1 ม.ค. 2022 เวลา 05:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
จับตาความเสี่ยงหลัก จากสายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน”
โดย คุณธิดาศิริ ศรีสมิต, CFA
Chief Investment Officer, KAsset
จับตาความเสี่ยงหลัก จากสายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน”
Highlight :
- การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธ์ุใหม่ “โอไมครอน” ยังคงส่งผลกระทบให้ตลาดหุ้นไทยรวมถึงตลาดหุ้นทั่วโลกยังมีความผันผวนจนกว่าจะมีความชัดเจนต่อสถานการณ์นี้ แม้ตลาดจะเริ่มคลายความกังวลหลังพบอาการป่วยไม่รุนแรง
- ในระยะ 1-3 เดือนข้างหน้า เน้นลงทุนหุ้นที่คาดว่า ผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวในไตรมาส 4/2564 และปี 2565 ตามการฟื้นตัว ของเศรษฐกิจในประเทศและการเปิดประเทศ
- ในระยะ12 เดือนข้างหน้า หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เน้นลงทุนหุ้น ที่คาดว่าเติบโตได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยและได้ประโยชน์จากแนวโน้ม Secular trend หรือเทรนด์ของโลกที่จะเห็นชัดเจน ใน 5-10 ปีข้างหน้า และเน้นลงทุนหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการภาครัฐ
- KAsset มีมุมมองบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่อจากเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากทางภาครัฐ
รวมถึงการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว จะช่วยสนับสนุนการเติบโตโดยเฉพาะการบริโภคและใช้จ่ายในประเทศในปี 2565
อีกทั้งคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในปีหน้าที่ประมาณ 14% (EPS Growth) และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นยังน่าสนใจ
โอไมครอนกระทบตลาดหุ้นแค่ไหน
ความกังวลของผู้ลงทุนเริ่มลดลงหลังจากที่พบว่าอาการป่วยจากสายพันธุ์โอไมครอนไม่มีความรุนแรงมากนัก แต่ยังถูกจัดเป็นสายพันธุ์ระดับที่น่ากังวล
ประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันและการรักษาที่มีอยู่ในปัจจุบันมีประสิทธิภาพลดลงต่อสายพันธุ์นี้
จึงยังต้องรอความชัดเจนจากกลุ่มผู้ผลิตวัคซีนถึงการวิจัยประสิทธิภาพของวัคซีนตัวปัจจุบัน และความเร็วในการปรับปรุงวัคซีน โดยคาดว่าจะเร่งผลิตวัคซีนสูตรใหม่ได้ในต้นปีหน้า
ประกอบกับการที่ประเทศต่างๆ มีการเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการการเดินทางระหว่างประเทศอย่างรวดเร็ว น่าจะพอควบคุมความรุนแรงจากการระบาดของสายพันธุ์นี้ได้
อีกทั้งความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ และการรับมือของประเทศต่างๆ ที่ทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่น่าจะรุนแรงเหมือนช่วงก่อนหน้า
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยรวมถึงทั่วโลกน่าจะยังมีความผันผวนจนกว่าจะมีความชัดเจนต่อสถานการณ์นี้
กลยุทธ์การลงทุนหุ้นไทยจะเป็นอย่างไร
- ในระยะ 1-3 เดือนข้างหน้า เน้นลงทุนหุ้นที่คาดว่า ผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวในไตรมาส 4/2564 และปี 2565 ตามการฟื้นตัว ของเศรษฐกิจในประเทศและการเปิดประเทศ
อย่างไรก็ดี การระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนอาจทำให้การใช้จ่ายในประเทศ และการเปิดประเทศเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นอาจจะไม่เป็นไปตามแผนของรัฐบาล
- ในระยะ12 เดือนข้างหน้า หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เน้นลงทุนหุ้น ที่คาดว่าเติบโตได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยและได้ประโยชน์จากแนวโน้ม Secular trend หรือเทรนด์ของโลกที่จะเห็นชัดเจน ใน 5-10 ปีข้างหน้า
และเน้นลงทุนหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการภาครัฐ
- สำหรับหุ้นน่าสนใจและปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุน ได้แก่ "กลุ่มสื่อสาร" หลังมีดีลใหญ่ ทรูและดีแทค น่าจะทำให้ ภาพรวมอุตสาหกรรมเติบโตและการแข่งขันด้านราคาลดลง
รวมถึง "กลุ่มแบงก์" หลายแบงก์เริ่มปรับโครงสร้างธุรกิจและลงทุนเทคโนโลยี เป็นโอกาสสร้างรายได้เพิ่ม เช่นเดียวกับ "กลุ่มค้าปลีก" ที่มีการซินเนอร์ยี่ในกลุ่ม สร้างการเติบโตรองรับแข่งขันบนช่องทางออนไลน์
ขณะที่ "กลุ่มท่องเที่ยว และเฮลธ์แคร์" ยังได้ประโยชน์หลังการเปิดประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะทยอยกลับเข้ามา
ปัจจัยที่ยังต้องติดตามต่อไป
- ระยะสั้นยังคงต้องติดตามสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ประสิทธิภาพของวัคซีน วิธีการรักษาและความสามารถในการควบคุมการแพร่ระบาด
1
- ระยะกลางถึงยาว จับตาปัญหาติดขัดด้านห่วงโซ่อุปทานโลก (Supply Chain Disruption) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางประเทศแกนหลักของโลก
ซึ่งอาจเพิ่มความผันผวนใหักับตลาดโลก ค่าเงิน และการเคลื่อนย้ายของเม็ดเงินลงทุนในระยะถัดไป
อยากลงทุนในหุ้นไทย เลือกกองทุนไหนดี
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นไทย แนะนำกองทุน K-STAR ที่ได้รับการจัดอันดับ Morningstar 5 ดาว มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นไทยที่ปัจจัยพื้นฐานดี เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ
พร้อมกลยุทธ์จับจังหวะเข้าสะสมหุ้นที่น่าสนใจในช่วงตลาดผันผวน เพื่อโอกาสทำกำไรในระยะสั้น โดยสามารถเลือกลงทุนได้ 2 รูปแบบ คือ K-STAR-A(A) แบบสะสมมูลค่า และ K-STAR-A(R) แบบรับซื้อคืนอัตโนมัติ หรือหากต้องการลดหย่อนภาษีก็สามารถลงทุนใน K-STAR-SSF
👉ดูรายละเอียดเกี่ยวกับกองทุนเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3EWZhI9
📱สนใจลงทุนสามารถเปิดบัญชีกองทุน และซื้อได้เลยง่าย ๆ ผ่านแอปฯ K-My Funds คลิก https://bit.ly/3Dsq8uY
 
#KAsset #KBankLive
โฆษณา