รีวิว Weathering with you ฤดูฝัน ฉันมีเธอ การเล่นใหญ่สุดทะเยอทะยาน บนเรื่องราวที่ไม่ลงตัว
รีวิวฉบับเต็ม Weathering with you -ฤดูฝัน ฉันมีเธอ- (天気の子) – การเล่นใหญ่สุดทะเยอทะยานของ ชินไค มาโคโตะ ที่เต็มไปด้วยคุณภาพงานสร้างอันน่าทึ่ง บนเรื่องราวที่ไม่ลงตัว
จากที่เคยสร้างปรากฎการณ์ในญี่ปุ่นที่กวาดรายได้กว่า 2 หมื่นล้านเยนไปแล้วใน Your Name. หรือ Kimi no na wa. (หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ) ด้วยการพลิกโฉมผลงานของผู้กำกับอนิเมชั่นสไตล์รักขมสุดเหงา ให้กลายมาเป็นอนิเมชั่นรักลุ้น ๆ ถูกใจตลาดวงกว้างเป็นครั้งแรก ก็ดูเหมือนว่าผลงานชิ้นต่อมานี้ จะได้รับอิทธิพลในเชิงธุรกิจจากผลงานชิ้นนั้นมาไม่น้อยทีเดียว
เรื่องราวหยิบเอาบรรยากาศฝนตกแบบที่เคยใช้ใน Kotonoha no Niwa หรือ Garden of Words (ยามสายฝนโปรยปราย) มาอีกครั้ง แต่จากฝนพรำ ๆ ชวนโรแมนติก กลายเป็นห่าฝนที่ชุ่มฉ่ำจนเปียกปอนในระดับที่ชาวกรุงเทพรู้ว่ามันสาหัสขนาดไหน แต่เมื่อฝนที่เป็นอุปสรรคของคนเมืองกลับสามารถถูกไล่ออกไปได้ด้วยคำอธิษฐานของเด็กสาวแสนวิเศษคนหนึ่ง มันก็เลยกลายเป็น “ฤดูฝัน ฉันมีเธอ” เรื่องนี้นั่นเอง
ซึ่งถ้ามีแค่นี้มันก็จะเหมือนกับ Your Name. เคยทำมาแล้ว ในธีม “ทั้งเรื่องมีแค่สองเรา” อย่างกรณีของ “ทาคิ” กับ “มิทสึฮะ”
แต่ Weathering with you ยังคงเพิ่มซัพพล็อตเข้ามาซ้อนไปอีกเรื่อย ๆ ทั้งเรื่องราวในอดีตของ “สึกะ” คุณลุงไม่เอาไหน ผู้ให้โอกาสกับเด็กอย่างโฮดากะเข้าทำงาน ชีวิตครอบครัวของฮินะ เรื่องของอาชญากรรม และอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้เรารู้สึกได้ว่า ตัวเอกสองคนนี้พัวพันกับอะไรหลายอย่างเหลือเกิน และเพราะความพยายามสร้างซัพพล็อตขนาดนี้ มันอาจจะกลายเป็นโจทย์ที่ยากเกินไปที่จะทำให้ทุกอย่างมาบรรจบกันได้ในท้ายที่สุด
เพราะสุดท้ายจริง ๆ Weathering with You กลับเลือกจะขยายเรื่องเส้นเดียวครึ่งหลังให้กลายเป็นอะไรที่ใหญ่เกินกว่าจะย้อนกลับไปเล่าเรื่องเล็ก ๆ ที่ปูมาแล้วได้ จนอาจมองเห็นได้ว่าบางประเด็นที่เคยมี ถูกทำให้หายไปเลยในตอนจบ
สำหรับ Weathering with You นั้น อาจจะเป็นอีกหนึ่งหลักหมุดใหม่ของอนิเมชั่นฉายโรงภาพยนตร์ได้ดีมากทีเดียว มีงานภาพที่สามารถสร้างบรรยากาศของเมืองหลวงกลางพายุฝนที่อึมครึมชวนอึดอัด และก็ทำให้ผู้ชมปลอดโปร่งได้ยามที่ฮินะเรียกร้องแสงอาทิตย์กลับมาอีกครั้ง มันอาจจะมีการโชว์ฉากสวย ๆ ไม่กี่ช่วง แต่เกือบทั้งหมดมันคือภาพอนิเมชั่น 2 มิติ ที่สามารถถ่ายทอด “ฝน” ให้ออกมาสมจริงสมจังได้ มีการประดิษฐ์ที่พิถีพิถันจนเรารู้สึกได้ว่า มันคือภาพยนตร์แห่งสภาพอากาศ ระดับมาสเตอร์พีซชิ้นหนึ่งเลย
และในเนื้อเรื่องครึ่งหลัง เพราะความสมจริงนี้เอง ที่ผมมองว่าจะเป็นอีกจุดหนึ่งที่เข้าถึงผู้ชมได้มากกว่า Your Name. ที่แม้จะตระการตาขนาดไหนแต่เราก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นการ์ตูน แต่ Weathering with you ทำได้ถึงขั้นทำให้เรารู้สึกได้ว่ามันคือเรื่องใกล้ตัวที่เปลี่ยนจากภาพถ่ายเป็นภาพวาดเฉย ๆ
ฉะนั้นแล้วถึงผมจะเอ่ยชมว่า Your Name. เล่าเรื่องมีชั้นเชิงและกลมกล่อมกว่า แต่ก็ต้องชมว่า Weathering with You เป็นผลงานที่ “เติบโตกว่า” และอาจจะมีอะไรให้เราขบคิดถึงการเลือกสิ่งสำคัญบางอย่างกลับไปมากกว่าผลงานชิ้นก่อนเหมือนกัน