8 ธ.ค. 2021 เวลา 11:36 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
The BOX // กล่องนี้มีรัก (2021)
  • ผู้กำกับ: ยางจองอุง
  • ค่าย: Studio Take
  • ช่องทางรับชม: TrueID
อาการกลัวเวที (Stage fright) หรือเรียกเป็นทางการขึ้นมาหน่อยว่า ความวิตกกังวลทางการแสดง (Performance anxiety) อาจร้ายแรงกว่าที่บางคนมองว่าเป็นแค่พฤติกรรมของคนขี้อายเกินเหตุ เพราะบางครั้งมันก็เป็นตัวขัดขวางไม่ให้คนคนหนึ่งได้ดื่มด่ำกับศักยภาพแท้จริงของตนอย่างเต็มที่ และอาจทำให้หมดหนทางพัฒนาบุคลิกภาพโดยสมบูรณ์... นี่คือประเด็นซึ่งภาพยนตร์ที่เคยขึ้น Box office อันดับ 1 ของประเทศเกาหลีใต้อย่าง "The Box" (더 박스) หรือชื่อไทยว่า "กล่องนี้มีรัก" นำเสนอผ่านการดำเนินเรื่องยาว 89 นาที
ภาพจาก https://www.hancinema.net/korean_The_Box-picture_1310517.html
เรื่องมีอยู่ว่า มินซู (รับบทโดย โจดัลฮวัน) โปรดิวเซอร์เพลงตกอับ หนี้สินติดตัวพะรุงพะรัง กำลังมองหานักดนตรีหน้าใหม่ที่มีแววดังมาปั้นเป็นซูเปอร์สตาร์ แล้วก็บังเอิญไปพบเจอจีฮุน (รับบทโดย พัคชานยอล) หนุ่มหล่อมากความสามารถ เล่นกีต้าร์เก่งเทพ ดีดเปียโนก็เป็น ตีกลองก็ได้ ทว่าได้แต่เล่นดนตรีในห้องซ้อมมืด ๆ ให้ตัวเองฟังคนเดียว เพราะมีปมในใจตั้งแต่วัยเด็กที่ทำให้เป็นโรคกลัวเวที ไม่กล้าแสดงฝีมือในที่สาธารณะ
มินซูทั้งเสียดายพรสวรรค์ที่จีฮุนมี ขณะเดียวกันก็เห็นใจอาการของเขา ดีดลูกคิดในหัวไปมา เลยได้วิธีแก้ปัญหาสุดบรรเจิด พาหนุ่มนักดนตรีเดินสายทั่วประเทศ โดยให้เล่นกีต้าร์อยู่ภายในกล่องกระดาษใบใหญ่ที่ตกแต่งภายนอกให้ดูเหมือนตู้เพลง เก็บเงินจากผู้ฟังที่ชื่นชอบดนตรีเพราะ ๆ ไปพลางหวังว่า อาการกลัวเวทีของจีฮุนจะค่อย ๆ ทุเลาลงจนเขาเกิดความกล้าที่จะออกมาจากกล่องด้วยตัวเอง
ภาพจาก https://www.hancinema.net/korean_The_Box-picture_1310518.html
บอกแบบขวานผ่าซากได้เลยว่า พล็อตเรื่องของ The Box ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่หวือหวา เป็นเรื่องแนว Coming of age หรือการเติบโตและพัฒนาตนเองของตัวละครที่พบได้ทั่วไปทั้งในหนังกระแสหลักและกระแสรอง แถมเดาทิศทางของเนื้อเรื่องได้ง่าย
