือเป็นเพียงแค่ฟองสบู่ของนักเก็งกำไรที่จะพังลงไปเมื่อใดก็ได้”
2
Vitalik กำลังสนุกกับตัวเอง และเขียนบทความในหัวข้อที่เขาสนใจเพิ่มมากขึ้น ได้รับค่าตอบแทน และกลายเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับนับถือในกลุ่มผู้ศรัทธาในสกุลเงินดิจิทัล เมื่อได้รับข้อเสนอจาก Mihai เข้ามาในอีเมลของเขา เขาจึงตอบรับแทบจะทันที
1
Vitalik และ Mihai ไม่เคยเจอกันมาก่อน พวกเขาไม่เคยแม้แต่วีดีโอคอลหากัน มีการพูดคุยกันผ่าน Skype ว่านิตยสารจะมีหน้าตาอย่างไร พวกเขามุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ พวกเขาจะเรียกสื่อของพวกเขาที่ทำร่วมกันว่า “Bitcoin Magazine”
2
โดยจะมีบทความเกี่ยวกับชุมชน Bitcoin ธุรกิจ และการตลาด และจะเป็นแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือให้กับนักข่าวในสื่อกระแสหลัก พวกเขาได้เชิญชวนผู้ที่ชื่นชอบ Bitcoin 2-3 คน ที่มีความคิดเหมือนกันผ่านฟอรัม BitcoinTalk เข้ามาร่วมในสื่อใหม่แห่งนี้
1
พวกเขาตัดสินใจว่าสถานที่เหมาะสมและถูกที่สุดที่จะเริ่มต้นธุรกิจจริง ๆ จัง ๆ ได้คือในสหราชอาณาจักร Mihai จะจัดการกับความยุ่งยากในการบริหารในขณะที่ทีมงานที่เหลือต้องเขียนบทความและออกนิตยสารฉบับแรกให้สำเร็จ
ปัญหาใหญ่คือเรื่องทุน เนื่องจาก Mihai เองก็ได้ใช้ทุนที่ได้จากการเล่นโป๊กเกอร์ไปหมดแล้ว Mihai จึงได้ขอให้แม่นำเอาของมีค่าทั้งเครื่องประดับ สร้อยคอทองคำ ซึ่งเป็นหนึ่งในนั้นเป็นชิ้นที่มีค่าที่สุดของเธอเพื่อให้เขานำไปจำนำ และเป็นทุนให้ Mihai ใช้เป็นตั๋วเครื่องบินและค่าที่พักในสหราชอาณาจักร
4
แผนแรกของ Mihai คือสร้างนิตยสารในรูปแบบ PDF โดยผู้อ่านสามารถบริจาคได้ผ่าน Bitcoin เพื่อสนับสนุน และเมื่อนิตยสารได้รับการติดตามจากผู้คนจำนวนมากพอ ก็จะมีโฆษณาติดต่อเข้ามา และท้ายที่สุดพวกเขาจะสามารถตีพิมพ์นิตยสารเป็นรูปเล่มได้
2
แต่หนึ่งในสมาชิกของทีมที่มีนามแฝงว่า Matthem N.Wright มองว่ามาฝันกันให้ใหญ่ไปเลย และเริ่มผลักดันให้ตีพิมพ์ตั้งแต่ฉบับแรก เขาได้พิมพ์สือสารกับทีมด้วยโปรแกรม Skype โดยที่เขาพยายามรวบรวมทีมที่อยู่เบื้องหลังการตีพิมพ์นิตยสารฉบับจริง แม้ว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมงานเพียงเล็กน้อย
1
แต่เมื่อ Mihai ซึ่งเดินทางกลับไปที่โรมาเนีย หลังจากจดทะเบียนบริษัทในชื่อ Bittalk Media Ltd. ในสหราชอาณาจักรสำเร็จ ก็ต้องพบกับความประหลาดใจเมื่อเดินทางถึงบ้าน เมื่อข้อความหลายร้อยข้อความในกลุ่ม Skype ปรากฏขึ้น ขณะที่เขาเลื่อนลงมาเพื่อพยายามทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาคลิกลิงก์ ที่เป็นข้อความใน Skype และขึ้นเป็นข่าวประชาสัมพันธ์ว่า “ครั้งแรก นิตยสาร Bitcoin ฉบับตีพิมพ์เผยแพร่แล้ว” โดยแถลงการณ์ระบุว่านิตยสารดังกล่าวจะเป็น นิตยสารเคลือบเงาขนาด 64 หน้ามาตรฐานอุตสาหกรรม โดยมีฉบับพิมพ์เริ่มต้นที่ 5,000 ฉบับ
