💭 ส่องประวัติ ‘คน 4 คนผู้เปลี่ยนโลก’ ต้นแบบสุดยอดผู้เปลี่ยนแปลงโลก ที่ถูกรวบรวมไว้ใน หนังสือ 'ถ้าคุณไม่เปลี่ยนโลก โลกก็จะเปลี่ยนคุณ'
ชายน่าทึ่งทั้ง 4 คน หรือผู้ประกอบการ 4 ราย ที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ บริษัทที่เปลี่ยนโฉมหน้าโลกไปตลอดกาล ได้แก่ อีลอน มัสก์, ริชาร์ด แบรนสัน, เจฟฟ์ เบซอส, และ แลร์รี เพจ เหล่าบุคคลผู้ย้ำแนวคิดของหนังสือเล่มนี้ ด้วยการทุ่มเทให้กับความกล้าหาญอย่างเข้มข้น คงทน และลงมือปฏิบัติได้อย่างมีชั้นเชิง ไปรู้จักพวกเขากันเลย!
1. อีลอน มัสก์
🔹 ผู้ปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมต่างๆ และสร้างบริษัทมูลค่าหลายพันล้านดอลล่าร์มาแล้วถึงสี่แห่ง (PayPal, SpaceX, Tesla Motors, และ Solar City)
🔹 รับเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ
🔹 พออายุ 12 ขวบก็ทำเงินได้ 500 ดอลลาร์จากการขายโค้ดวิดีโอเกมชื่อบลัสตาร์
🔹 เข้ามหาวิทยาลัยตอนอายุ 17 ปี และเรียนปริญญาเอกฟิสิกส์ประยุกต์ แต่อยู่ที่นั่นไม่ถึง 2 วัน เขาก็ลาออกเพราะทนรอกระโดดเข้าไปในวงการอินเทอร์เน็ตที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วราวกับพลุแตกไม่ไหว
🔹 เมื่อเรียนจบ เขาพยายามสมัครงานกับบริษัทอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่ง แต่ไม่ได้รับการเสนองานจึงเริ่มเขียนโปรแกรมและตั้งบริษัทเอง
🔹 เข้าสู่วงการจรวด
🔹 ก่อตั้งบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า และบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์
อย่างที่คุณอาจคาดไว้ อีลอน มัสก์ทุ่มเทให้กับการประกอบธุรกิจตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม โดยมีแรงใจกับเป้าหมายเป็นเคล็ดลับ แต่ทว่า “แรงใจกับเป้าหมายเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น เพราะความจริงมันโหดร้ายกว่าที่คิดและเส้นชัยอยู่ไกลกว่าที่คุณคิดมาก”
2. ริชาร์ด แบรนสัน
🔸 แบรนสันเคยมีปัญหาดิสเล็กเซีย(ภาวะบกพร่องในการอ่าน) ตอนเด็กๆ เขาเคยเรียนไม่ไหวจนเกือบต้องออกจากโรงเรียน
🔸 ตอนอายุ 16 เขาลาออกมาทำนิตยสารวัยรุ่น ชื่อว่า ‘สติวเดนท์’ เพราะความหัวกบฏมาตั้งแต่เด็กและไม่เกรงกลัวเรื่องใหญ่ๆ เขาจึงขยายนิตยสารนี้จนกลายเป็นนิตยสารระดับชาติ
🔸 เมื่อถูกห้อมล้อมด้วยดนตรีในเวลาต่อมา เขาจึงก่อตั้งบริษัทขายแผ่นเสียงทางไปรษณีย์ ชื่อว่า Virgin เขาขยายกิจการต่อไปเรื่อยๆ อย่างอลังการไปอีก 10 ปีจน Virgin Music กลายเป็นหนึ่งในบริษัทดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก
🔸 เขาได้ก่อตั้งสายการบิน Virgin Atlantic ขึ้นเพราะความไม่สบอารมณ์ในการให้บริการของสายการบินต่างๆ
🔸 ต่อยอดธุรกิจ และบริษัทต่างๆ เกินกว่าร้อยแห่ง เหมือนการสร้างอณาจักรระดับโลก กระจายไปทุกวงการ (โทรศัพท์มือถือ รถไฟ การสำรวจใต้ทะเล จำหน่ายไวน์ ศูนย์ออกกำลังกาย คลินิกสุจภาพ และการบินอวกาศเชิงพาณิชย์)
คุณน่าจะสงสัยว่าทำไมแบรนสันก้าวจากนิตยสาร ไปเป็นร้านดนตรี แล้วกลายเป็นสนามบินได้ยังไง? เขาทำทั้งหมดนี้ได้ยังไง? คำตอบคือ แบรนสันเป็นคนรักสนุก และความช่างสำราญนี้เองที่ช่วยเขาในหลายเรื่อง เขายังเป็นคนที่ทุ่มเทให้กับทุกสิ่งที่ทำ และมีวิสัยทัศน์ในการทำงานว่า “เพราะมันน่าสนุกดี” ทว่าเขาเองก็บริหารธุรกิจด้วยการลองผิดลองถูก ผ่านความล้มเหลว ความไม่เข้าใจและแรงต่อต้านจากคนรอบข้าง และมีหลายบริษัทที่ต้องตายไปเช่นกัน
3. เจฟฟ์ เบซอส
🔹 เขาสนใจการทำงานของสิ่งต่างๆ มาตั้งแต่ยังเด็ก และเคยใช้ไขควงถอดเตียงเด็กของเขา ต่อมาเขาก็ติดตั้งชึดสัญญาณไฟฟ้าซับซ้อนเพื่อกันไม่ให้พี่น้องของเขาเข้ามาในห้องได้
🔹 เขาจบการศึกษาจากสาขาคอมพิวเตอร์และวิศวกรรมไฟฟ้า และทำงานเกี่ยวกับสายการเงิน
🔹 เขาลาออกมา ด้วยความคิดที่พยายามจะเปลี่ยนโลกด้วยร้านขายของออนไลน์
🔹 ก่อตั้ง Amazon.com ขึ้นมา จากการเป็นบริษัทเล็กๆ ที่มีความสำเร็จแบบไม่แน่นอน จากการ “มีความคิดดีๆ” เขาใช้เวลาเพียง 5 ปีเพื่อเป็นเจ้าของกิจการหลายพันล้านดอลลาร์ในที่สุด
เคล็ดลับความสำเร็จของเจฟฟ์คือ การมองการณ์ไกล ให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่างสุดโต่งและไม่หยุดหย่อน เครื่องมีทรงพลังที่สุดที่เขามีคือ การบอกเล่าปากต่อปากของลูกค้า นี่จึงเป็นเหตุผลให้อเมซอนขยายธุรกิจไปไกลจนถึงขั้นสามารถขยายธุรกิจเข้าไปในวงการดนตรี ภาพยนตร์ ของเล่น อุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ ชิ้นส่วนรถยนต์ การบิน(ปล่อยจรวดและลงจอดในแนวดิ่ง) และวงการอื่นๆ แทบจะทุกอย่าง จนทำให้อเมซอนกลายเป็น 'ร้านขายสารพัดสินค้า' ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ในที่สุด
4. แลร์รี เพจ
🔸 เด็กคนแรกในโรงเรียนประถมซึ่งส่งการบ้านเขียนด้วยโปรแกรมเวิร์ด
🔸 เพจมีความชื่นชอบในด้านคอมพิวเตอร์ของเขาอยู่ในสายเลือดตั้งแต่กำเนิด (พ่อของเขาเป็นผู้บุกเบิกทั้งด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์เอไอ ส่วนแม่เป็นศาสตราจารย์ด้านคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัย)
🔸 เขามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วจากการสร้างเครื่องปริ๊นเตอร์จากตัวต่อเลโก้ระหว่างเรียนอยู่ที่สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์
🔸 เขาเกิดสนใจคุณสมบัติทางคณิตศาสของอินเตอร์เน็ตขึ้นระหว่างเรียนต่อปริญญาเอกสาขาคอมพิวเตอร์ จึงลาออกมาตั้งบริษัทในปี 1998 และพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ด้วย Google
🔸 เขาได้ผลักดันบริษัทให้โด่งดังและมั่งคั่งช่วงเวลา 3 ปีนับตั้งแต่เพจเลื่อนจากประธานร่วมขึ้นเป็น CEO ในปี 2011 มูลค่าของบริษัทก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ด้วยวิสัยทัศน์ที่อาจหาญของเขา “จงเพิกเฉยคำว่าเป็นไปไม่ได้อยู่เสมอ”
“บ่อยครั้งคุณก้าวหน้าได้ง่ายกว่าเวลาคุณทุกข์เหิมเพราะเพราะไม่มีใครคนอื่นคิดจะลองทำเรื่องพวกนั้น คุณเลยไม่ต้องแข่งกับใคร"
.
"ผมจึงเชื่อว่าอะไรที่คุณนึกภาพได้ก็น่าจะทำได้จริงคุณแค่ต้องนึกภาพแล้วลงมือทำแค่นั้น”
และนี่คือเรื่องราวส่วนหนึ่งที่เราได้หยิบยกออกมาจากหนังสือ ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจที่รอให้ผู้กล้าหาญ และพร้อมจะคว้าโอกาสใหม่ที่คนทั่วไปยังหาไม่เจอได้ค้นหากันต่อใน 📚 ‘ถ้าคุณไม่เปลี่ยนโลก โลกก็จะเปลี่ยนคุณ’ (New Edition)
🛒 ช่องทางสั่งซื้อออนไลน์: https://shp.ee/j45scde
📚 ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
