10 ธ.ค. 2021 เวลา 15:04 • อาหาร
Tom Yum Pizza - พิซซ่าไทยใน Google Doodles
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา Google ได้ทำการเปลี่ยนรูปโลโก้(Google Doodles)ในเว็บเพจของตนเป็นรูปพิซซ่า โดย Doodle ให้ผู้ชมเล่นเกมการตัดพิซซ่าออกเป็นเสี่ยง ๆ พิซซ่าที่นำมาให้เล่นเกมนั้นเป็นพิซซ่าที่คนนิยมกันในประเทศต่าง ๆ และหนึ่งในจำนวนนั้นก็มี Tom Yum Pizza ของไทยรวมอยู่ด้วย
ขอบคุณภาพประกอบจาก Google
สาเหตุที่ Google ทำ Doodle เป็นรูปพิซซ่าในครั้งนี้ ก็เพราะวันที่ 6 ธันวาคม 2017 เป็นวันที่ Neapolitan Pizza ได้รับการคัดเลือกให้เข้าอยู่ใน Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity ของ UNESCO หรืออีกนัยหนึ่งก็คือพิซซ่า Neapolitan ได้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม
ไปดูเรื่องของ Neapolitan Pizza ได้ใน Gourmet Story ที่
วันนี้ Gourmet Story จึงขอเลือกเอาพิซซ่าที่อยู่ใน Doodles นั้นสัก 2-3 อันมาเล่าสู่กันฟัง
อันแรกอาจจะเป็นพิซซ่าที่เราไม่ค่อยคุ้นเคย มีชื่อว่า White Pizza มีชื่อเรียกเป็นภาษาอิตาเลียนว่า “pizza bianca” ซึ่งแปลว่า “พิซซ่าสีขาว” แตกต่างจากพิซซ่าทั่วไปที่จะใส่ซอสมะเขือเทศเห็นเป็นสีแดง
ในขณะที่พิซซ่าส่วนใหญ่เกิดในเมือง Naples แค่ White Pizza เกิดที่กรุงโรม ว่ากันว่า ในปี 1738 ก็มีร้านขายพิซซ่าเปิดขึันมาในกรุงโรมแล้ว ร้านนี้ขายพิซซ่ามีหน้าที่ทำจากไขมันสัตว์(lard) เนยแข็งที่ทำจากนมแกะ พริกไทย และใบโหระพาฝรั่ง ไม่มีซอสมะเขือเทศเรียกว่า Mastunicola ในขณะที่ Margherita เพิ่งจะมีขายใน Naples เมื่อช่วงปี 1800
White Pizza สมัยใหม่ พ่อครัวจะทำซอสโดยใช้นมสด เกลือ พริกไทย กระเทียม และชีส parmesan ทำออกมาในลักษณะเดียวคล้ายกับซอส alfredo หรือบางคนก็เอาเนย แป้งและนมมาทำเป็นซอส béchamel เสียเลยเพราะส่วนประกอบคล้ายกัน ซอส béchamel เป็น 1 ใน 5 ซอสพื้นฐานของอาหารฝรั่ง (ไปดูได้จาก Gourmet Story ตอนที่แล้ว)
White Pizza จะให้รสชาติไปอีกแบบหนึ่ง เป็นความมันของเนย นม มีกลิ่นหอมของกระเทียมและมะกอก คงจะเป็นการยากที่เราจะไปเปรียบเทียบกับพิซซ่าปกติ เพราะ White Pizza ไม่มีซอสมะเขือเทศ ในปัจจุบัน มีการใส่เนื้อสัตว์และผักอย่างอื่นเข้าไปประกอบอีกด้วย
ขอบคุณภาพประกอบจาก shockshub
ในกรุงเทพฯก็มีร้านพิซซ่าแบบอิตาเลี่ยนหลายร้านที่ขาย White Pizza ให้คนไทยได้ลิ้มลองกัน
ถัดมาจะเป็นพิซซ่าที่เรารู้จักกันดีคือ Pepperoni Pizza พิซซ่าชนิดนี้เป็นพิซซ่ายอดนิยมอันดับหนึ่งของคนอเมริกันเลยทีเดียว จะทำการหยั่งเสียงครั้งใด Pepperoni Pizza ก็มาอันดับ 1 ทุกครั้งเป็นพิซซ่ายอดนิยมตลอดกาล
Pepperoni Pizza เป็นของอเมริกันนะครับ แต่เรียกชื่อให้เป็นภาษาอิตาเลียน ฟังดูแล้วจะได้เป็นของนอก
