14 ธ.ค. 2021 เวลา 00:31 • ไลฟ์สไตล์
#นอน
ตื่นเช้ามาก็เขียนเรื่องนอน ฮ่าๆ
เมื่อคืนหลับสบายไหมครับ? แล้วตื่นขึ้นมาเป็นอย่างไรกันบ้าง? รู้สึกสดชื่นดีไหม? รู้สึกว่าร่างกายได้รับการพักผ่อนและฟื้นฟูจนมีระดับพลังงานที่สูงพอดีไหม? ของผมได้เป็นบางวันครับ ฮ่าๆ แต่เป็นเรื่องหนึ่งเลยนะที่มาเห็นความสำคัญในช่วงวัยกลางคนนี้
แล้วช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างไรล่ะ?
ก็จำได้แต่ว่า ตอนเด็กๆนั้นนอนดึกตื่นสาย เพราะว่าที่บ้านไม่ได้จัดระเบียบเรื่องการนอน และคุณแม่ซึ่งเป็นครูก็มักเตรียมการสอนจนดึกจนดื่นบ่อย ส่วนผมก็ทีนิสัยชอบอ่านหนังสือก่อนนอน จนหลับคาหนังสือ ยิ่งช่วงใกล้สอบก็จะยิ่งหนัก อ่านหนังสือจนตีหนึ่งตีสองทุกวัน เริ่มเป็นแบบนี้ก็ตั้งแต่ตอนที่รู้สึกว่าต้องเรียนหนักเพื่อสอบให้ได้ที่หนึ่ง ก็ตั้งแต่เด็กๆมาแล้วมั้งซักประมาณ ป.3 ได้ ยิ่งต่อมาเรียนชั้นมัธยมที่เนื้อหายากขึ้น และม.ปลายที่ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ยิ่งแล้วใหญ่ การใช้ชีวิตก็โหมกระหน่ำ นอนผิดเวลามาตั้งแต่ตอนนั้น
พอสอบเข้าแพทย์ได้ชีวิตก็เหมือนเดิม จนกระทั้งขึ้นชั้นคลินอกที่ต้องอยู่เวร การนอนก็ยิ่งเลวร้ายลงไปใหญ่ อยู่เวรอดหลับอดนอน แถมยังเริ่ม "อัดกาแฟ" เพื่อให้ตื่นไหวอีกด้วย กินนอนไม่เป็นเวลาประสาหมอเด็กๆ ที่บูชาการทำงานหนักเป็นชีวิตจิตใจ พอเป็นอินเทิร์นก็แย่ลงอีก แล้วยังไปเรียนต่อศัลยศาสตร์อีก เคี่ยวเข็ญตัวเองให้อดทนกับความเหนื่อยล้าให้ได้ มากขึ้น มากขึ้น มากขั้น และมากขึ้นอีก
สุดท้ายก็ไม่ไหว ร่างกายพังมาก ก็เลยย้ายสายงานมาทำงานบริษัทโดยเชื่อว่า เมื่อไม่ต้องอยู่เวรแล้วก็จะมีเวาพักผ่อนมากขึ้น คิดว่าสำเร็จไหมครับ?
แน่นอนว่าเปล่าเลย ช่วงเวลาวัยหนุ่มอันเปี่ยมไปด้วยพลังงานนั้น เวลานอนก็หมดไปกับการทำงาน หามรุ่งหามค่ำ เสาร์อาทิตย์ก็เรียนโน่นเรียนนี่ ยังไม่นับการเดินทางข้ามประเทศที่เวลานอนยังต้องเปลี่ยนไปอีก ไหนจะเที่ยวอีก โอ๊ย! เยอะ
เมื่อก่อนนอนวันละ 4 ชั่วโมงก็รู้สึกว่า fresh พอแล้ว แต่หารู้ไม่ว่า ร่างกายกำลังเสื่อมไปทีละเล็กละน้อย
การพยายามเป็น Superman ไม่หลับไม่นอน ทำงาน เที่ยวเล่น เรียน หักโหมใช้ชีวิตแบบกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ราวกับขนขับรถบรรทุกเสพยาบ้า ปิดสัญญาณความอ่อนล้าของร่างกาย เวลาที่หลับได้สนจจริงๆคือ เวลาที่ทำงานหรืออออกกำลังกายจนเหนื่อยล้ามากจนหลับไปเอง
ผมมาเริ่มเอะใจก็ตอนที่ผมขับรถกลับมาจอดที่คอนโดแล้วงีบอยู่ในรถนานสองชั่วโมงถึงได้ขึ้นห้อง จริงๆอาการพวกนี้เป็นมาก่อนแล้ว แต่เราไม่ทันสังเกต เราคิดว่า "ไม่เป็นไร" แล้วเราก็ "ผลาญพลังชีวิต" ไปเรื่อยๆ เพราะเรามีความเชื่อว่า "ทำมากจึงจะดี" ความสำเร็จอยู่ไม่ไกล! ...แต่ความตายก็เหมือนกัน จริงไหมครับ ฮ่าๆๆๆ
