นางป่า ลำน้ำสุริยะ EP 1
ผู้กองอุเทน นายทหารแห่งกองทัพบกไทย เป็นผบ.หน่วยลาดตระเวนระยะไกล ของกองกำลังแห่งหนึ่งทางภาคตะวันตก กองอุเทนและลูกน้องจำนวนหนึ่งมีหน้าที่ลาดตระเวนป่าพรมแดน ไทย พม่า ผืนป่าใหญ่ทุ่งใหญ่นเรศวร การเข้าไปในป่าลึก และยังเป็นป่าโบราณทำให้เหล่าบรรดาทหาร เผชิญเรื่องราวลึกลับ อาถรรพ์ป่าต่างๆ มากมาย บางครั้งรุนแรงถึงกลับเอาชีวิตไม่รอดกันก็มี ซึ่งกองอุเทนก็มีประสบการณ์ครั้งหนึ่ง ที่จดจำไม่มีวันลืม เพราะมันเอาชีวิตลูกน้องแกไปถึง 2 คน ด้วยกัน
ในช่วงบ่าย ฤดูฝนราว 10 ปีก่อน กองสิงห์ ยืนวัทยาหัตถ์ทำความเคารพ ผบ.พัน ลว. ระยะไกลที่เรียกกองสิงห์เข้ามาพบในห้องทำงานของท่าน “ผู้กอง ผมมีภารกิจให้คุณทำ อยากให้จัดทีมลาดตระเวนเข้าไปหลังต้นแม่น้ำสุริยะ เราได้รับข่าวกรองเข้ามาว่าทางพ่อค้ายา ฝั่งนู้นไปตั้งจุดพักยาในป่าพิกัด xxx.xxx อยู่”
รับทราบครับผู้การ ผมจะนำหน่วยลาดตระเวนไป 1 สัก 2 หมู่ครับ” กองสิงห์ตอบกลับ ผู้การพร้อมทำวันทยาหัตถ์ หลังจากได้รับข้อมูลการปฏิบัติการ พร้อมพิกัด หลังจากนั้นจึงรีบออกมา วิทยุสั่งการเรียกจ่าชาติ จ่ากองร้อยคู่ใจ ให้จัดกำลังมาให้ผู้กอง 20 นาย เพื่อรับภารกิจ
เสียงเฮลิคอปเตอร์ ดังสนั่น ณ ลานหญ้าหน้ากองพัน เฮลิคอปเตอร์สามลำค่อยๆ ยกตัวขึ้น บินลับหายไปยังผืนป่าชายแดน ไทย- พม่า เมื่อถึงพิกัดจุดหมายที่จะเริ่มลาดตระเวนเฮลิคอปเตอร์ทั้งสามลำ ค่อยๆ ลอยตัวเหนือทุ่งหญ้า กลางผืนป่าใหญ่แห่งตะวันตก ชุดลาดตระเวนทั้งยี่สิบนายโรยตัวลงจากเฮลิคอปเตอร์อย่างคล่องแคล่ว พวกเขาล้วนเป็นทหารเจนศึกมือดีที่จ่าชาติคัดมากับมือ หลังจากจัดขบวนทหารทั้ง 20 นายก็เดินมุ่งหน้าเข้าไปในป่าลึก ไปยังพิกัดเป้าหมาย
หมู่ออมที่เป็นคนพื้นที่แถวนี่และเค้ายังมีเชื้อสายกะเหรี่ยงอีกด้วย เดินมากระซิบกับหมู่ชาติว่า “ให้ตายเถอะ จ่าป่าตรงนั้นผมยังไม่เคยเข้าไป เลยนี่ครั้งแรกเลยนะ เดินป่าแถบนี้พรุนตั้งแต่ยังเด็ก แต่ป่าลึกตรงนั้นคนเฒ่า คนแก่เค้าสั่งห้ามเข้าไปกันเลย ไม่รู้ทำไม ” จ่าชาติตอบไปว่า “ก็กลัวเจอพวกค้ายายิงทิ้งไง วะ อะไรกลัว xxxx อะไรเมิง เข้าป่ามากี่รอบแล้ว” จ่าชาติตอบกลับ แกมดุหมู่ออมกลับไป การเดินทางของหมู่ลาดตระเวนเป็นไปด้วยดี
