8 ธ.ค. 2021 เวลา 14:54 • การศึกษา

พระคริสต์ผู้พิชิตความตาย

He is risen.
นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เราคงเคยจะได้ยินเรื่องเกี่ยวกับการที่คนเสียชีวิตไปแล้วกลับฟื้นขึ้นมาได้อีกแต่เราก็จะเห็นว่า คนเหล่านั้นที่ฟื้นจากตายก็ไม่สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไป เพราะในที่สุดพวกเขาเหล่านั้นก็ต้องพบกับความตายอีกครั้งหนึ่ง และไม่มีทางที่จะฟื้นขึ้นมาอีกได้เลย
แต่ท่านทราบไหมว่าในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาตินั้น มีชายคนหนึ่งที่ถูกตรึงตายบนไม้กางเขน แต่ในวันที่ 3 เขาก็ได้ฟื้นขึ้นมาจากความตาย และมีชีวิตอยู่ตลอดไป ชายผู้นั้นก็คือ พระเยซูคริสต์
หลายท่านอาจสงสัยว่าพระเยซูสามารถฟื้นจากตายและมีชีวิตคงอยู่ตลอดไปได้อย่างไร? คำตอบก็คือ เพราะพระองค์ไม่ใช่บุคคลธรรมดาแต่พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าที่มารับสภาพเป็นมนุษย์เพื่อช่วยไถ่ความผิดบาปให้แก่มนุษย์เรา ซึ่งการฟื้นจากความตายของพระเยซูคริสต์ นับว่าเป็นรากฐานความเชื่อที่สำคัญที่สุดของคริสเตียน
ซึ่งถ้าเรื่องนี้ไม่จริง ศาสนาคริสเตียนก็เป็นศาสนาที่โกหกหลอกลวงที่สุดในโลกและถ้าใครคนหนึ่งสามารถที่จะหาหลักฐานเพียงอย่างเดียวมายืนยันได้ว่า เรื่องการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูนั้นเป็นเรื่องโกหก เขาก็สามารถที่จะลบล้างศาสนาคริสเตียนออกจากโลกนี้ได้เลย
และนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้มีคนมากมายพยายามที่จะหาข้อมูลหรือหลักฐานเพื่อจะมาลบล้างหลักข้อเชื่อในเรื่องนี้ แต่ข้อมูลหลักฐานที่เขาค้นพบนั้น มันกลับยิ่งสนับสนุนให้เห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่า พระเยซูทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายแล้วจริง ๆ
ท่านเคยสังเกตไหมว่า ไม่มีใครในโลกที่จัดฉลองวันเกิดให้กับผู้ที่ตายไปแล้ว แต่เราจะเห็นว่าเมื่อถึงวันคริสต์มาสก็จะมีผู้คนทั่วโลกร่วมเฉลิมฉลองเพื่อเป็นการระลึกถึงวันที่พระเยซูมาบังเกิดในโลกนี้เมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว ดังนั้นการฉลองวันเกิดให้กับพระเยซูคริสต์จึงเป็นการยืนยันว่าพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่และถ้าพระเยซูเป็นขึ้นจากความตายเป็นเรื่องไม่จริง ความเชื่อในเรื่องนี้จะอยู่ได้ถึง 2,000 ปีหรือ?
สมมุติว่าผมกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเป็นเพื่อนรักกัน ซึ่งใคร ๆ ก็รู้ และถ้าวันหนึ่งท่านประธานาธิบดีเสียชีวิตไป ผมก็เอาศพของท่านไปฝังใต้ดิน ซึ่งมีผมรู้คนเดียว ต่อมามีนักข่าวมาถามผมว่า “ท่านประธานาธิบดีไปไหน?” ผมบอกว่า “ท่านไปต่างประเทศ อีก 2-3 วันถึงจะกลับ” นักข่าวจะเชื่อผมไหมครับ?. อาจจะเชื่อ!แต่เชื่อเกิน 10 ปีไหม?ไม่มีทาง!ซึ่งตัวอย่างนี้กำลังบอกเราว่า เรื่องไม่จริงนั้นอยู่ได้ไม่นาน
ดังนั้นการที่เวลาผ่านไปกว่า 2,000 ปีแล้วแต่ก็ยังมีคนเชื่อในพระองค์และยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นยิ่งทำให้เราเห็นชัดว่า การที่พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นจากความตายนั้นเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน
ศพของพระเยซูคริสต์หายไปไหน?