Mihai ยังคงอ่านข่าวประชาสัมพันธ์ต่อไปด้วยความตกใจ:
“สมาชิกในสหรัฐอเมริกาจะได้รับนิตยสาร Bitcoin ฉบับแรกภายในวันที่ 16 พฤษภาคม 2012” ซึ่งเป็นเวลาเพียงไม่ถึงสองสัปดาห์หลังจากการแถลงข่าว “เวลาจัดส่งอาจแตกต่างกันไปสำหรับสมาชิกต่างประเทศ … และแน่นอนว่า Bitcoin เป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับการชำระเงิน”
และเมื่อถึงต้อนปี 2013 มีงานประชุมใหญ่ที่เรียกว่า Bitcoin 2013 เกิดขึ้นที่ซานโฮเซ่ ในประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นงานเปิดตัวโลกของสกุลเงินดิจิทัล การประชุมในปีก่อนหน้ามีผู้เข้าร่วมประมาณ 2-300 คน แต่ในปี 2013 มีคนนับพันเข้ามาร่วมงานเต็มห้องโถงการจัดงาน
ผู้มีชื่อเสียงในวงการ Bitcoin ล้วนเข้ามาร่วมงานใหญ่นี้ ฝาแฝด Winklevoss ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน บริษัทร่วมทุนเช่น Draper Associates และ Benchmark Capital ที่เป็นเจ้าพ่อแห่ง Silicon Valley ก็เข้ามาร่วมงาน ทุกคนต่างมีความสุขที่ราคาของ Bitcoin ก้าวข้ามหลักไมล์แรกที่ราคา 100 ดอลลาร์ ได้สำเร็จ
2
รวมถึงผู้มีชื่อเสียงอื่น ๆ ในวงการก็มากันครบครัน ผู้ร่วมก่อตั้งแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน BitInstant อย่าง Charlie Shrem เป็นหนึ่งในวิทยากร รวมถึง Roger Ver หรือที่รู้จักกันในชื่อ Bitcoin Jesus สำหรับความกระตือรือร้นของเขาในการเผยแพร่ข่าวสารของ Bitcoin รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิอื่น ๆ รวมทั้ง Tony Gallippi ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ BitPay และ Gavin Andresen ผู้พัฒนา Bitcoin ระดับแถวหน้า ที่เดินเตร่ไปทั่วห้อง
Vitalik เองก็เป็นหนึ่งในคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวงการด้วยการเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังนิตยสาร Bitcoin ซึ่งผู้อ่านที่ได้อ่านบทความของเขาก็แวะมาทักทายเขาอย่างเนื่องในงานนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่เริ่มโด่งดัง แต่ยิ่งไปกว่านั้น มันทำให้เขารู้สึกเหมือนได้กับมารวมกลุ่มกับคนสายพันธุ์เดียวกันเขาอีกครั้ง
1
ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงปิดภาคเรียนของ Vitalik พอดี Mihai จึงบอกเขาให้มาที่ยุโรปเพื่อทำงานในนิตยสาร Bitcoin ด้วยกัน รวมถึงโครงการใหม่ที่ชื่อ Egora
1
