10 ธ.ค. 2021 เวลา 07:09 • หนังสือ
“สิ่งที่เป็นไปไม่ได้อาจเป็นไปได้...ผ่านการมีชีวิตอยู่”
หนังสือชื่อ “The Midnight Library มหัศจรรย์ห้องสมุดเที่ยงคืน“ เขียนโดย แมตต์ เฮก แปลโดย วรรธนา วงษ์ฉัตร เล่าเรื่องผู้หญิงวัย 35 ปีที่มีชื่อว่า นอรา ซีด เธอพบเจอกับความผิดหวังและการสูญเสียหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความฝัน คนรัก สัตว์เลี้ยง งาน และการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า จนทำให้เธอตัดสินใจจบชีวิตลง แต่ทว่า นอราได้รับโอกาสอีกครั้งโดยฟื้นมาในห้องสมุดเที่ยงคืนที่มีบรรณารักษ์ชื่อมิสซิสเอล์มเป็นคนดูแล โดย ณ ที่แห่งนี้เอง เธอได้ลองกลับไปใช้ชีวิตในหลายรูปแบบที่เธอไม่ได้เลือกตอนยังมีชีวิตอยู่และเคยเสียดาย อาทิ ชีวิตที่เป็นนักกีฬาว่ายน้ำโอลิมปิก ชีวิตที่เป็นนักสำรวจภูเขาหิมะ ชีวิตที่แต่งงานและมีครอบครัว
ชีวิตที่มีแต่ความสุขและปราศจากทุกข์จะมีจริงมั้ย
ชีวิตที่เราไม่ได้เลือกจะทำให้เรามีความสุขจริงหรือไม่
ชีวิตแบบไหนกันแน่ที่เราต้องการ
หนังสือเล่มนี้จะชวนคุณขบคิดคำถามเหล่านี้ครับ
3 สิ่งที่ได้เรียนรู้
1. ความเชื่อที่ว่ามีวิธีการใช้ชีวิตแบบใดแบบหนึ่งที่จะทำให้เราไม่เศร้าเสียใจเป็นความเชื่อที่อาจจะทำให้เราทุกข์มากกว่าเดิม
ส่วนหนึ่งที่นอรารู้สึกผิดหวังกับชีวิตตัวเอง อาจจะเป็นเพราะเธอให้ความสำคัญกับสิ่งที่ไม่เป็นไปตามที่ตัวเองคาดหวัง เช่น การตกงาน แมวสุดที่รักที่จากไป หรือนักเรียนเปียโนคนเดียวที่ตัดสินใจหยุดเรียน เป็นต้น ประกอบกับการที่เรื่องราวแย่ ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งคงทำให้เธอรู้สึกเหมือนทำไมชีวิตถึงเลวร้ายแบบนี้จนเกินจะรับไหว
แต่หลังจากที่เธอมาอยู่ในห้องสมุดเที่ยงคืนและได้ลองใช้ชีวิตต่าง ๆ แล้ว เธอกลับอยากมีชีวิตอยู่ เพราะรู้แล้วว่า ไม่มีชีวิตไหนที่สมบูรณ์แบบ แม้กระทั่งชีวิตที่ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จที่สุดก็ยังมีสิ่งที่ทำให้เธอไม่ถูกใจ ที่สำคัญ เธอยังมีคนอีกมากมายที่รักเธอในแบบที่เธอเป็น ไม่ว่าจะเป็นพี่ชายหรือเพื่อนของเธอ
เราอาจไม่จำเป็นต้องตามหาชีวิตที่สมบูรณ์แบบ
เพียงแค่เราใช้ชีวิตหนึ่งอย่างเต็มที่และเข้าใจความเป็นจริงของชีวิตก็อาจจะเพียงพอแล้ว
2. ชีวิตที่เราเคยเสียดายเป็นความฝันของเราหรือของคนอื่นและเป็นชีวิตที่เราต้องการจริงหรือไม่
นอราได้ทดลองก้าวเข้าไปในชีวิตที่เธอไม่ได้เลือกตอนอยู่ห้องสมุดและพบว่าส่วนใหญ่เป็นชีวิตที่เป็นความฝันของคนอื่น
นอราได้ลองใช้ชีวิตการเป็นนักกีฬาว่ายน้ำโอลิมปิกที่ประสบความสำเร็จ แต่ในชีวิตนั้น เธอพบว่าเธอกำลังทำตามความฝันของคุณพ่อที่อยากให้เธอเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ เธอต้องเสียสละความสัมพันธ์ ความรักในดนตรี และการใช้ชีวิตของตัวเอง
นอรามีชีวิตแต่งงานกับแฟนหนุ่มชื่อแดนและใช้ชีวิตในผับซึ่งเป็นความฝันของแดนแต่เป็นชีวิตแต่งงานที่ไม่มีความสุข
นอราได้ลองไปเที่ยวออสเตรเลียกับเพื่อนสนิทชื่ออิซซี่ ซึ่งเธอเลือกที่จะไม่ไปในชีวิตจริงและรู้สึกผิด ทั้งที่จริง ๆ เธอรู้สึกแบบนี้กับอิซซี่ไม่ใช่กับตัวเอง แต่ปรากฏว่าอิซซี่กลับเสียชีวิตในชีวิตเวอร์ชั่นนี้
หรือจริง ๆ แล้วชีวิตในตอนนี้ของเราอาจจะเป็นชีวิตที่เราเลือกมาอย่างดีแล้วก็ได้
3. “คุณจะไม่มีวันมีชีวิต ถ้าคุณกำลังมองหาความหมายของชีวิต”
ประโยคหนึ่งในหนังสือที่ประทับใจคือ “ชีวิตคือการลงมือทำ”
ในช่วงที่นอรารู้สึกว่าชีวิตมืดมนราวกับโลกทั้งใบหันหลังให้เธอ เธออาจจะกำลังคิดว่า ทำไมไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่เธอคิดเลย ถ้าเหตุการณ์บางเรื่องในชีวิตเป็นอีกแบบหนึ่ง ชีวิตเธออาจจะดีกว่านี้ก็ได้ แต่หลังจากที่เธอเข้ามาอยู่ในห้องสมุดเที่ยงคืน เธอได้เรียนรู้ว่า การที่เธอตัดสินใจจบชีวิตอาจทำให้เธอพลาดหลาย ๆ อย่างไป ซึ่งหากเธอเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ชีวิตอาจจะพาเธอไปเจออะไรที่คาดไม่ถึงและดีกับเธอก็ได้
นอกจากนี้ รอยแผลจากอดีตอาจจะทำให้เราหันกลับมาให้คุณค่าและซาบซึ้งกับสิ่งที่มีอยู่มากขึ้นที่เราอาจเคยมองข้ามไปในอดีตก็เป็นได้
”เราอาจจะรู้จักชีวิต...เมื่อได้ลองใช้ชีวิต“
แม้ในค่ำคืนที่มืดมนที่สุด ยังมีดวงดาวเล็ก ๆ ส่องแสงระยิบระยับอยู่บนฟากฟ้า
ขอเป็นกำลังใจเล็กๆ ให้ผู้อ่านรีวิวนี้ทุกคนที่กำลังรู้สึกท้อแท้หรือหมดหวังกับชีวิตในปัจจุบันครับ เรามาสู้ไปด้วยกันนะครับ <3
โฆษณา