16 ธ.ค. 2021 เวลา 09:39 • อาหาร
PRU ร้านอาหาร ดาวมิชลินรักษ์โลก 2 ปีซ้อนที่นำความยั่งยืนสู่จานอาหาร
ย้อนไปในการประกาศรางวัลคู่มือ คู่มือมิชลิน ไกด์ ฉบับกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต และพังงา ประจำปี 2021 มีการเปิดตัวรางวัลใหม่รูปใบโคลเวอร์สีเขียว 5 แฉก เป็นรางวัลที่ชื่อ ดาวมิชลินรักษ์โลก มอบให้กับร้านอาหารที่ไม่ได้มีแค่ความอร่อย แต่ยังเป็นร้านที่ใส่ความยั่งยืนเรื่องสิ่งแวดล้อมลงไปในทุกรายละเอียดของทุกคำในทุกจานอาหาร และสำหรับประเทศไทย ดาวมิชลินรักษ์โลกดวงแรกได้โคจรลงปักษ์ใต้มาที่ร้าน PRU หรือ พรุ ในภาษาไทย ร้านอาหารดาวเด่นจากจังหวัดภูเก็ตภายใต้การนำของพ่อครัวใหญ่ จิมมี่ โอฟอร์สต์ (Jimmy Ophorst) เชฟชาวเนเธอร์แลนด์ผู้ใส่ใจเรื่องความยั่งยืนและสนใจวัตถุดิบในท้องถิ่นพื้นบ้านไทย
การทำเรื่องความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำคือเหตุผลหลักที่ทำให้ ดาวมิชลินรักษ์โลก ดวงที่ 2 ประจำ คู่มือ มิชลิน ไกด์ กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ ภูเก็ตและพังงา 2565 ยังคงสถานะไว้ที่ร้าน PRU เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งเชฟจิมมี่เคยให้สัมภาษณ์กับทางมิชลินไกด์ถึงรางวัลนี้ไว้ว่า
“รางวัลนี้สื่อถึงความตั้งใจของพวกเราต่อชุมชน มันบอกถึงคนที่พวกเราทำงานด้วยมากกว่าตัวพวกเราเอง ผมภูมิใจที่ได้รับรางวัลนี้ แต่ก็ช่วยให้นึกถึงชาวไร่ชาวสวนที่ปลูกผลผลิตให้กับเรามากกว่า นี่คือรางวัลของพวกเขาผ่านสิ่งที่เราทำที่ร้าน”
เชฟ จิมมี่ โอฟอร์สต์ ในโครงการ พรุจำปา
สำหรับรางวัล ดาวมิชลินรักษ์โลก เป็นรางวัลที่มอบให้กับร้านอาหารที่ดำเนินกิจการและมีแนวปฏิบัติประจำวันด้านการประกอบอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ลงรายละเอียดลึกลงไปถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ส่วนผสม การใช้ผลิตผลตามฤดูกาล รอยเท้าทางสิ่งแวดล้อม (Environmental Footprint) ของร้านนั้นๆ ระบบกำจัดของเสียและการนำกลับมาใช้ใหม่ที่ทำได้จริง และที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือการจัดการทรัพยากร รวมถึงการสื่อสารบอกเล่าเรื่องราวด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนที่ทีมงานได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกับแขกที่มารับประทานอาหารในร้าน
ทั้งนี้ในปี 2564 ที่ผ่านมามีร้านอาหารในเอเชียทั้งหมด 19 แห่งที่ได้รับรางวัลดาวมิชลินรักษ์โลก โดยร้านเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องได้ดาวมิชลินเท่านั้น แต่เป็นร้านอาหารใดก็ได้ที่อยู่ในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ไม่ว่าจะได้รับรางวัลมิชลิน เพลท หรือ บิบ กูร์มองด์
สำหรับร้านพรุนั้นไม่ได้โดดเด่นแค่เรื่องการเคารพวัตถุดิบในท้องถิ่นของไทย แต่ทางร้านยังมีโครงการ พรุจำปา สวนผักออร์แกนิคพื้นบ้านของทางร้านที่ใช้ปลูกพืชผัก สมุนไพร และดอกไม้สำหรับประกอบอาหาร ฟาร์มแห่งนี้ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นแนวคิดและวิถีการเกษตรอย่างยั่งยืน (Permaculture) ที่ทางทีมได้ยึดมั่นอย่างเป็นรูปธรรม แต่ยังตอบโจทย์เรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสนับสนุนเกษตรกรในท้องถิ่น การใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลในท้องถิ่น 100% ในการสร้างสรรค์เมนูอาหาร ทำให้การรับประทานอาหารที่พรุกลายเป็นประสบการณ์ที่ผสานรสชาติเข้ากับความมุ่งมั่นใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักชิมและธุรกิจร้านอาหารในวงกว้างว่าเรื่องความยั่งยืนสามารถสร้างได้จริงแม้แต่ในร้านอาหารเช่นเดียวกับที่เชฟจิมมี่เคยให้สัมภาษณ์กับทางมิชลินไกด์ไว้ว่า
“ผมรู้ว่าเราเปลี่ยนโลกทั้งใบไม่ได้ แต่เราช่วยโดยส่งต่อแนวคิดผ่านการพูดคุยกับคนอื่น ๆ และเปลี่ยนมุมมองของเขาได้”
อ้างอิง
โฆษณา