สถานการณ์ในตอนนั้น Bitcoin ยังใช้งานจริง ๆ ได้ไม่ดีเท่าที่ควรในการใช้เป็นเพื่อเป็นเงินสดในรูปแบบดิจิทัล แต่แน่นอนว่ามันได้กลายเป็นเงินสกุลหลักที่ใช้ใน Dark Web ซึ่งขายสินค้าผิดกฏหมาย และภายในปี 2013 สกุลเงินนี้ก็ได้เข้าครอบงำเว็บไซต์ Silk Road ที่ขายยาเสพติดเป็นหลัก
2
แต่เป้าหมายของผู้สนับสนุน Bitcoin ที่แท้จริงก็คือ การค้าออนไลน์กระแสหลักเพื่อนำสกุลเงินดิจิทัลมาใช้ ดังนั้นศักยภาพของ Bitcoin จึงสามารถเป็นระบบเงินสดอิเล็กทรอนิกส์แบบ P2P ที่ได้รับการยกย่องใน white paper ของ Satoshi Nakamoto
1
Mihai ได้เริ่มสร้าง Egora ซึ่งเป็นตลาดออนไลน์ที่มีจุดมุ่งหมายให้เป็น eBay แบบกระจายอำนาจ ซึ่งผู้ซื้อและผู้ขายจะไม่ต้องพึ่งพาตัวแพลตฟอร์มเอง เงินจะถูกส่งไปยังบัญชีที่เก็บไว้ในบัญชีแยกประเภทแบบกระจายอำนาจแทน เงินจะถูกปล่อยออกมาเมื่อผู้ซื้อและผู้ขายปลดล็อกบัญชีเท่านั้น
หลังจากได้ทำงานร่วมกันในนิตยสาร Bitcoin ผ่าน Skype ได้สองปี ในที่สุด Vitalik และ Mihai ก็ได้พบกันที่บาร์เซโลนา Amir Taaki นักพัฒนา Bitcoin คนสำคัญ โน้มน้าวให้พวกเขาทั้งคู่มาร่วมที่ Calafou ชุมชนอนาธิปไตยใกล้บาร์เซโลนา พวกเขาตัดสินใจเข้าร่วมทันที เพราะราคาถูกและหวังว่าจะได้พบเจอกับบุคคลที่น่าสนใจที่มีค่านิยมที่สอดคล้องกันที่ต้องการปลดแอกจากการควบคุมของรัฐบาล
1
Amir Taaki นักพัฒนา Bitcoin คนสำคัญ โน้มน้าวให้พวกเขาทั้งคู่มาร่วมที่ Calafou (CR:Quartz)
Calafou เริ่มต้น โดย Enric Duran นักต่อต้านทุนนิยมชาวสเปน Duran มีชื่อเสียงโด่งดังจากการที่เขาได้ยืมเงินจากธนาคารหนึ่งเพื่อจ่ายกู้กับอีกธนาคารหนึ่ง และทำไปเรื่อย ๆ จนสามารถยืมเงินจากธนาคารได้ถึง 492,000 ยูโรจากธนาคาร 39 แห่ง
และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปี 2008 เมื่อโลกเต็มไปด้วยปัญหาเศรษฐกิจและสเปนได้รับผลกระทบอย่างหนัก Duran ได้ตีพิมพ์แผ่นพับประนามการกระทำของธนาคาร โดยเขาได้รับเงินครึ่งล้านยูโร โดยแทบไม่มีการค้ำประกัน และบางครั้งก็ใช้เอกสารปลอม ซึ่ง Duran ได้เผยให้เห็นความเน่าเฟะของระบบธนาคารว่ามันส่งเสริมการเป็นหนี้ได้ง่ายขนาดไหน โดยแทบไม่สนใจความเสี่ยงและสามัญสำนึกเลยด้วยซ้ำ
Vitalik และ Mihai ได้เข้ามาทำงานที่ “hacklab” ของ Calafou โดยประกอบไปด้วยโต๊ะสองสามโต๊ะรวมกันในมุ่มหนึ่งของห้อง คอมพิวเตอร์และมอนิเตอร์ รวมถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดย hacklab อยู่ในอาคารที่สร้างขึ้นสำหรับเครื่องจักรที่ใช้ในอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นโรงงานที่ถูกทำลายทิ้งไปนานแล้ว ห้องต่าง ๆ กลายเป็นคอนกรีตแบบเปลือย โดยแทบไม่มีเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ เลย