การหักโหมที่ว่านี้เป็นการเอาพลังงานสำรองในชีวิตมาใช้โดยไม่เคยฟื้นฟูร่างกายตามธรรมชาติเลย จะไม่ให้ "ร่างพัง" ยังไงไหว ผมพบว่าช่วงที่ผมอายุประมาณ 38-40 ผมหักโหมไม่ได้เหมือนเดิม อ่อนเพลียไม่มีแรง และหลับยากมาก ถึงทุกวันนี้ก็ไม่ได้หลับสนิททุกคืนนะ ตื่นบ่อย ฝันเยอะ (แปลว่าหลับตื้น ไม่ลึกพอที่จะให้ร่างกายได้ฟื้นฟูเยียวยาตนเอง)
จริงๆแล้วการนอนสำคัญมาก เหมือนกับการชาร์ตโทรศัพท์มือถือ (ที่พวกเราทักเล่นก่อนนอนนั่นล่ะครับ) เป็นสิ่งที่ธรรมชาติให้เรามา แต่เราพยายามใช้ชีวิตเกินธรรมชาติด้วย "แสงประดิษฐ์" ซึ่งก็คือ "หลอดไฟ" นั่นเอง เราใช้ชีวิตยู่บนหลัก "สามจอ" คือจอโทรศัพท์ จอคอมพิวเตอร์ และจอโทรทัศน์ เรา"กระตุ้น" ร่างกายด้วยแสง เหมือนเป็นกลางวันตลอดเวลา ทำให้ร่างกายถูกกระตุ้นให้ active ตลอดเวลา
ผมคิดว่า "ความอ่อนล้าของร่างกาย" เป็นสัญญาณสำคัญที่ให้เรารู้ว่า เรา active มาก้ดินไปแล้ว และเตือนให้เรารู้จักหันกลับมาพักผ่อน มันเป็นสัญญาณเตือนที่เรามักหลงลืมไป กล่าวคือเรา "ปิด" มัน ไม่รับรู้ถึงมัน จนเราลืมที่จะหัดนั่งพัก ผ่อนคลาย หายใจให้ถูกต้อง ให้ออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกาย หัดบริหารร่างกายแบบช้าๆ เช่น โยคะ ไทชิ ชี่กง หัดใช้ชีวิตให้ช้าลงบ้าง ไม่ใช่บ้าพลังจนร่างกายเสียหาย และที่สำคัญคือ หัดนอนให้เป็นเป็นเวลา ห้าทุ่มก็หลับได้แล้วครับ มีอะไรก็ค่อยตื่นขึ้นมาทำตอนเช้า อย่างบทความนี้ผมก็เขียนตอนเช้า ก่อนไปทำงาน ก็พบว่าหัวแล่นดี พิมพ์ได้เรื่อยๆ อิอิ 🙂
ผมเชื่อว่า สุขภาพที่ดีนั้นเริ่มจากกการบริหารพลังงานในแต่ละวันให้ดี ใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ เท่าที่จะเป็นไปได้ตามบริบทในยุคปัจจุบัน ผมอยากได้ความสดชื่นของวัยหนุ่มคืนมา และผมเชื่อว่าการพักผ่อนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ คุณล่ะครับ? อยากได้ร่างกายที่สดใส สดชื่น จากการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอและมีคุณภาพหรือเปล่า?
ถ้านั่นคือวัตถุประสงค์ ก็ไม่มีอะไรดีกว่าการลงมือทำ เริ่มต้นด้วยการจัดกิจวัตรประจำวันให้ดี เข้านอนให้เป็นเวลา แน่ละ บางคน (รวมทั้งผมด้วย) ก็อาจจะเลยจุด (อายุ) ที่หลับได้อย่างธรรมชาติไปแล้วและต้องใช้ยาช่วยบ้าง แต่การนอนอย่างเพียงพอก็เป็นเป้าหมายสำคัญที่ถูก "ขโมย" ไปมากที่สุดในยุคนี้
ผมพยายามนอนไม่ให้เกินห้าทุ่มทุกวัน (หลังจากที่ทนอนตีสอง ตีสาม ตี่สี่หรือแม้แต่โต้รุ่งมานาน) ลองนอนหัวค่ำดูนะครับแล้วจะพบกับความเปลี่ยนแปลง
ขอให้เป็นวันที่บริหารพลังงานได้ลงตัวนะครับ 🙂
โฆษณา