มีเรื่องเล่าว่า พวกคนอิตาเลี่ยนที่อพยพมายังแผ่นดินสหรัฐอเมริกา ก็นำอาหารการกินของตนมาเผยแพร่ในแผ่นดินใหม่นี้ด้วย อาหารอย่างเช่น พิซซ่า สปาเก็ตตี้ จึงเป็นอาหารที่คนอเมริกันรู้จักและคุ้นเคยกันดี
คนอิตาเลียนนั้นจะทำไส้กรอกตากแห้งที่เรารู้จักกันดีในชื่อของ Salami เมื่ออพยพมาอยู่ทวีปอเมริกา ก็เลยมีการผสมผสานระหว่างของคลาสสิคของอิตาลีกับของรสชาติพื้นบ้านในสหรัฐอเมริกา เกิดเป็นไส้กรอกแบบใหม่ชื่อ Pepperoni
Pepperoni โดยแท้จริงแล้วแปลว่า “พริกหวาน” หรือ bell pepper เป็นไส้กรอกที่ทำจากเนื้อหมูและเนื้อวัวปนกัน แล้วใส่เครื่องเทศที่ทำให้รสเผ็ดเช่น พริกไทย พริกป่น หรือพริก paprika แต่จะใส่เพียงเล็กน้อยให้มีรสเผ็ดเพียงแตะลิ้น จากนั้น ก็นำมากรอกลงตัวใส้กลายเป็นไส้กรอก เสร็จแล้วก็นำไปบ่มในห้องบ่มอีก 20 วัน Pepperoni ก็จะแห้งได้ที่นำออกมารับประทานได้
คนที่เคยรับประทาน Pepperoni ก็จะพบว่า นอกจากจะมีรสอร่อยเพราะเป็นการผสมผสานระหว่างเนื้อหมูกับเนื้อวัวแล้ว ก็จะมีรสเผ็ดนิด ๆ และรสเปรี้ยวหน่อย ๆ อันเกิดจากการบ่มทำนองเดียวกับแหนม ถ้ากินเปล่า ๆ หมดไปเป็นแท่งไม่รู้ตัว
Pepperoni ที่ถูกเอามารวมกับพิซซ่า เริ่มจากในปี 1919 มีการพูดถึง Pepperoni ทางตอนใต้ของเกาะแมนฮัตตันของมหานครนิวยอร์ก อันเป็นถิ่นที่อยู่ของพวกชาวอิตาเลียนอพยพ และมีการเอา Pepperoni มาอยู่บนหน้าพิซซ่าภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1
Colin Caplan ผู้เขียนหนังสือชื่อ New Haven Apizza กล่าวไว้ในหนังสือว่า จนกระทั่งตอนกลางของศตวรรษที่ 20 ที่การผสมผสานระหว่างพิซซ่าและ Pepperoni กันอย่างจริงจัง หลักฐานชิ้นแรกที่เขาพบ Pepperoni กับพิซซ่าคือในปี 1950 เป็นรูป Pepperoni Pizza อยู่ในร้านพิซซ่าชื่อ The Spot อยู่ในเมือง New Haven รัฐคอนเนคติกัต
ขอบคุณภาพประกอบจาก mashed
วิธีการทำ Pepperoni Pizza ก็เริ่มด้วยการเอาแป้งที่นวดแล้วมาแผ่ออก เอาซอสมะเขือเทศมาทาให้ทั่วแผ่นแป้ง เอา Pepperoni หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ มาเรียงให้เต็มหน้าพิซซ่า แล้วโรยด้วยเนยแข็ง mozzarella และ parmesan นำเข้าเตาอบประมาณ 12-15 นาที ก็จะได้ Pepperoni Pizza หอมอร่อยกับชึสเยิ้ม ๆ ออกมารับประทาน
คนอเมริกันกินพิซซ่าปีละ 3,000 ล้านอัน ในจำนวนนี้เป็น Pepperoni Pizza ถึง 53%
เป็นที่น่ายินดีที่ในบรรดาพิซซ่าที่มีอยู่ใน Google Doodles นี้มีพิซซ่าต้มยำ(กุ้ง) หรือ Tom Yum Pizza รวมอยู่ด้วย นับว่าต้มยำกุ้งของเราเป็นอาหารที่รู้จักและยอมรับของนานาประเทศ(นอกเหนือจากการได้รับเกียรติให้ไปเป็นชื่อของวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 แล้ว) และได้รับการพัฒนาให้เป็นหน้าอย่างหนึ่งของพิซซ่าที่ได้รับความนิยมกันมากเลยทีเดียว
คนไทยเรารู้จักต้มยำกุ้งกันเป็นอย่างดี เป็นอาหารอร่อยที่เรารับประทานกันอยู่เสมอ มีอยู่ในเมนูของร้านอาหารไทยทุกร้าน แต่น้อยคนที่ขะรู้ว่า “ต้มยำกุ้ง” มีความเป็นมาอย่างไร?
ในหนังสือ “ตำราแม่ครัวหัวป่าก์” ของท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ตีพิมพ์เมื่อปีพ.ศ. 2451 มีสูตรทำ “แกงนอกหม้อ” และ “ต้มยำเขมร” คล้ายกับต้มยำกุ้งมาก แต่ก็ไม่ได้เรียกว่าต้มยำกุ้ง
ในหนังสือ “ตำรับสายเยาวภา” ซึ่งบันทึกรวบรวมตำรับอาหารส่วนพระองค์ของพระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท ตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2478 ก็มีบันทึกแต่เพียงต้มยำปลาไว้เท่านั้น ยังไม่ปรากฏสูตรการทำต้มยำกุ้งแต่อย่างใด
จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2507 ได้มีบันทึกถึงต้มยำกุ้งอยู่ในหนังสือ “ของเสวย” ของ ม.ร.ว.กิตินัดดา กิตติยากร โดย ม.ร.ว.กิตินัดดาได้เขียนเล่าถึงการทำเมนูต้มยำกุ้งที่วังไกลกังวลเพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถว่า
“ในตอนค่ำของวันที่ 2 เมษายน 2505 ภายหลังที่ได้เสด็จพระราชดำเนินไปถึงหัวหินได้เพียงวันเดียว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถก็มีพระราชเสาวนีย์โปรดเกล้าฯ ให้จัดพระกระยาหารที่ชายหาดหน้าตำหนักน้อย ในการนี้โปรดเกล้าฯ ให้ข้าพเจ้าจัดทำอาหารขึ้นสักอย่างหนึ่งเพิ่มเติมขึ้นจากที่ห้องพระเครื่องต้นจัดถวาย…ด้วยเป็นการด่วน ข้าพเจ้าคิดอะไรไม่ทัน ก็เลยคิดดัดแปลงต้มยำกุ้งขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย”
อาจจะกล่าวได้ว่า ต้มยำกุ้งเป็นอาหารที่ทานกันมาตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่ไม่ได้เรียกว่าต้มยำกุ้ง เพิ่งมาเรียกว่าต้มยำกุ้งกันในสมัยหลังนี่เอง
ขอบคุณภาพประกอบจาก food.grab
ส่วนที่ต้มยำกุ้งกลายเป็นหน้าอย่างหนึ่งของพิซซ่านั้นยังหาหลักฐานไม่พบว่าใครเป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้น แต่ความจริงเพราะความอร่อยและรสชาติมีเอกลักษณ์ของต้มยำกุ้ง ก็เลยมีการนำต้มยำกุ้งไปผสมอาหารต่าง ๆ อยู่แล้วเช่น บะหมี่สำเร็จรูป หรือพวกขนมกรุบกรอบต่าง ๆ
การทำซอสของ Tom Yum Pizza ทำได้โดยเอาน้ำพริกต้มยำมาผัดให้หอม แล้วผสมซอสมะเขือเทศลงไป เติมน้ำปลาอีกนิดและน้ำตาลอีกหน่อยพร้อมใบมะกรูดหั่นฝอย
 
เอาซอสที่เตรียมไว้นี้มาทาหน้าของแป้งพิซซ่า โรยด้วยเนยแข็ง mozarella แล้วเอากุ้ง และเห็ดวางลงไป ใส่เข้าเตาอบ อบประมาณ 15 นาทีก็เสร็จเรียบร้อย โรยหน้าด้วยผักชีให้ดูเป็นไทย ก่อนรับประทานบีบมะนาวใส่พิซซ่าเพื่อให้ได้ความเปรี้ยวของต้มยำ เราก็จะได้ Tom Yum Pizza ของอร่อยที่ผสมผสานระหว่างตะวันออกกับตะวันตก
ตัวแป้งพิซซ่าเหมือนกับขนมปัง จะเอาอะไรไปวางบนหน้าก็ได้ มีกติกาข้อเดียวคือต้องใส่ชีสด้วย เพราะฉะนั้น เราจึงพบเห็นอาหารไทยหลายอย่างที่เอาไปใส่เป็นหน้าพิซซ่าเช่น แกงเขียวหวาน ผัดกระเพรา ต่อไปจะมีอะไรอีกน้าาา
เรื่องตอนที่แล้ว “ปลาทับทิมทอดเนยราดซอสฮอลแลนด์” - อาหารที่ทรงโปรด(อย่างหนึ่ง)ของรัชกาลที่ 9 อ่านได้ที่
Gourmet Story - เรื่องราวเกี่ยวกับอาหารที่เป็นเกร็ดความรู้ เล่าสู่กันฟัง เพิ่มความอร่อยของอาหารที่เรารับประทาน ติดตามได้ที่
โฆษณา