18 ธ.ค. 2021 เวลา 22:00 • หนังสือ
7 นิสัยแย่ๆที่เลิกทำแล้วการทำงานของคุณจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
คนส่วนใหญ่พยายามที่จะเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้นด้วยการเพิ่มสิ่งต่างๆ
แต่ผมได้ค้นพบวิธีที่ง่ายกว่านั้นมาก แทนที่เราจะเพิ่ม แต่เราสามารถเริ่มต้นง่ายๆด้วยการกำจัดสิ่งที่ลดทอนประสิทธิภาพของเรา
ถ้าคุณอยากที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากขึ้นกว่าเดิม ให้หลีกเลี่ยง
7 นิสัยเหล่านี้ เมื่อคุณกำจัดมันออกไป
คุณจะพบว่าผลงานของคุณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
1. โฟกัสในรายละเอียด แต่ไม่สนใจผลลัพธ์
“แม้กลยุทธ์จะสวยงามเพียงใด
คุณควรดูผลลัพธ์เป็นบางครั้ง”
― Winston Churchill
ประสิทธิภาพไม่ได้ขึ้นอยู่ที่เราสามารถ
ทำงานได้หนักแค่ไหนในหนึ่งชั่วโมง
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแพลนเนอร์ที่ดูดีมีระเบียบ
หรือการมีกล่องขาเข้าของอีเมลเป็นศูนย์
แต่อยู่ที่ผลลัพธ์ของเรา
  • ถ้าเราไม่เพิ่มผลลัพธ์ในสิ่งที่สำคัญ แสดงว่าเราไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และในท้ายที่สุด การวัดประสิทธิภาพของการทำงานที่ดีที่สุด คือปริมาณงานที่เราสร้างขึ้นและเผยแพร่ออกไป
แม้การใส่ใจในกระบวนการเป็นสิ่งสำคัญ
แต่อย่ามองข้ามผลลัพธ์ เมื่อเราต้องการจะทำอะไร ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลลัพธ์ของเรากำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
เมื่อเราเริ่มมุ่งความสนใจไปที่ผลงานของ
ตัวเอง จำนวนผลงานของเราจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
2. เช็คโทรศัพท์เป็นสิ่งแรกหลังตื่นนอน
88% ของมนุษย์เรา เช็คโทรศัพท์ภายใน
1 ชั่วโมงแรกของวัน
และ 55% ของผู้คน เช็คอีเมลและข้อความก่อนออกไปทำงาน
การให้ความสนใจกับข้อมูลที่ต้องใช้ความคิดหลังจากตื่นนอน เช่น โซเชียลมีเดีย
จะทำให้สมองหลั่ง Dopamine ออกมา
ซึ่งจะทำให้เราจะรู้สึกอยากเล่นโทรศัพท์
อยู่ตลอดเวลา
และเนื่องจากเราไม่ได้อยู่ที่ทำงาน เราจึงไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ มันจะวนเวียนอยู่ในความคิดของเราอยู่อย่างนั้น
  • เราจึงควรทำตามเป้าหมายที่วางไว้ก่อนที่จะปล่อยให้ความต้องการในแต่ละวันเข้ามาขัดจังหวะ ควรให้ความสำคัญกับกิจวัตรประจำวัน รู้จักลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำหลังจากตื่นนอน
เราไม่ควรเข้าไปใน Instagram หรือดูข่าวทันทีหลังจากที่ตื่นขึ้นมา ​เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนสมาธิ
ทางที่ดี ควรตั้งค่าโทรศัพท์ให้เป็นโหมดเครื่องบินหรือโหมดห้ามรบกวน เพื่อไม่ให้
ได้รับการแจ้งเตือนเมื่อเรานอนหลับ
สร้างสภาพแวดล้อมที่ดี แล้วคุณจะเลิกนิสัยนี้ได้อย่างรวดเร็ว
3. ปล่อยให้เสียสมาธิระหว่างการทำงาน
ไม่ว่าจะเป็นอีเมล ข้อความ หรือการโทร
เราสลับการทำงานแทบจะทุกๆ 1 นาที
  • อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเราจะพยายามมากแค่ไหน ถ้าเราฟุ้งซ่านบ่อยๆ เราจะมีปัญหาในการจดจ่อ เพราะเราทุกคนทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้แย่มาก
ถ้าพื้นที่การทำงานไม่เป็นระเบียบ อาจส่งผลเสียต่อความเครียด และอารมณ์ของเราได้
ดังนั้น เราควรป้องกันตัวเองจากสิ่งรบกวนและการแจ้งเตือนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถจดจ่อกับงานที่ทำอยู่
ลองวางโทรศัพท์ไว้ในโหมดเครื่องบินหรือปิดการแจ้งเตือนข้อความในตอนที่เรากำลังทำงาน ปิดแท็บเบราว์เซอร์และแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เราไม่ได้ใช้
จัดระเบียบพื้นที่การทำงานของเรา เพื่อไม่ให้เกะกะ ไม่ฟังพอดแคสต์หรือวิทยุในตอนที่กำลังทำงาน
4. ทำงานจนหมดแรง
แม้ว่าจะมีบางครั้งที่เราต้องทำงานจนดึกดื่นเพื่อให้งานเสร็จ แต่นี่ไม่ใช่วิธีการทำงานในระยะยาวที่ดี และถ้าคุณทำงานอย่างต่อเนื่องจนหมดแรง การทำงานสองสามชั่วโมงที่ผ่านมานั้นก็อาจจะไม่มีประสิทธิภาพอยู่ดี
  • ข้อควรจำ : ความสามารถของคนเรามีจำกัด เรามีสมรรถภาพสูงสุดประมาณสามชั่วโมงต่อวัน นำชั่วโมงทองเหล่านี้ไปใช้กับสิ่งที่สำคัญ
แน่นอนว่าเรายังสามารถทำงานได้หลังจากสามชั่วโมงนั้น แต่เมื่อเรารู้สึกว่าเรี่ยวแรงของเราลดลง เป็นสัญญาณว่าเราควรจะหยุดพัก
(เราต้องพักผ่อนและฟื้นตัว เพื่อให้สามารถทำงานได้ดีในวันรุ่งขึ้น)
นอกจากนี้ การหยุดพักระหว่างวันเป็นประจำ เป็นการช่วยให้เราพักฟื้น เพื่อให้เราสามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้นานขึ้น
5. ทำงานโดยไม่มีลำดับความสำคัญ
"สิ่งสำคัญมักไม่ค่อยเร่งด่วน
และสิ่งเร่งด่วนมักไม่ค่อยสำคัญ"
― Dwight D. Eisenhower
  • ไม่ใช่ทุกอย่างที่อยู่ในรายการที่ต้องทำของเรามีความสำคัญเท่าเทียมกัน
ก่อนที่เราจะเริ่มทำงาน ให้ลองจัดอันดับงานของเราตามลำดับความสำคัญ เพื่อที่เราจะสามารถใช้เวลาที่ดีที่สุดในแต่ละวันกับสิ่งที่จะทำให้เราได้รับผลลัพธ์มากที่สุด
และถ้าเราไม่รู้ลำดับความสำคัญของตัวเอง
ก็แค่ถามใครสักคนที่อยู่รอบตัว อาจจะเป็นเพื่อนสนิท ครอบครัว หรือคนที่เราไว้ใจ
เราไม่สามารถทำทุกอย่างพร้อมกันได้
และย่อมมีค่าเสียโอกาสสำหรับงานของเรา
คิดเสมอว่ามีอะไรอยู่ในรายการที่ต้องทำบ้าง อะไรเป็นลำดับความสำคัญสูงสุดสามอันดับแรก และอะไรเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ในภายหลัง
6. การหาข้ออ้างให้กับสิ่งต่างๆ
นี่เป็นคำพูดที่ผมคิดว่ามันเป็นความจริง
ที่ไม่เหมือนใคร
“ถ้าอยากทำอะไรให้เสร็จ
ก็เอาไปให้คนที่งานยุ่งสิ”
ถ้าเรามอบหมายงานให้กับคนที่มีเวลาทั้งหมดในโลกใบนี้ พวกเขาจะพยายาม
หาข้ออ้างและผัดวันประกันพรุ่ง แต่ถ้าเราให้งานกับคนที่ยุ่งมาก พวกเขาจะรีบจัดการให้เสร็จทันที
ถ้ามันเป็นเรื่องสำคัญอย่างเช่น การออกกำลังกายเป็นประจำ หรือใช้เวลากับลูกๆ ควรจัดตารางเวลาและทำให้แน่ใจว่าเราสามารถทำมันได้อย่างแน่นอน
อะไรคือสิ่งที่ทำให้เรามักเลื่อนมันออกไป ?
