ปี คศ. 1964 Richard Lester ผู้กำกับชาวอังกฤษ ถ่ายทำภาพยนตร์เบาสมองเรื่องหนึ่ง โดยนำเอาสี่หนุ่มวงร็อคจากลิเวอร์พูล The Beatles จอห์น , พอล, จอร์จ และริงโก้ ที่กำลังฮ็อทสุดในขณะนั้นมาแสดงนำ ถ่ายทำจนเสร็จ ปิดกล้อง แต่ยังหาชื่อเรื่องที่ถูกใจยังไม่ได้
ที่สตูดิโอ ถนนแอบบี้ ( Abby Road ) ชาวคณะ Beatles และทีมงานกำลังคร่ำเคร่งกับการบันทึกเสียงอัลบั้มชุดใหม่ทั้งวันทั้งคืน ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ริงโก้พึมพัมขึ้นมาเบาๆ It’s a hard day ( ช่างเป็นวันที่หนักหนาสาหัส ) แต่พอหันไปมองท้องฟ้าที่มืดมิด ก็เลยต่อท้ายด้วยคำว่า night ริชาร์ดได้ยินเข้าก็ปิ๊งไอเดีย A Hard days’ night ก็เลยกลายมาเป็นชื่อหนังเรื่องใหม่ไปทันทีและเป็นเพลงหนึ่งในอัลบั้ม soundtrack ชุดนี้ ( แต่เป็นการนำมาเป็นเพลงประกอบทีหลัง เพราะภาพยนตร์ได้ถ่ายทำเสร็จสิ้นไปแล้ว )
ในยุคต้นๆ เพลงของ The Beatles จะเป็นแนวร็อคสนุกสนานเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับเพลงนี้ เนื้อหาบ่งบอกถึงความอบอุ่น , ความสุข , ความเข้าใจกันและกันของชีวิตคู่ ฝ่ายชายรับหน้าทีทำงานนอกบ้าน หาเงินเลี้ยงครอบครัว กลับถึงบ้านในแต่ละวันก็เหนื่อยสายตัวแทบขาด อยากจะนอนหลับเป็นตายเหมือท่อนซุง ( Sleeping like a log ) แต่พอได้พบกับกลิ่นอายของความรัก ความอบอุ่น ที่ฝ่ายหญิงจัดเตรียมไว้ให้อบอวลอยู่ในทุกอณูของอากาศ ความเหน็ดเหนื่อยก็มลายไปสิ้น
ปี คศ.1998 George Martin โปรดิวเซอร์ผู้อยู่เบื้องหลังผลงานของ The Beatles ตั้งแต่ อัลบั้มแรกจนอัลบั้มสุดท้าย ได้รวบรวมบทเพลงที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษ มาทำเป็นอัลบั้มชื่อ in my life โดยนำเอาศิลปินหลากหลายท่านมาขับร้องในแต่ละเพลง A hard day’s night ก็รวมอยู่ในนั้น ขับร้องโดย Goldie Hawn เพลงนำเสนอออกมาเป็นสไตล์ Jazz นุ่มๆ แถมเสียงจุ๊บเบาๆในท่อนจบ เพิ่มบรรยากาศอบอุ่นประทับใจมากยิ่งขึ้น
A hard day’s night เป็นผลงานประพันธ์ของ จอห์น เลนนอน ในเครดิตของเลนนอน / แม็คคาร์ทนีย์ บทเพลงแห่งความรักความเข้าใจกันเพลงนี้ น่าจะเป็นข้อเตือนใจสำหรับคู่ครองใหม่ป้ายแดงได้ไม่มากก็น้อย คืนวันอันแสนสาหัส อาจจะผ่อนคลายลง ได้วันชื่นคืนสุขเข้ามาแทนที่
But when I get home to you , and found the things that you do