เราจะเห็นว่าศพของศาสดาของศาสนาต่าง ๆ ในโลกนั้นยังอยู่ แต่ศพของพระเยซูคริสต์หายไปจากอุโมงค์ฝังศพ ซึ่งถ้าหากใครไม่เชื่อเรื่องการฟื้นจากความตายของพระเยซู เขาก็ต้องอธิบายให้ได้ว่าศพของพระองค์หายไปไหน? แฟรงค์ มอริสัน ทนาย ความชาวอังกฤษ ซึ่งเขาไม่เชื่อเรื่องการฟื้นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์
เขาจึงได้ศึกษาข้อมูลและสมมุติฐานต่าง ๆ นานา เพื่อจะมายืนยันว่า “ศพของพระเยซูหายไปไหน?”ศพของพระเยซูคริสต์หายไปไหน
สุดท้ายเขาก็ยอมจำนนด้วยหลักฐานและข้อมูลที่เขาค้นพบในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเชื่อในพระเยซูคริสต์ เพราะเขามั่นใจแล้วว่า พระองค์ทรงฟื้นขึ้นจากความตายแล้วจริง ๆต่อไปนี้เป็นสมมุติฐานในการอธิบายว่า “ศพของพระเยซูคริสต์หายไปไหน?”.
1. ศพของพระเยซูหายไป เพราะถูกศัตรู (พวกคนที่ตรึงพระเยซูคริสต์) ขโมยไป
ตอบ : นี่เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยเพราะว่าหลังจากที่พวกสาวกของพระเยซูรู้ว่าศพของพระองค์ไม่อยู่ในอุโมงค์ พวกเขาก็ได้ประกาศว่าพระเยซูคริสต์ทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายแล้ว ดังนั้นถ้าศพของพระเยซูถูกพวกศัตรูขโมยไป พวกเขาก็สามารถเอาศพของพระองค์มาคัดค้านคำประกาศของพวกสาวกของพระเยซูได้
2. ศพพระเยซูหายไปเพราะพวกทหารที่เฝ้าอุโมงค์เป็นผู้เอาไป
ตอบ : ดูเหมือนว่าอาจเป็นไปได้เพราะว่าที่อุโมงค์ฝังศพของพระเยซูจะมีพวกทหารเฝ้าอยู่เนื่องจากพระเยซูคริสต์ได้เคยตรัสไว้ก่อนที่พระองค์จะถูกตรึงบนไม้กางเขนว่า หลังจากที่พระองค์สิ้น พระชนม์แล้ว ก็จะฟื้นมาจากความตายในวันที่ 3 ซึ่งพวกศัตรูก็รู้ดีในเรื่องนี้แต่พวกเขาไม่เชื่อว่าพระเยซูจะฟื้นจริง ๆ จึงได้ให้ทหารหลายคนมาเฝ้าที่อุโมงค์ เพราะกลัวว่าสาวกจะมาลักเอาศพไป แล้วอ้างว่าพระเยซูได้ฟื้นจากความตาย
ดังนั้นจึงอาจเป็นได้ที่ศพของพระเยซูหายไปจากอุโมงค์ก็เพราะพวกทหารแอบเอาศพไป แต่คำถามที่ตามมาก็คือ “พวกเขาทำเช่นนั้นทำไม?ได้ประโยชน์อะไร?และจะเสี่ยงต่อการคอขาดทำไม?” เพราะกฎหมายเวลานั้นจะเอาโทษอย่างหนักสำหรับทหารของโรมันที่ทำความผิดดังนั้นสมมุติฐานนี้จึงเป็นไปไม่ได้เลย
3. ศพของพระเยซูหายไป เพราะพวกสาวกของพระเยซูเอาไปเอง
ตอบ : ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่พวกสาวกต้องต่อสู้กับเหล่าทหารที่เฝ้าอุโมงค์อยู่ และถ้าพวกสาวกเป็นคนเอาศพไปจริง ๆ พวกเขาก็ต้องรู้ดีว่าสิ่งที่เขาประกาศว่าพระเยซูทรงฟื้นจากตายนั้นเป็นเรื่องโกหกถ้าเป็นเช่นนั้น ใครจะยอมตายเพราะเรื่องไม่จริงและโกหกเพื่อเสียประโยชน์ เพราะตั้งแต่พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตายจนถึงปัจจุบันนี้
มีคนที่ยอมตายเพื่อยืนหยัดในความเชื่อในพระเยซูคริสต์กว่า 40ล้านคนทั่วโลก เพราะฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกสาวกจะเป็นผู้เอาศพไป
4. ศพพระเยซูหายไปเพราะคนอื่นขโมยไป
ตอบ : สมมุติฐานนี้เป็นไปไม่ได้เลย เพราะไม่มีแรงจูงใจอะไรเลยที่จะทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องจะขโมยศพไป ทั้งยังต้องเสี่ยงชีวิตในการต่อสู้กับพวกทหารที่เฝ้าอุโมงค์ฝังศพอีกด้วย
5. ศพพระเยซูหายไป เพราะพระเยซูไม่ได้ตายจริง แค่แกล้งตายเท่านั้น หลังจากนั้นจึงหนีไป
ตอบ : ข้ออ้างนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย เพราะว่าก่อนที่พระองค์ถูกตรึงบนไม้กางเขนนั้น พระองค์ถูกทรมานและโดนเฆี่ยนตีอย่างหนัก หลังจากนั้นยังถูกตะปูตอกติดบนไม้กางเขนนานถึง 6 ชั่วโมง และเมื่อสิ้นใจก็ถูกแทงด้วยหอกที่สีข้าง จากนั้นบนร่างของพระองค์ก็ได้ใส่เครื่องหอมหนัก 30 กว่ากิโลกรัมแล้วถูกห่อด้วยผ้าป่านหนักราว 45 กิโลกรัม สุดท้ายก็ถูกนำไปไว้ในอุโมงค์ ซึ่งมีทหารเฝ้าอย่างหนาแน่น
ดังนั้นถ้าพระเยซูไม่ได้ตายจริงก็ต้องแกล้งตาย และเมื่อทุกคนออกไปจากอุโมงค์แล้วพระองค์จะต้องแก้มัดผ้าที่ห่อตัวอยู่ และต้องกลิ้งหินใหญ่ที่ปิดอุโมงค์ หลังจากนั้นก็ต้องสู้กับพวกทหารจนชนะพวกเขา แล้วก็หลบหนีไป คุณลองคิดดูซิว่ามันจะเป็นไปได้ไหม? ดังนั้นเราจึงเห็นว่าข้อสมมุติฐานนี้เป็นไปไม่ได้เลย
จากสมมุติฐานข้างต้นเหล่านี้ทำให้เราเห็นว่า ไม่มีเหตุผลอื่นใดอีกที่จะสามารถมาอธิบายได้ว่าศพของพระเยซูหายไปไหน นั่นก็เพราะว่าพระองค์ได้ฟื้นขึ้นมาจากความตายแล้วจริง ๆ ซึ่งในพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้บันทึกว่า หลังจากพระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว มีคนมากมายได้เห็นพระองค์ และก่อนที่พระองค์จะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์ก็ได้ทรงปรากฏกายแก่ผู้ที่เชื่อในพระองค์กว่า 500 คนในคราวเดียวกัน
ผู้อ่านที่รัก. การที่พระเยซูคริสต์ทรงสามารถพิชิตความตายได้นั้น เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าพระองค์ทรงมีชัยชนะต่ออำนาจแห่งความบาปและความตายซึ่งเราจะเห็นว่า มนุษย์ทุกคนในโลกนี้ล้วนแต่ตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งความบาปทั้งสิ้น ซึ่งความบาปนี่แหละเป็นตัวการที่ทำให้มนุษย์เราต้องพบกับความตาย
แต่ที่สำคัญก็คือ หลังจากนั้นจิตวิญญาณของมนุษย์เรายังต้องรับการพิพากษาโทษบาปจากพระเจ้าตามกระทำของแต่ละคนอีกด้วย และในที่สุดก็ต้องรับความทุกข์ทรมานในนรกเป็นนิตย์ แต่เพราะพระเจ้าทรงรักมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมา พระองค์ไม่อยากให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย พระองค์ทรงทราบว่าไม่มีมนุษย์คนใดที่จะสามารถช่วยตนเองให้พ้นจากบาปได้เลย
ดังนั้นพระองค์จึงได้ส่งพระเยซูคริสต์เข้ามาในโลก เพื่อมาเป็นผู้รับโทษบาปแทนมนุษย์บนไม้กางเขน ซึ่งในขณะที่พระเยซูคริสต์อยู่ในโลกนี้ พระองค์ได้ตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่วางใจในเราก็มีชีวิตนิรันดร์”(ยอห์น 6:47)
ดังนั้นหากผู้ใดที่ได้สารภาพความผิดบาปและทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์ เขาก็จะรอดพ้นจากการพิพากษาจากพระเจ้า และไม่ต้องรับโทษในนรกอีกต่อไป เพราะพระเยซูคริสต์ได้ทรงรับโทษแทนเขาแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้น ถึงแม้ว่าต่อไปเขาจะต้องตาย แต่วันหนึ่งเขาก็จะกลับมีชีวิตขึ้นมาใหม่เหมือนกับพระองค์ และจะได้อยู่ในสวรรค์สถานกับพระองค์เป็นนิจนิรันดร์”
ผู้อ่านที่รัก ท่านเป็นคนหนึ่งที่มีความผิดบาปมากมายในชีวิตใช่หรือไม? .และท่านต้องการที่จะหลุดพ้นจากความผิดบาปเหล่านั้นใช่ไหม?.อยากให้ท่านทราบว่า พระเยซูคริสต์ทรงพระชนม์อยู่พระองค์ทรงรักท่าน และพระองค์ทรงเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยท่านให้พ้นจากการพิพากษาได้บัดนี้ท่านมีโอกาสที่จะรอดจากบาปแล้ว
รีบทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์เดี๋ยวนี้เถิด. ถ้าท่านปรารถนาที่จะได้รับการอภัยโทษบาปจากพระเจ้า ก็ขอให้ท่านอธิษฐานทูลต่อพระองค์ดังนี้
“ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ขอยอมรับว่าข้าพระองค์เป็นคนบาปและสมควรแก่การถูกลงโทษแต่ขอพระองค์ทรงโปรดยกโทษความผิดบาปทั้งสิ้นให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด ขอขอบคุณพระองค์ที่ทรงให้พระเยซูคริสต์มารับโทษแทนข้าพระองค์บนไม้กางเขน ข้าพระองค์ขอเชื่อ พึ่งในพระองค์ตลอดไป อธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน”
ถ้าท่านได้อธิษฐานตามข้างต้นนี้ด้วยความจริงใจแล้ว ขอให้ท่านมั่นใจเถิดว่า ความบาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว และพระเจ้าจะทรงประทานชีวิตนิรันดร์ให้แก่ท่านอย่างแน่นอน
ผู้เขียน : อาจารย์นิกร สิทธิจริยาภรณ์
สารบัญ Blockdit christianthai
ซีรีส์ หนังสือเสียงคริสเตียน
 
ซีรีส์ แบ่งปันข้อพระคัมภีร์โดย ChatGPT
ซีรีส์ ใบปลิวคริสเตียน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา