11 ธ.ค. 2021 เวลา 05:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
OECD หั่น คาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้ จากพิษโควิด-19 และเงินเฟ้อ
1
✅Weekly in Focus : ประเด็นเด็ดประจำสัปดาห์ที่ผ่านมา
1
- ผลพวงจากโควิด-19 ยังแรงอยู่! องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกจากเดิมคาดขยาย 5.7% เป็น 5.6% ในปีนี้
OECD หั่น คาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้ จากพิษโควิด-19 และเงินเฟ้อ
เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19, ภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน และเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ดียังคงคาดการณ์สำหรับปี 2565 โดยคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 4.5% ก่อนที่จะชะลอตัวสู่ระดับ 3.2% ในปี 2566 นอกจากนี้ยังปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยคาดว่าปีนี้จะขยายตัว 5.6% จากเดิมที่ 6.0%
- เงินเฟ้อส่งแรงกดดันต่อเนื่อง! นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวว่า เฟดอาจปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) มากกว่าเดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยเฟดจะมีการหารือกันในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 14-15 ธ.ค. นี้ เนื่องจากเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งมาก และแรงกดดันจากเงินเฟ้อไม่ชั่วคราวได้เพิ่มสูงขึ้น
- สหรัฐฯยังแข็ง! ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯไม่มีนโยบายที่จะประกาศล็อกดาวน์เศรษฐกิจ จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน แต่จะใช้วิธีการปูพรมฉีดวัคซีนและบูสเตอร์เป็นวงกว้าง
1
รวมถึงจะมีการตรวจหาเชื้อเพิ่มขึ้นด้วย ด้านยุโรปมีการปิดพรมแดนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ญี่ปุ่นกลับมาเปิดประเทศหลังถูกประชาชนวิจารณ์อย่างหนัก ล่าสุดพบเชื้อโอไมครอนแล้วกว่า 40 ประเทศทั่วโลก
- จีนเพิ่มเงินเสริมสภาพคล่อง! ธนาคารกลางจีน (PBOC) อัดฉีดเงิน 1 หมื่นล้านหยวน เข้าสู่ระบบการเงิน ผ่านข้อตกลง reverse repo ประเภทอายุ 7 วัน ซึ่ง PBOC จะเข้าซื้อหลักทรัพย์จากธนาคารพาณิชย์ด้วยข้อตกลงที่จะขายคืนในอนาคต
โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาสภาพคล่องในระบบธนาคารให้มีเสถียรภาพอย่างเหมาะสมในช่วงที่ตลาดการเงินมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาสภาพคล่องในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน
1
อีกทั้ง PBOC ปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ในอัตรา 0.50% สำหรับสถาบันการเงินทุกแห่ง โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. ยกเว้นสถาบันการเงินที่มีการกันสำรองอยู่ที่ระดับ 5% อยู่แล้ว โดยคาดว่าจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ และช่วยลดต้นทุนทางการเงินอย่างครอบคลุม
✅Commodity Update : สินค้าโภคภัณฑ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
#ทองคำ : ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า 0.52% ปิดที่ 1,782.30 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ส่งสัญญาณยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด #แนะนำ ลงทุน 5-10% ของพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยง แทนการลงทุนเป็นสัดส่วนหลักหรือเก็งกำไรในระยะสั้น
1
#น้ำมัน : ราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง 2.77% ปิดที่ 66.26 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่จะมีต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน #ไม่แนะนำ เข้าลงทุน
✅Fund of the Week : กองทุนน่าสนใจประจำสัปดาห์
⭐️K-CHINA / K-CCTV / K-CHX / K-ASIACV / K-ASIAX / K-ATECH / K-VIETNAM / K-CHANGE-SSF / KCHANGERMF / K-GA / K-GINCOME / K-GINCOME-SSF / K2035RMF / K2040RMF⭐
ตลาดหุ้นโลกได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนที่ได้กระจายตัวไปทั่วโลกแล้ว อีกทั้งยังมีความกังวลต่อแนวทางการดำเนินนโยบายของเฟด ที่อาจเข้มงวดมากกว่าที่ได้แถลงไปก่อนหน้า
คาดตลาดหุ้นจะยังผันผวนต่อเนื่องในระยะสั้นนี้จนกว่าจะมีความชัดเจนของสายพันธุ์โอไมครอนมากขึ้น สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่เรายังเห็นโอกาสการเติบโตที่ดีในปีหน้า
แนะนำ K-CHINA, K-CCTV, K-CHX, K-ASIACV, K-ASIAX, K-ATECH, K-VIETNAM, K-CHANGE-SSF, KCHANGERMF
สำหรับผู้ที่ต้องการกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก แนะนำ K-GA, K-GINCOME, K-GINCOME-SSF, K2035RMF, K2040RMF
สนใจลงทุนหรือดูเรื่องกองทุนเพิ่มเติม คลิก : https://bit.ly/3rIOMVg
1
#KAsset #KBankLive
โฆษณา