7 ธ.ค. 2021 เวลา 13:00 • คริปโทเคอร์เรนซี
Bitcoin และ Crypto ร่วงหนัก คุณควรเข้าซื้อจังหวะไหน ?
ช่วงนี้ ตลาด Crypto ร่วงแรงในระดับหนึ่ง อาจจะมีสาเหตุมาจาก ข่าวเรื่อง Evergrande หรือ การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ Omicron
แม้จะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นคือ Bitcoin ร่วงหนัก จาก 58,000 USD ไปจนถึง 42,000 USD ภายในไม่กี่ชั่วโมง ทำให้ลาก Crypto ตัวอื่นๆ ลงไปตามๆ กัน
จากเหตุการณ์นี้ คงทำให้นักลงทุนหลายๆ คน ร้อนๆ หนาวๆ กันบ้าง แต่ก็คงมีนักลงทุนจำนวนหนึ่งที่มองว่ามันเป็นโอกาสในการช้อปปิ้งซื้อของถูก
1
ส่วนตัวผมก็มองเช่นนั้นเหมือนกัน ก็พยายามทยอยเก็บหลายๆ ตัว แต่ประเด็นคือ นักลงทุนที่ Buy the dip ส่วนใหญ่ อาจจะไม่เก่งกราฟหรือสัญญาณทางเทคนิค
แม้จะมีความเชื่อมั่นว่า Crypto จะไปต่อ แต่ก็ไม่สามารถทำใจที่เมื่อเข้าซื้อตอนที่ถูกแล้ว แต่ปรากฏว่ามันถูกลงไปอีก ซึ่งอาจจะทำให้พลาดโอกาสที่ดีในการซื้อไป อาจไม่มั่นใจในการถือ และร้อนรนกับการที่ราคาร่วงลงอีก
ผมจึงอยากจะมาแชร์ สัญญาณทางเทคนิคอันหนึ่งซึ่งส่วนตัวใช้อยู่ และคิดว่ามันเหมาะกับนักลงทุนคล้ายๆ ผม คือ
1.ลงทุนใน Crypto (เพราะไม่ชัวร์ว่ากับสินทรัพย์อื่นจะใช้ได้อย่างเหมาะสมมั้ย)
2.เป็นสายซื้อเก็บเรื่อยๆ ไม่ใช่เทรดซื้อ-ขายตลอดเวลา
1
3.มองพื้นฐานเป็นหลัก แต่แค่อยากรู้จุดเข้าที่สมเหตุสมผล
Indicator นี้ชื่อว่า Accumulation/Distribution
2
ขยายความก่อนว่า Indicator ตัวนี้ คำนวณจากการนำ“ราคาปิด” x “ปริมาณซื้อ-ขาย”
1
โดยหาก ราคาปิดเป็นลบ จะคิดโดย“ราคาปิด” x “ปริมาณขาย” ค่าที่ได้จะเป็น ลบ
หาก ราคาปิดเป็นบวก จะคิดโดย “ราคาเปิด” x “ปริมาณซื้อ” ค่าที่ได้จะเป็น บวก
และนำไปสะสม บวก/ลบ แล้วพลอตกราฟ
หากโดยสรุปคือ เอาไว้ดูว่า “คนซื้อเยอะกว่าคนขาย” หรือ “คนขายเยอะกว่าคนซื้อ” นั่นเอง
ซึ่งทำให้เราอนุมานได้ว่า หากคนซื้อเยอะกว่าคนขาย ก็แสดงว่า ราคาจะพุ่งสูงขึ้นไป
แต่หากคนขายเยอะกว่าคนซื้อ ราคาก็อาจจะพุ่งลงได้นั่นเอง (ตามหลักของ Demand & Supply)
ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่ผ่านมา
ในช่วงเดือน พ.ค. 64 – ส.ค. 64 เป็นช่วงที่ Bitcoin ราคาร่วงอย่างหนัก จาก 60,000 USD เหลือ 30,000 USD ลดลงกว่า 50% เลยทีเดียว
จากรูปจะเห็นได้ว่า แม้ราคาจะร่วงลงอย่างหนัก แต่ค่า Accum/Dist กลับลดลงนิดหน่อย และสามารถพุ่งสูงขึ้นไปได้
นั่นหมายความว่า การที่ราคา Bitcoin ร่วงก็มีคนพร้อมซื้ออยู่ตลอดเวลา และซื้อในปริมาณที่มากกว่าขายด้วย และก็ทำให้ต่อมาราคา Bitcoin ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
1
จากข้อมูลดังกล่าวคงจะพอให้เห็นภาพมากขึ้นแล้วว่า มีคนเก็บ Bitcoin เยอะกว่าขายและทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นไป
1
แต่เวลาไหนล่ะที่ควรเข้าซื้อเพิ่ม ?