  • มันไม่ควรจะเป็นแบบนั้นใช่ไหม ถ้ามันเป็นสิ่งที่สำคัญกับเรา
วิธีที่ผมอยากจะเสนอก็คือ ให้เราเขียนสิ่งเหล่านั้นไว้ในปฏิทิน สร้างกำหนดการที่แน่ชัดให้กับสิ่งเหล่านั้น และทำให้ได้ตามแพลนที่วางไว้
7. ล้มเหลวในการกำหนดขอบเขตของตัวเอง
การเที่ยวบอกคนอื่นว่าเราใช้เวลาในการทำงาน 12 ชั่วโมงต่อวัน ไม่ใช่สัญญาณที่ดีของประสิทธิภาพในการทำงาน แต่มันกลับเป็นสัญญาณเตือนว่าเราจัดสรรขอบเขตเวลาในการทำงานได้ไม่ดีพอ
หลายคนใช้เวลาในการทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตเคลื่อนที่ไปข้างหน้า แต่เมื่อมีคนมาชักชวนเราให้ทำในสิ่งเหล่านั้น เรากลับเลือกที่จะทำ ทั้งๆที่รู้ดีว่ามันเป็นสิ่งที่เปลืองเวลาและพลังงาน
เราควรจะกำหนดขอบเขตของเวลา และไม่ปล่อยให้สิ่งเล็กๆน้อยๆมาพรากสิ่งที่สำคัญที่สุดไป
  • ผมขอตัวอย่างของการกำหนดขอบเขตของเวลาที่ดี เช่น ถ้าพวกเขารู้ว่าช่วงเวลาเช้า เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ พวกเขาจะนัดเวลาคุยงานกับลูกค้าในตอนบ่าย เพราะพวกเขาเข้าใจถึงสิ่งที่ช่วยให้พวกเขาสามารถสร้างสรรค์ผลงานให้ออกมาดีที่สุด และสิ่งที่จะมาฉุดรั้งพวกเขาไว้
รู้จักการปฏิเสธต่อคำขอหรือคำเชิญ ในกรณีที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรือเรื่องที่เราไม่ได้อยากทำ สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราไม่เสียเวลาและความกังวลใจ มันยังช่วยตัดปัญหาหลายอย่างที่จะส่งผลเสียต่อชีวิตเรา
นอกจากนี้ ให้ลองค้นหา Workflow ที่เหมาะกับตัวเรามากที่สุด จากนั้นกำหนดวันและเวลาของเราให้เหมาะสม
💬 สรุปสั้นๆ
1. ประสิทธิภาพของงาน เป็นเรื่องเกี่ยวกับ
ปริมานงานที่คุณสร้างและเผยแพร่มันออกไป ไม่ใช่แค่งานที่ทำให้มันเสร็จๆไป อย่าไปโฟกัสที่รายละเอียดมากจนเกินไป เช่น การมีแพลนเนอร์ที่สมบูรณ์แบบ แต่คุณต้องคอยประเมินผลงานของตัวคุณเอง แล้วงานของคุณจะดีขึ้น
2. หลีกเลี่ยงการเช็คโทรศัพท์ อีเมล และ
โซเชียลมีเดียเป็นอันดับแรกหลังตื่นนอน เพราะจะยิ่งทำให้เราอยากที่จะคอยดูสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา
ดังนั้น ให้ทำตามเป้าหมายของคุณให้ได้ก่อนที่จะแตะโทรศัพท์ของคุณ
3. การทำงานหลายอย่างพร้อมกัน และการเปลี่ยนการทำงานสลับกันไปมา จะทำลายประสิทธิภาพการทำงานของคุณ ให้กำจัดสิ่งที่จะมารบกวนในการทำงานและจัดพื้นที่ในการทำงานให้เป็นเบียบ
4. อย่าทำงานจนคุณหมดแรง เพราะคุณจะหมดไฟและไม่มีแรงเหลือสำหรับวันถัดไป
ให้หยุดพักสักครู่เมื่อคุณรู้สึกว่าเรี่ยวแรง
การทำงานของคุณลดลง
5. จัดลำดับความสำคัญของงานตามความสำคัญ ไม่ใช่เน้นแต่ความเร่งด่วนเพียงอย่างเดียว เพื่อให้คุณสามารถเพิ่มผลลัพธ์จากการทำงานในแต่ละวันได้มากที่สุด
6. อย่าหาข้ออ้างในการผัดวันประกันพรุ่งให้กับสิ่งที่สำคัญสำหรับคุณ ตั้งค่าในปฏิทิน
และสร้างกำหนดการของคุณ
7. หลีกเลี่ยงการพูดคำว่า “ได้” หรือ “โอเค”กับทุกๆคำขอ กล้าปฏิเสธในเรื่องที่ไม่สำคัญ กำหนดขอบเขตของเวลาและเรียนรู้วิธีการปฏิเสธอย่างสุภาพ เพื่อให้คุณได้พูดคำว่า "ได้" หรือ “โอเค” กับสิ่งที่สำคัญจริงๆ
📮 Contact
IG : sssurlife
📄 อ้างอิง
โฆษณา