13 ธ.ค. 2021 เวลา 17:26 • ความคิดเห็น
ถ้าตั้งการเวียนว่ายตายเกิดบนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ มันก็ไม่ต่างอะไรกับการแปรเปลี่ยนหมุนเวียนของสสารและพลังงาน
ซึ่งไม่โดนหลุมดำดูดรวมเข้าไป ย่อมไม่สูญหายไปไหน
ชีพสภาพ (ถ้าไม่เคยเห็นคำนี้มาก่อน มันคือชีวิตนั่นแหล่ะครับ ผมลองผสมคำเล่น ๆ ขึ้นมาเองครับ) ในความเห็นส่วนตัวของผม มันคือปฏิกิริยาโต้ตอบของสสารที่รวมตัวกันด้วยความซับซ้อนสูง อย่างมนุษย์ก็จะมีความซับซ้อนสูงมาก สสารต่าง ๆ ล้วนถูกพัฒนาโครงสร้างและวางหน้าที่ไว้แบบสุ่ม ที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ คือ ส่วนที่ถูกสุ่มขึ้นมา และเหลือรอดจากกลายพันธุ์ของเซลล์ (ที่ประกอบขึ้นมาจากสสาร โดยมีคาร์บอนเป็นฐาน) ที่ผจญกับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ มา
จากสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาต้องดำรงชีพให้รอดไปวันต่อวัน พัฒนาจนมีวิถีชีวิตที่เหลือเวลาพอให้สมองไปคิดเรื่องอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากการดิ้นรนเพื่ออยู่ให้รอดในแต่วัน จนพัฒนาเป็นองค์ความรู้ที่ถ่ายทอดกันมา โดยมนุษย์รุ่นต่อมาไม่ต้องไปเสียเวลากับความรู้พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตให้รอดไปในแต่ละวันอีกต่อไป จึงทำให้มีเวลาเหลือพอที่จะสะสมความต้องการสิ่งต่าง ๆ จนเกินความจำเป็น จึงทำให้ตนเองต้องพลัดหลงสู่วังวนแห่งความโลภ โกรธ หลง ไปจนถึงวันหนึ่ง สสารที่ประกอบเป็นร่างกายมันถึงวันที่มันหมดวาระ จำต้องยุติหน้าที่ไป แปรเปลี่ยนสถานะไปเป็นธุลี (คาร์บอน) แล้วระบบของธรรมชาติก็นำธุลีนั้นไปสุ่มเปลี่ยนเป็นธาตุต่าง ๆ และสิ่งต่าง ๆ หมุนเวียนไปเรื่อย ๆ
แม้ร่างกายมนุษย์จะสลายเป็นธุรีแล้วก็ตาม... มนุษย์กลับทิ้งมรดกทุกข์ที่เป็นผลของความต้องการที่เกินจำเป็นนี้ไว้ให้มนุษย์ที่หมุนเวียนเกิดขึ้นถัดมารับช่วงมรดกนี้ต่อไป จึงเกิดแนวคิดที่พยายามกำหนดขึ้นมาเป็นคำสอนเพื่อให้มนุษย์ลดจำนวนมรดกทุกข์ที่จะถูกส่งต่อให้อีกรุ่นลง โดยมนุษย์ด้วยกัน จึงเกิดเป็นศาสนาขึ้นมา
ตรงนี้ ขอเขียนจบสั้น ๆ แบบนี้ก่อน เดี๋ยวจะยาว
ถ้าเอาจริง ๆ นะ มันไม่มีชาตินี้ หรือ ชาติหน้า สำหรับคนใดคนหนึ่งหรอก มันมีแต่วาระของสสารที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นส่วนประกอบที่เคยถูกหมุนเวียนจากสิ่งหนึ่งสู่อีกสิ่งหนึ่งจากร่างกายใครสักคนมารวมตัวและแปรสภาพมาจนเป็นร่างกายของมนุษย์รุ่นต่อ ๆ มา (ถ้าไม่สูญพันธุ์ไปก่อนนะ) เท่านั้น
จึงทำให้มนุษย์เชื่อไปว่า มีการกลับชาติมาเกิด
แต่แท้จริงแล้ว มันอาจจะเป็นกลุ่มของความทรงจำในรูปของพลังงานที่ยังคงสภาพบางส่วนอยู่ในสสารนั้นก็ได้ (ตรงนี้ ผมพยายามอธิบายไปตามความเชื่อในการกลับชาติมาเกิดแบบวิทยาศาสตร์นะ แต่คงจะมีหลายคนแย้งว่า มันวิทยาศาสตร์ตรงไหน... อืมมม นั่นสินะ 😅 เดี๋ยวว่าง ๆ จะลองพยายามหามาเขียนเป็นบทความดูละกัน)
ผมมักจะอ่านเจอคำถามประมาณว่า คนเราเกิดมาทำไม บ่อยมาก ซึ่งการอธิบายการเวียนว่ายตายเกิดในความเห็นส่วนตัวผม ก็น่าจะพอมองเห็นแล้วว่า คำถามแบบนี้ ไม่น่าจะมีคำตอบ เพราะมันไม่มีสิ่งใดมากำหนดวัตถุประสงค์ในการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ของคนเราได้
ตัวตนที่เราคิดกันไปเอง เพราะการพัฒนาของมนุษย์ทำให้มีเวลาว่างมาคิดเรื่องที่ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลยเยอะเกินไป
สรุปสั้น ๆ หลังจากเขียนมาซะยาว คือ
คนเรามันก็เป็นเพียงองค์ประกอบแบบสุ่มของสสารเท่านั้นอะนะ มันไม่มีอะไรไปมากกว่านี้ และที่มันตลกก็คือ ปฏิกิริยาอันแสนซับซ้อนของสสารที่ประกอบเป็นร่างกายคนเราดันคิดว่านี่คือตัวตนของตัวเอง
คุ้น ๆ และคล้าย ๆ ปัญญาประดิษฐ์ที่มนุษย์สร้างและพัฒนามากับมือ จนมนุษย์เองก็เกรงว่า สักวันหนึ่ง มันจะคิดเองได้น่ะนะ
โฆษณา