จนกระทั่งเข้าสู่วันที่ 3 ภาพที่สะดุดตาชุดลาดตระเวนคือเจดีย์สีขาวทรงมอญเก่าแก่ที่ตั้งอยู่กลางป่าลึก รอบๆ เจดีย์มีเหมือนเสาพัทธสีมาเก่าๆ ล้อมรอบ สี่ทิศ แต่เสาทั้งสี่ผุกร่อนหักพังไปตามกาลเวลา กองอุเทนเดินเข้าไปดูอย่างสนอกสนใจ แล้วบอกว่าดูเป็นเจดีย์เก่ามากๆ เลย อยู่ในเขตเราติดชายแดนมากๆ เดี๋ยวถ้าออกไปคงต้องแจ้งกรมศิลป์ให้มาตรวจสอบ แต่จ่าชาติก็ตอบเจดีย์อะไรครับผู้กอง ทำไมมาตั้งกลางป่าลึกมากขนาดนี้ ทุกคนก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ แล้วรีบเดินเท้าผ่านไปซึ่งอยู่ใกล้จุดหมายมากอีกนิดจะถึงพิกัดตามที่ได้รับแจ้ง
แต่แล้วทุกคนก็ชะงักเมื่อได้กลิ่นเหม็นเน่า ลอยมาเมื่อชุดลาดตระเวนเดินตามกลิ่นไปก็ต้องผงะ เมื่อพบซากศพมนุษย์ 4-5 ศพนอนกระจัดกระจายในป่า กองอุเทนสั่งตั้งแนวระวังทันที พร้อมให้ลูกน้องเดินเข้าไปสำรวจ แต่สิ่งที่ทำให้หมู่ออม น่าซีดเผือดก็เพราะว่าซากศพนั้น ตรงหน้าอกของทุกคนมันมีรูเท่ากำปั้น กลวงโบ๋เข้าไป ซึ่งเป็นการตายที่ผิดธรรชาติ เพราะจากการสำรวจพบว่ากลุ่มนี้คือชุดขนยาเสพติด ที่สายรายงานมานั่นเองเนื่องจากพบถุงเฮโรอีกตกเกลื่อนกลาดอยู่ พวกมันเหมือนตั้งค่ายพักแรมตรงนี้ แล้วมีบางสิ่งบางอย่างเข้าโจมตี
กองอุเทนได้รวบรวมหลักฐานและให้ลูกน้องช่วยขุดฝังร่างพวกมันไม่ให้อุจาดตา อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน พร้อมกับปรึกษากับจ่าชาติว่าเราไม่รู้อะไรเข้าโจมตีไอ้พวกนี้ หากจะพักแรมตรงนี้น่าจะไม่ปลอดภัย เราถอยไปตรงเจดีย์ที่เราเจอเมื่อกี้แล้วตั้งแนวระวังดีกว่า เพราะอยู่บนเนินเขาพอดี จ่าชาติพยักหน้าเห็นด้วย ชุดลาดตระเวนทั้งหมดจึงถอยกลับไปตั้งฐานพักแรมบนเนินเขา เตี้ยๆ เหนือเจดีย์ กองอุเทนสั่งลูกน้อง 8 คนสลับเข้าเวรป้องกันรอบฐาน
ตกดึกคือนั้น ทุกคนก็ตื่นขึ้นเพราะจ่าชาติ เขย่าปลุกทุกคนพร้อมรายงานว่า “ผู้กองครับๆ ผม ว.ไปถามชุดระวังทิศเหนือมันเงียบ ไม่มีเสียงตอบเลย” ผู้กองอุเทนที่งัวเงียอยู่นั้น ก็สะดุ้งลุกมาคว้าวิทยุตามสัญชาตญาณทหารป่าเจนศึก แกจึงลองวิทยุไปบ้าง แต่ก็เงียบไร้เสียงตอบกลับมา กองอุเทน เห็นท่าไม่ดีจึงให้ลูกน้องห้าคนลองไปดูตรงจุดที่ชุดระวังภัย วางตัวอยู่ ผ่านไปซักครู่เสียงปืนก็ดังลั่นป่า “เปรี้ยง ๆๆๆๆ ปร๊อดดดด ปังๆๆๆๆ ” ไม่รอช้าผู้กองอุเทน จ่าชาติ หมู่ออม พร้อมทหารที่เหลือรีบไปยังตรงจุดที่เสียงปืนดังขึ้น เพราะคิดว่าชุดที่ส่งไปตรวจสอบ น่าจะปะทะกับข้าศึกแน่นอน