เรามาดูจุดที่ควรซื้อกันดีกว่า
อย่างที่กล่าวไว้ว่า Accum/Dist จะแสดงวอลุ่มการซื้อ-ขายและตัว Demand & Supply เป็นตัวกำหนดราคา
ดังนั้น หากวอลุ่มซื้อมีปริมาณมาก โดยที่ราคา ณ ขณะนั้นยังคงตัวหรือลดลง ก็พอจะอนุมานได้ว่า นั่นคือจุดซื้อในช่วงเวลาที่ราคาถูกนั่นเอง
จากรูปเป็นช่วงเดือน ก.พ. 63 - พ.ค. 63 เป็นช่วงที่ตลาดทุนย่ออย่างหนักจากความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาด Covid-19 นักลงทุนจึงเทขายเพื่อรักษาสภาพคล่อง
ซึ่งเราจะได้ว่า ขณะนั้น BTC วอลุ่ม ณ ราคา 6,700 USD สูงกว่า วอลุ่ม ณ ราคา 10,500 USD จุดนี้จุดเป็นจุดที่ควรค่าแก่การซื้ออย่างยิ่ง
เพราะมันแสดงให้เห็นว่า คุณสามารถซื้อสินทรัพย์ที่แต่ก่อนคนพอใจที่จะซื้อในการราคา 10,500 USD ได้ในราคา 6,700 USD นั่นเอง
นับว่าเป็นความรู้สึกที่คุ้มเลยทีเดียวสำหรับนักลงทุนที่ต้องการของถูก
แต่อย่างไรก็ตาม Indicator ตัวนี้ไม่ได้บอกว่า หากค่า Accum/Dist จะเพิ่มสูงขึ้น แล้วราคาจะพุ่งตามในทันที เพราะมันต้องดูหลายองค์ประกอบ เช่น เทรนด์ Bullish Bearish การกลับตัว นู้นนี่นั่น (ผมไม่ค่อยเก่ง Technical นะครับ ขออภัย)
แต่สิ่งที่คุณได้จาก Indicator ตัวนี้คือ ความมั่นใจการเข้าซื้อ ความมั่นใจในการถือ เพราะอย่างไรก็ตามก็ไม่มีใคร Predict ราคาได้ถูกต้องแม่นยำเสมอ มันจะต้องผิดพลาดบ้าง
ดังนั้นการที่คุณซื้ออะไรจึงสำคัญ เพราะพื้นฐานมันสะท้อนออกมาเป็นราคา แม้วันนี้อาจจะดอย แต่อนาคตยังไงก็หลุดดอยได้ครับหากพื้นฐานมันดีจริง
พื้นฐาน อนาคต ความเป็นไปได้ต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่ต้องวิเคราะห์ให้ละเอียด ศึกษาให้มากจึงจะสามารถชนะตลาดนี้ได้ครับ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านบทความนี้จนจบ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านไม่มากก็น้อยนะครับ คิดเห็นอย่างไรเข้ามาพูดคุยกันได้ครับ ขอบคุณครับ
#investingknowledge #bitcoin #crypto #cryptocurrency #ethereum #altcoin #การลงทุน #อิสรภาพทางเงิน #ลงทุนBitcoin #ลงทุนCrypto #freebitcoin #bitcoinfree #bitcointousd
ฝากติดตามผลงาน
Facebook : bit.ly/3Ivyuoq
Blockdit : bit.ly/33dccI3
Youtube : bit.ly/335G497
โฆษณา