10 ธ.ค. 2021 เวลา 21:47 • การศึกษา
7 เทรนด์ใหม่การท่องเที่ยวที่น่าจับตามองในปี 2565
จากข้อจำกัดในการเดินทางเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID-19 ส่งผลกระทบต่อความต้องการเดินทางทางอากาศตลอดปี 2563 และ 2564 แม้ว่าสถานการณ์โดยรวมจะผ่อนคลายลงในช่วงปลายปี 2564 แต่มาตรการการป้องกันมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ในปีหน้า เช่น มาตรการด้านการรักษาระยะห่าง และการป้องกันตนเอง ตลอดจนแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดมาตรฐานอื่น ๆ เช่น การทดสอบการติดเชื้อก่อนการเดินทาง เป็นต้น
สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association: IATA) คาดการณ์ว่าตัวเลขการเดินทางของผู้โดยสารในปี 2565 จะกลับมาประมาณ 88% ของจำนวนปกติก่อนเกิดการระบาด และจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดจะกลับมาสู่สภาวะปกติในปี 2566 ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์เหล่านี้ขึ้นอยู่กับว่า COVID-19 จะขยายออกไปอย่างไรในช่วงที่เหลือของปี 2564
ในขณะที่โลกฟื้นตัวอย่างช้า ๆ การท่องเที่ยวก็เพิ่มขึ้นด้วย บริษัทเทคโนโลยี และโซลูชั่นด้านการเดินทางหลายแห่งก็จับตาดูแนวโน้มอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างและปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ของตน รวมถึงมีการเตรียมการช่วยเหลือให้ลูกค้าที่เป็นธุรกิจให้บริการด้านการเดินทาง และท่องเที่ยว สามารถเตรียมพร้อมสำหรับความต้องการของนักเดินทางที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ปัจจัยในการเลือกสายการบิน ข้อกำหนดด้านการฉีดวัคซีน Digital Passport และเอกสารประกอบการเดินทางต่าง ๆ เช่น IATA Travel Pass เป็นต้น
7 เทรนด์ใหม่การท่องเที่ยวที่น่าจับตามองในปี 2565
1. ยังไงก็ต้องเที่ยวแล้วหละ
จากการสำรวจพบว่าแนวโน้มที่พบบ่อยที่สุดประการหนึ่ง คือ คนจำนวนมากกระตือรือร้น และมีความต้องการที่จะเดินทางอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต และต้องเดินทางตอนนี้ แทนที่จะเลื่อนออกไปในภายหลัง เนื่องจากประสบการณ์ในช่วงการระบาด และการล็อกดาวน์ทำให้ผู้คนตระหนักว่าอนาคตอาจไม่แน่นอนอะไรก็อาจจะเกิดขึ้นได้ ดังนั้นต้องเที่ยวแล้ว ห้ามรอ
2. เน้นการท่องเที่ยวแบบใกล้ ๆ
ที่น่าสนใจคือ หลายคนกระตือรือร้นที่จะเดินทางภายในประเทศ หรือไปยังจุดหมายปลายทางใกล้ ๆ หากมีโอกาสเกิดการล็อกดาวน์ทั่วโลก พวกเขาจะอยู่ไม่ไกลจากบ้าน นอกจากนี้ ข้อจำกัดการเดินทาง รวมถึงข้อกำหนดในการทดสอบ และการกักตัว ยังบังคับให้ผู้คนเลือกการเดินทางภายในประเทศ หรือภายในภูมิภาคเดียวกัน (Short-Haul Destinations) จากการศึกษายังพบว่าผู้คนใช้เวลาช่วงวันหยุดยาวให้เกิดประโยชน์สูงสุด และหันมาเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งยอดจองเพิ่มขึ้นเกือบ 60% ในช่วงหยุดยาว
3. "Friendcation" การเดินทางเป็นหมู่คณะ เช่น ครอบครัว และ เพื่อน
แนวโน้มสำคัญอีกประการหนึ่ง คือผู้คนต่างกระตือรือร้นที่จะเดินทางเป็นกลุ่มใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยครอบครัว หรือเพื่อนสนิทและครอบครัวของพวกเขา โดยสาเหตุหลักน่าจะเป็นเพราะหลังจากใช้ชีวิตในโลกดิจิทัลมาเกือบสองปีแล้ว คนส่วนใหญ่ต่างก็มีความต้องการพบปะกัน สาเหตุสำคัญอีกประการ คือเนื่องจากการเดินทางกับกลุ่มคนที่รู้จักกันจะสร้าง Safety Bubble ขึ้น คือมีความมั่นใจด้านความปลอดภัยจากการติดเชื้อ ดังนั้น 'friendcation' หรือการเดินทางกับกลุ่มเพื่อน จึงเพิ่มขึ้น
4. การเดินทางโดยเครื่องบินเช่าเหมาลำ
ลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือความต้องการเดินทางโดยเครื่องบินเช่าเหมาลำ (Chartered Plane) เป็นผลต่อเนื่องมาจากความต้องการเดินทางเป็นหมู่คณะ กับครอบครัว หรือเพื่อนสนิทและครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางไปร่วมงานพิธีสำคัญต่าง ๆ ร่วมกัน เช่น งานแต่งงาน เป็นต้น
5. เดินทางอย่างยั่งยืน (Sustainable Travel)
จากการสำรวจของ Amadeus พบว่า นักเดินทาง 2 ใน 3 เห็นว่าการเดินทางอย่างยั่งยืนเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก และ 37% ของผู้ตอบแบบสอบถามคิดว่านักเดินทางควรจะมีส่วนร่วมในการรักษาสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีความยั่งยืนมากขึ้นในระยะยาว
จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้เศรษฐกิจโลกเกือบจะหยุดนิ่ง ส่งผลให้ผู้คนตระหนักว่า ความยั่งยืน (Sustainability) เป็นกุญแจสำคัญในการอยู่รอด ด้วยผลประโยชน์ที่กระจายไปในสังคม การท่องเที่ยวของชุมชน การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การลดปริมาณคาร์บอน คือสิ่งที่นักเดินทางมีความสนใจเพิ่มขึ้น
6. Wanderlust Streaming
Wanderlust เป็นคำใหม่ที่เกิดจากการรวมกันของคำว่า Wander หมายถึงการเดินทางท่องเที่ยวเตร็ดเตร่ไปทั่ว กับคำว่า lust หมายถึงความปรารถนา (อย่างแรงกล้า) พอมารวมกันแล้วก็จะมีความหมายว่า ความปรารถนาในการเดินทาง (อย่างแรงกล้า) โดยนักเดินทางแบบ Wanderlut หรือ Wanderluster จะมีความต้องการเดินทางในแบบเฉพาะของตนเอง มีรูปแบบ มีสไตล์เฉพาะตัว เช่น บางกลุ่มจะเน้นเรื่องกิจกรรม ในขณะที่บางกลุ่มจะเน้นเรื่องศิลปะ วัฒนธรรม เป็นต้น
Wanderlust Streaming คือ เทรนด์การเดินทางที่น่าสนใจอีกอย่างที่เป็นผลมาจากการดูรายการท่องเที่ยวผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ทำให้เกิดความอยากเดินทางแบบในคลิป
ในช่วงล็อกดาวน์ ผู้คนได้แต่ดูสื่อสตรีมมิ่ง และเนื้อหาดิจิทัลอื่น ๆ เป็นเวลาหลายเดือนเพื่อเอาชนะความเบื่อหน่าย สิ่งนี้ส่งผลต่อความปรารถนาในการเดินทางของผู้คนเป็นอย่างมาก เช่น สมมติว่าคุณเพิ่งดูซีรี่ยส์เกาหลีเรื่องหนึ่งทาง Netflix จบไปและชอบมาก ก็เลยหาข้อมูลเพิ่มเติมว่าถ่ายทำที่เมืองไหน ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้การค้นหาง่าย รวดเร็ว และได้รายละเอียดมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความปรารถนาในการเดินทางมากยิ่งขึ้น
7. การเดินทางแห่งอนาคต
ด้วยเทคโนโลยีการขนส่งรูปแบบใหม่ เช่น ไฮเปอร์ลูป การเดินทางในอวกาศ โรงแรม และเครื่องบินโดยสารที่มีความเร็วเหนือเสียง ช่วยให้ลดเวลาในการเดินทางทำให้ผู้เดินทางมีเวลาท่องเที่ยว และทำกิจกรรมมากขึ้น
ถึงแม้ว่าความเสียหายจากวิกฤต COVID-19 จะเกิดขึ้นต่อไปอีกหลายปี แต่อย่างไรก็ตามผู้คนยังคงมีความต้องการ และความปรารถนาที่จะเดินทางต่อไป และเมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้นก็มีความเป็นไปได้ที่แต่ละประเทศจะเปิดพรมแดนอีกครั้ง จะทำให้มีการเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะส่งผลให้ประเทศมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ ประเทศต่าง ๆ ควรเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อการเริ่มต้นใหม่ (restart) ได้อย่างปลอดภัย และรวดเร็ว ต้องมีนโยบายที่ส่งเสริมให้คนเดินทาง มีการดำเนินการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม และทดสอบทางเลือกอื่นที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ไม่สามารถรับวัคซีนได้ รวมถึงต้องมีกระบวนการในการจัดการวัคซีน หรือการออกใบรับรองแบบดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าการเริ่มต้นใหม่จะเป็นไปอย่างอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพเช่นกัน
โฆษณา