สำหรับ Vitalik สิ่งที่แย่ที่สุดเกี่ยวกับ Calafou คือ ห้องน้ำ มันอยู่นอกอาคารที่มีรูอยู่บนพื้น มีทั้งแมลงเต็มไปหมด และแทบไม่มีกระดาษชำระ บางครั้งทำให้เขาต้องยอมแพ้และเดินออกไปในป่า เขานอนบนฟูกที่บางจนสัมผัสได้ถึงพื้นที่อยู่ข้างล่างจริง ๆ
แต่เขาก็ชอบที่นี่ มันคือกลุ่มคนที่มีแนวคิดเดียวกันเขา พูดคุยกันรู้เรื่อง ไม่ต้องคอยหลบหน้าหลบตาคนเหมือนอยู่ที่ Waterloo ที่บ้านเกิดของเขา ซึ่งตัว Vitalik เองก็ชอบอยู่ท่ามกลางธรรมชาติเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เมื่อเขาหยุดพักการทำงานในโปรเจ็ค Egora หรือ การพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของ Cryptocurrencies เขาจะออกไปเดินเล่นไกล ๆ ด้วยร่างกายที่บอบบางของเขา เขาจะหายไประหว่างต้นไม้ ใบไม้ก็ร่วงหล่นลงที่รองเท้าผ้าใบของเขา ในขณะที่เขาปลีกวิเวกออกไปครุ่นคิดว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิต
หลังจากเขาอาศัยอยู่ใน Calafour ได้ประมาณ 2 เดือน Vitalik ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญ เขาได้ส่งอีเมลถึงมหาวิทยาลัยเพื่อบอกว่าเขาต้องการดรอปเรียนเป็นเวลาหนึ่งปีเพื่อทำงานในโครงการสกุลเงินดิจิทัลแบบเต็มตัว และหลังจากนี้เป็นต้นไปชีวิตของเขาจะไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมอีกต่อไป
2
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อกับการตัดสินใจครั้งสำคัญในการดรอปเรียนเพื่อทำตามความฝันของเขาในเส้นทาง crypto ในครั้งนี้ โปรดอย่าพลาดติดตามต่อในตอนหน้านะครับผม
2
อ่านตอนที่ 3 : The Swiss Knife
ย้อนไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก & Credit แหล่งข้อมูลบทความ
ผู้สนับสนุน..
บริษัท ดาวิน เทคโนโลยี (Davin Technology) เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมทางการเกษตร การประมง และปศุสัตว์ ได้จัดตั้งขึ้นมาจากการรวบรวมปัญหาและอุปสรรคในการใช้อุปกรณ์ IoT และ Smart Farm จากสภาพใช้งานจริง
ด้วยการประสานความสามารถของอุปกรณ์ให้ติดตั้งง่ายและยืดหยุ่น ให้ทำงานร่วมกับ Application บน Smart Phone และช่วยบันทึกและจัดเก็บทุกสภาพอากาศและปัจจัยต่างๆ เพื่อพัฒนาและปรับใช้ในการควบคุมและเพิ่มผลผลิตอย่างเหมาะสม ผ่านโครงข่าย 4G/5G
สามารถติดต่อให้ ดาวิน เทคโนโลยี เข้าไปเป็นผู้ช่วยคุณได้ที่ https://www.davin.tech/ อัปเดตกิจกรรมและข่าวสารที่ https://www.facebook.com/davin.technology หรือโทร 080-296-2895
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
อย่าลืมเข้าไปพูดคุยกันในกลุ่มสำหรับ Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ
คลิกเลย --> https://bit.ly/3E2DdM8
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา