สนีกเกอร์ Converse All Star ถูกออกแบบขึ้นในปีคริสต์ศักราช 1917 ที่โรงงานผลิตรองเท้า Converse Rubber Shoe ของมาร์คีส์ มิลส์ คอนเวิร์ส (Marquis Mills Converse) ในรัฐแมสซาชูเซตต์ส ซึ่งมีต้นแบบมาจากรองเท้าบาสเกตบอลในยุคนั้น ในปีคริสต์ศักราช 1923 นักบาสเกตบอลนาม ชาร์ลส์ เอช. ชัค เทย์เลอร์ (Charles H. “Chuck” Taylor) ได้เดินเข้ามาที่บริษัทและแสดงความไม่พอใจที่สนีกเกอร์คอนเวิร์ส ‘ใส่แล้วเจ็บเท้า’ จึงทำให้สนีกเกอร์รุ่น All Star ถูกนำมาปรับดีไซน์ใหม่ เน้นพื้นรองเท้าให้นุ่มสบายและยืดหยุ่นได้ หลังจากนั้นคอนเวิร์สจึงตัดสินใจว่าจ้างเทย์เลอร์ให้เป็นเซลส์แมนและแอมบาสเดอร์ตระเวนโปรโมตสนีกเกอร์รุ่นนี้ไปทั่วสหรัฐอเมริกา
กระทั่งปีคริสต์ศักราช 1932 ลายมือชื่อของชัค เทย์เลอร์ ก็ถูกประทับอยู่บนตราดาวของคอนเวิร์สที่ด้านข้างสนีกเกอร์นับแต่นั้นเป็นต้นมา และได้รับความนิยมไปทั่วสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในกลุ่มนักบาสเกตบอลตั้งแต่ YMCA ถึง NBA นักกีฬาในการแข่งขันโอลิมปิกส์ ไปจนถึงกองทัพทหารในสงครามโลกครั้งที่ 2 ดีไซน์รองเท้าผ้าใบหุ้มข้อของ Converse All Star ที่เราเห็นในปัจจุบันนั้นปรากฏขึ้นครั้งแรกในปีคริสต์ศักราช 1966 ซึ่งปรับผ้าใบให้หนาขึ้น พื้นรองเท้าส่วนกลางถูกปรับนูนขึ้นเพื่อให้สวมใส่สบาย และยังเพิ่มส่วนกันกระแทกที่หนาขึ้น รวมทั้งมีปลายหุ้มข้อที่แคบลงทำให้ดูทันสมัย
นอกจากนี้สนีกเกอร์ Converse All Star ยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมป๊อปเช่นเดียวกับกางเกงยีนส์ลีวายหรือแว่นกันแดดเวย์แฟร์เรอร์ของเรย์แบน อย่างการที่เอลวิส เพรสลีย์ สวมสนีกเกอร์รุ่นนี้ในภาพยนตร์เรื่อง Follow That Dreams และไมเคิล เจ. ฟ็อกซ์ ใน Back to the Future ไปจนถึงการได้ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตร่วมกับเคิร์ต โคเบน, อิกกี้ ป๊อป และสนูปด็อกก์ ในช่วงทศวรรษที่ 90’s