เมื่อทั้งหมดไปถึง ก็พบลูกน้องกำลังยิงกราดไปทั่วรอบทิศ บางคนนั่งตัวสั่นกอดปืนแน่น ผู้กองจึงสั่ง “เฮ้ย หยุด หยุดยิงเว้ย พวกมึงยิงอะไรกันกูไม่เห็นมีอะไรเลย” ทหารอีกคนรีบรายงานเสียงสั่น “ นาย นาย ผี ผีหลอก ” จ่าชาติถาม “ผี xx อะไรวะ” ทหารคนนั้นก็เล่าให้ฟังว่าพอมาถึงก็พบชุดระวังภัยสองคนนั้นเสียชีวิตแล้ว ในสภาพมีรูกลวงที่หน้าอกเหมือนไอ้พวกค้ายาเลย กำลังจะว.ไปบอกผู้กองให้รีบมา ทันใดนั้นลูกน้องอีกคนมันก็โดนผู้หญิงใส่ชุดแบบกระโจมอกโบราณ นุ่งโจงกระเบน ผมยาวสีดำ เล็บเขี้ยวยาว แต่ไม่มีลูกตาพุ่งเข้าโจมตี มันลอยออกมาจากพงหญ้า เลยยิงกันป่าแตกจนผู้กองมาถึงนี่แหล่ะ
หมู่ออมที่เป็นคนเชื่อสายกะเหรียง พื้นถิ่นเชื่อเรื่องราวแบบนี้อยู่แล้ว ก็ต้องหน้าซีดเผิอด พร้อมรำพึงรำพัน “เจ้า..... เจ้านางมินตะเยๆ ,มีจริง มีจริงๆ ด้วย” เจ้านางมินตะเย คือใครวะผู้กองอุเทนหันกลับไปถาม
“หมู่ออมเล่าให้ฟังว่า เป็นตำนานพื้นบ้านในหมู่บ้านเล่ากันมาครับว่าอดีตเมืองเมาะตะมะ มีเจ้านางองค์หนึ่งชื่อมินตะเย นางหลงไหล ร่ำเรียนฝึกวิชาไสยเวทย์จนอาคมแกร่งกล้า แต่วิชาที่นางเรียนนั้นช่างร้ายกาจจะต้องควักเอาหัวใจมนุษย์มากินเพื่อเสริมสร้างอาคม ตอนแรกนางก็แอบออกไปฆ่าคนอย่างลับๆ จนคนเริ่มตายเยอะเข้า และผิดธรรมชาติ จนเจ้ามืองต้องอันเชิญครูบาองค์หนึ่งจากหงสาวดีมาปราบ ทำให้รู้ว่าเจ้านางกลายเป็นสางร้าย ที่เป็นอสุรกายเกิดจากคนเล่นของอาคมแล้วคุมไม่อยู่ ของดำนั้นย้อนเข้าตัวไปแล้วทำให้กลายเป็นปีศาจ ครูบาองค์นั้นได้อ่านอาคมสะกดอาถรรพ์ของนางให้อ่อนกำลังลง เจ้าเมืองจึงได้ตัดหัวนางได้ และให้เอาศพไปทิ้งและสะกดวิญญาณนอกเมือง ”
เนี่ยแหล่ะครับผู้กองมันเป็นตำนานเล่ากันในหมู่ชาวกะเหรี่ยงแถวบ้านผมเลย ทุกคนที่ได้ยินถึงกับน่าซีดเผือด แม้จะเป็นทหารกล้ามีอาวุธครบมือ แต่เรื่องเหนือธรรมชาติแบบนี้ จะเอาอะไรไปสู้กับอาถรรพ์นี้ได้ ผู้กองอุเทนรู้สึกเอะใจ จึงหันไปถามหมู่ออมว่าเจดีย์ตรงที่เราพักผมว่ามันแปลกๆ มั้ยผมไม่เคยเห็นเจดีย์อะไรมีพัทธสีมาล้อมแบบนั้น หมู่ออมพยักหน้าพร้อมตอบ “ผมว่าเราไปเจอเจดีย์ที่เก็บศพเจ้านางแน่นอน ใครที่ไหนจะอุตริมาสร้างเจดีย์กลางป่าลึกขนาดนี้ครับผู้กอง” ผู้กองอุเทนได้ยินดังนั้น จึงรู้ว่าตัวเองอยู่ในดงของนางปีศาจร้ายเข้าให้แล้ว จึงหันไปถามจ่าชาติว่าเอาไงดี จ่าชาติ “ตอบกลับมาว่า ผมว่าเราถอนกำลังออกเดี๋ยวนี้เลยครับ ยิ่งอยู่นานยิ่งอันตราย ” ผู้กองอุเทนเห็นด้วย พร้อมสั่งลูกน้องห่อศพลูกน้องแกทั้งสองนาย เตรียมลงจากเขาไป
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