แต่พอดูแบบเมินเฉยสมองส่วนที่ช่างจับผิดเอาไว้ ก็พบว่าองค์ประกอบหลายสิ่งหลายอย่างในภาพยนตร์เรื่องนี้ชวนให้เคลิบเคลิ้มเพลิดเพลินได้ไม่เลว โดยเฉพาะดนตรีประกอบและเพลงที่ตัวละครผลัดกันมาร้องให้ฟัง ทั้งเพลงสากลคลาสสิกที่นำมาคัฟเวอร์ใหม่ และเพลงออริจินัลของหนังเรื่องนี้ ทุกเพลงควรค่าแก่การบันทึกไว้เป็นเพลย์ลิสต์ใน YouTube ไว้เปิดฟังเพลิน ๆ ได้ตลอดทั้งวัน
ภาพจาก https://www.hancinema.net/korean_The_Box-picture_1307569.html
พูดถึงเพลง เห็นมีหลายเว็บและหลายบทความเรียก The Box ว่าเป็นหนังมิวสิคัล ตอนแรกผมก็ลุ้นให้เป็นแบบเรื่อง La La Land ที่ตัวละครร้องรำทำเพลงไปมาตลอดทั้งเรื่อง แต่เอาเข้าจริงพบว่าโมเมนต์แบบหนังมิวสิคัลมีแค่ช่วงต้นเรื่อง ตอนที่คนขับแท็กซี่ (รับบทโดย Gaeko) ร้องเพลงขณะขับรถไปส่งมินซูที่กำลังเมาแอ๋ นอกนั้นแล้วตัวละครก็ร้องเพลงแค่ในฉากที่มีการแสดงให้ผู้ชมฟัง ตรงนี้เลยเป็นอีกจุดที่แอบน่าเสียดายสำหรับหนังเรื่องนี้
ในด้านตัวละคร กล่าวได้ว่าตัวเอกทั้ง 2 ตัวแบกเนื้อเรื่องได้ดีตั้งแต่ต้นจนจบ ความสัมพันธ์ระหว่างมินซูและจีฮุนที่ค่อย ๆ พัฒนาจากนักดนตรีกับผู้จัดการมาเป็นเพื่อนต่างวัย ก่อนจะเป็นเสมือนพี่น้องและพ่อลูก ทำให้อบอุ่นหัวใจได้ไม่แพ้ซาวนด์แทร็กและเพลงเยี่ยม ๆ ในเรื่อง แต่ในระดับปัจเจกแล้ว ตัวหนังแทบไม่เปิดเผยให้คนดูได้มีโอกาสทำความรู้จักตัวละครทั้งคู่แบบลงลึกเท่าไหร่ ซึ่งนับว่าเป็นอีกจุดที่น่าเสียดาย
ภาพจาก https://www.hancinema.net/korean_The_Box-picture_1310526.html
สำหรับตัวเอกหมายเลข 1 อย่างจีฮุน ภาพยนตร์เผยให้เห็นเสี้ยวหนึ่งของวัยเด็กอันขมขื่นที่เขาถูกพ่อทำร้ายจิตใจ จนเป็นสาเหตุให้มีอาการกลัวเวทีทั้งที่รักการเล่นดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งยังทำให้คนดูได้ประจักษ์เต็มอิ่มถึงความสามารถทางดนตรีชนิดเก่งรอบด้านของนักแสดงผู้รับบทตัวละครนี้อย่างพัคชานยอล สมาชิกวงบอยแบนด์ EXO แต่หนังก็ไม่ได้ทำให้คนดูสัมผัสถึงความกลัวเวทีของจีฮุนจริง ๆ เท่าไหร่ เห็นเพียงท่าทางภายนอกเวลาอาการดังกล่าวกำเริบ จุดนี้เลยทำให้ฉากไคลแมกซ์ของเรื่องดูทรงพลังน้อยกว่าที่ควร อาจดีกว่านี้ถ้ามีแฟลชแบ็กย้อนให้เห็นว่า จีฮุนในอดีตต้องพบความระทมทุกข์หรือสูญเสียโอกาสดี ๆ อะไรไปบ้างจากอาการกลัวเวที
ภาพจาก https://www.hancinema.net/korean_The_Box-picture_1310523.html
ส่วนตัวเอกคู่ขวัญอย่างมินซูนี่ยิ่งไปกันใหญ่ ถึงแม้การแสดงของโจดัลฮวันจะเกือบสมบูรณ์แบบ แต่หนังกลับเปิดโอกาสให้คนดูได้รู้จักตัวละครนี้จริง ๆ น้อยกว่าจีฮุนด้วยซ้ำ คนดูได้รู้แค่ว่า แกเคยเป็นโปรดิวเซอร์มือดี เคยประสบความสำเร็จ เคยปั้นนักร้องที่ดังระเบิดอย่างโรซี (Rothy) และก็มีคอนเนกชัน (รวมถึงเจ้าหนี้) มากมายในวงการต่าง ๆ แต่เรากลับไม่รู้ตัวตนจริง ๆ ของแกเลยว่า แกมีแพชชันอะไรกับวงการดนตรี ทำไมแกถึงเอ็นดูจีฮุนนักหนา (มากกว่ามองแค่เป็นตัวทำเงิน) รวมถึงอะไรคือสาเหตุที่ทำให้แกตกอับแบบตอนต้นเรื่อง
ภาพจาก https://www.hancinema.net/korean_The_Box-picture_1310522.html
สุดท้าย เรื่องนี้มีความน่าสนใจตรงที่สามารถมองในแง่จิตวิเคราะห์ได้ด้วย กล่าวคือ อาการกลัวเวทีของจีฮุนมีสาเหตุแรกเริ่มจากการถูกพ่อแท้ ๆ ละทิ้ง จึงกลายเป็นปมในใจที่ทำให้เขาไม่กล้าเปิดตัวต่อสาธารณะ ปมตรงนี้ส่งผลให้จีฮุนเป็นเสมือนเด็กที่ไม่กล้าออกนอกครรภ์มารดาเพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในโลกภายนอกโดยสมบูรณ์ การที่เขาสบายใจที่จะเล่นดนตรีอยู่ในห้องซ้อมคนเดียวก็ดี เล่นอยู่ในกล่องกระด่าษก็ดี เปรียบได้กับทารกที่มีความสุขอยู่แต่ในครรภ์มารดาไปวัน ๆ จนกระทั่งมินซูได้รู้จักจีฮุน และทำหน้าที่เสมือนตัวแทนของพ่อ (Father figure) ที่รัก ดูแล และใส่ใจเขา จึงทำให้หนูน้อยมินซูกล้าแหวกครรภ์มารดาออกสู่โลกภายนอก และกลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวที่สยบอาการกลัวเวทีได้ราบคาบในที่สุด
ภาพจาก https://www.hancinema.net/korean_The_Box-picture_1307568.html
The Box อาจไม่ได้มีความสมบูรณ์แบบเหมือนจีฮุนหรือชานยอล แต่ก็มีความรักความอบอุ่นหัวใจพร้อมหยิบยื่นให้ผู้ชมได้สัมผัส สมชื่อไทยที่ว่า "กล่องนี้มีรัก" จริง ๆ ครับ
ภาพจาก https://www.hancinema.net/korean_The_Box-picture_1309944.html
เอาละ... กล่องนี้มีรัก แล้วไพ่ของผมมีอะไรจะ "เผาเรื่อง" ภาพยนตร์อบอุ่นหัวใจเรื่องนี้กันบ้าง มาดูกันเลยครับ
ไพ่ชุดที่จะใช้ในคราวนี้มีชื่อว่า "Dreaming Way Tarot" โดย สนพ. U.S. Games Systems ซึ่งนอกจาก คุณ Rome Choi ผู้ออกแบบ และ คุณ Kwon Shina ผู้วาดหน้าไพ่ จะเป็นชาวเกาหลีใต้แล้ว ไพ่ทาโรต์ชุดนี้ยังมีภาพรวมดูอบอุ่น สบาย ๆ จึงนับว่าเหมาะสมอย่างที่สุดที่จะใช้ "เผาเรื่อง" ภาพยนตร์เกาหลีเรื่องนี้
Dreaming Way Tarot
ในการใช้ไพ่ชุดนี้ "เผา" The Box กล่องนี้มีรัก ผมสุ่มจับไพ่ออกมา 5 ใบ ได้แก่
1) Seven of Pentacles
2) The Emperor
3) Ten of Wands
4) Death
5) The Empress
"การลงทุนลงแรงเพื่อจัดการปัญหาหนักใจ (ของตัวเอก) ให้หมดสิ้น และพบความเปลี่ยนแปลงที่เหมือนได้เกิดใหม่"
มาดูความหมายไพ่โดยละเอียดทีละใบกันครับ
ไพ่ใบที่ 1 - Seven of Pentacles  (7 เหรียญ)
ไพ่ 7 เหรียญของชุดนี้ สื่อความถึงการลงทุนลงแรงทำบางสิ่งบางอย่าง สังเกตจากภาพหน้าไพ่ ผู้หญิงในรูปเอาเงินไปซื้อกระเป๋ามาหลายใบ ซึ่งก็คือการทุ่มเงินเพื่อซื้อความสุขให้ตัวเอง ทั้งนี้ยังหมายถึงการลงทุนในทางนามธรรม อย่างการทุ่มเทหรือใส่ใจในใครสักคนหรืออะไรสักอย่างเป็นพิเศษ
ไพ่ใบที่ 2 - The Emperor (จักรพรรดิ) & ไพ่ใบที่ 3 - Ten of Wands (10 ไม้เท้า)
ต่อมาเป็นคู่ของไพ่ 10 ไม้เท้า ซึ่งหมายถึงความเหนื่อยยาก ลำบากหนักหนาสาหัส รวมถึงปัญหาหนักอึ้งทางใจ ประกบคู่กับไพ่จักรพรรดิ ซึ่งนอกจากจะหมายถึงพ่อ ผู้ปกครอง หรือเจ้านายแล้ว ยังหมายถึงการควบคุมและการบริหารจัดการด้วย สองใบนี้จึงหมายความรวมกันเป็นการควบคุม/จัดการกับปัญหาหนักใจ
ไพ่ใบที่ 4 - Death (ยมทูต) & ไพ่ใบที่ 5 - The Empress (จักรพรรดินี)
สองใบสุดท้ายคือคู่ของไพ่ยมทูต ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักสื่อถึงการสิ้นสุดหรือความเปลี่ยนแปลง มากกว่าจะหมายถึงความตายตามชื่อไพ่โดยตรง ประกบคู่กับไพ่จักรพรรดินี ซึ่งตามหน้าไพ่สื่อถึงการให้กำเนิดสิ่งใหม่ ไพ่สองใบนี้จึงหมายความรวมกันได้ว่า เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือการสิ้นสุดของบางสิ่งบางอย่าง ทำให้มีสิ่งใหม่เกิดขึ้นมาแทน
อ่านไพ่รวมทุกใบได้ว่า The Box กล่องนี้มีรัก เป็นหนังที่มีใครคนหนึ่งทุ่มสุดตัว ลงทุนลงแรงเพื่อจัดการปัญหาหนักใจของใครอีกคนหนึ่งให้หมดสิ้นลงไป และทำให้เขาคนนั้นได้พบความเปลี่ยนแปลงที่เหมือนได้เกิดใหม่ ซึ่งตามบริบทเนื้อเรื่องแล้วก็ตรงกับการที่มินซูทุ่มเทเต็มที่ทั้งแรงกายและแรงทรัพย์ (ที่ไม่ได้มีมากมายเท่าไหร่) เพื่อช่วยให้จีฮุนเอาชนะอาการกลัวเวทีให้สำเร็จ
ทั้งนี้ น่าสังเกตว่าไพ่ที่สุ่มจับได้นี้ยังมิวายสะท้อนมุมมองจิตวิเคราะห์ต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ คล้ายกับที่ผมนำเสนอไว้ในพาร์ตแรก คือมีตัวแทนของพ่อ [Emperor] ที่ช่วยให้ตัวละครเอกอย่างจีฮุนสามารถทำลาย [Death] อาการทางจิตที่เปรียบได้กับการขังตัวเขาเองไว้ภายในครรภ์แม่ [Empress] นั่นเอง
โฆษณา