23 ธ.ค. 2021 เวลา 00:00 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องเล่าเยาว์วัย บทที่ 6 : สัตว์เลี้ยง (ภาคต่อ2)
ควรจะจบที่ตอนนี้นะคะ เดี๋ยวเพื่อนๆ จะตามต่อไม่ไหว
ส่วนตัวฉันเองตอนที่ไปทำงานอยู่ต่างจังหวัดคนเดียวก็เหงามีมรสุมรุมเร้าหลายอย่างจนเครียด นอนไม่ค่อยหลับสะสะม วันนึงไปเดินเที่ยวงานกับเพื่อนสาวและไปเจอร้านขายลูกกระต่ายน่าจะ 2 สัปดาห์-1 เดือน อยากมีเพื่อนแก้เหงา ด้วยที่พักเป็นหอพักพนักงาน ฉันพักอยู่คนเดียว หากเลี้ยงหมาหรือแมวจะไปรบกวนเพื่อนห้องอื่น จึงคิดว่าน้องกระต่ายเป็นตัวเลือกที่ดี และตอนนั้นเหงาจริงๆ ค่ะ พอเอาน้องมาเลี้ยงก็พยายามหาข้อมูลว่าต้องเลี้ยงอย่างไร ต้องเตรียมอะไรไว้บ้าง ก็พยายามไปหาซื้อไว้เท่าที่หาได้ ตอนแรกเราก็ยังไม่เข้าใจนิสัยกันและกัน ทะเลาะกันไปสิคะ กระต่ายเป็นสัตว์ฟันแทะ ยิ่งลูกกระต่ายด้วย ฟันกำลังขึ้นทีเดียว ฉันเลี้ยงแบบปล่อยค่ะ ปล่อยในห้อง น้องกัดแทะทุกอย่างที่ขวางหน้า กัดเสื่อดินน้ำมันที่ปูพื้น กัดสายไฟ สายชาร์ต หนังสือพังไปหลายชิ้นทีเดียว แต่ก็ห่วงว่าน้องจะแทะสายไฟจนโดยไฟช็อตระหว่างที่เราไปทำงาน
ฉันไปอ่านข้อมูลจากคนที่เคยเลี้ยงหลายคน เขาบอกว่ากระต่ายฝึกไม่ได้ แต่มีบางคนบอกว่านางรู้เรื่องนะ ฉันจึงเริ่มทดลองฝึกทีละอย่างเพื่อความปลอดภัยของน้องเอง ตอนแรกใช้วิธีจำกัดพื้นที่โดยใช้สายจูงกับปลอกคอ ผูกสายจูงไว้กับเสาปลายเตียงเพื่อให้น้องเล่นในพื้นที่จำกัดไม่ใกล้สายไฟ แต่ปรากฎว่าสายจูงมันกัดคอน้องเป็นแผล เพราะน้องกระต่ายไม่ยอมอยู่นิ่งตามประสามันจึงรั้ง เราจึงต้องเปลี่ยนวิธี เราเรียกแทนตัวเองว่าแม่ และเรียกน้องกระต่ายว่า “กาแฟ”ค่ะ (อารมณ์คนเลี้ยงสัตว์อ่ะนะ) เราก็ต้องคุยกันค่ะ ว่าห้ามแทะตรงไหนบ้าง หากบอกไม่ฟังก็ใช้วิธีจับเข้ากรงแล้วปิด แรกๆก็เขย่ากรง แทะกรง แต่กรงนั้นแข็งแรงกว่า พอปล่อยก็แอบกัดอีก เราก็ขังอีก ซ้ำแบบนี้ จนน้องอยู่ได้สัก 1 อาทิตย์ คุณลูกชายก็เข้าใจแต่เขย่าจนกรงพังไป 1 กรงทีเดียวเพราะตัวก็เริ่มโตขึ้นมาก จนน้องรู้ว่าทำแบบนี้ไม่ได้ ถ้าทำจะถูกจับเข้ากรงและไม่ได้เล่นอีก
กาแฟสมัยเด็กที่เราเจอกันใหม่ๆ
ต่อมาก็ฝึกการอาบน้ำ เนื่องจากว่าน้องฉี่ อึ ก็จะมีกลิ่น ยิ่งตัวโตกลิ่นจะยิ่งแรงตามวัย เราต้องฝึกอาบน้ำอาทิตย์ละครั้ง (หลายคนแนะว่าไม่ควรอาบ แต่เราลองแล้วค่ะสามารถอาบได้ แต่อาบเร็วและรีบเป่าให้แห้ง) ซึ่งแรกๆ กระโดดโวยวายจนห้องน้ำเละค่ะ เปียกทั้งคนอาบให้และห้องน้ำมีแต่อึกับฉี่เพราะนางตกใจน้ำและยังไม่ยอมร่วมมือ พอผ่านไปสัก 1 เดือนนางก็ยอมให้จับนิ่งๆ แค่สองมือธรรมดาอาบจนเสร็จ เช็ดตัวตามใจอิแม่คนนี้เลย (เราใช้แชมพูสำหรับอาบน้ำสัตว์เล็กที่บอบบางที่สุดค่ะ) และนำนางเข้ากรง เป่าพัดลมให้ขนแห้ง เรื่องนี้เราฝึกลูกชายจนแม้แต่อาบในที่แจ้งนางก็ไม่กระโดดหนีไปไหนนะคะ ยืนให้อิแม่อาบน้ำจนเสร็จ เคยพาลูกชายกลับไปหาพ่อกับแม่ที่บ้าน และไปบ้านเพื่อน จับน้องอาบน้ำแบบกลางแจ้ง เขาโวยวายกัน ด้วยกลัวว่าน้องจะกระโดดหนี เราเลยบอกว่าให้ดูก่อน ซึ่งน้องก็ยืนนิ่งให้อาบจนเสร็จคนอื่นนั่งยิ้มด้วยความเอ็นดูน้องทีเดียว
ท่านอนก็จะเป็นก้อนๆ
การฝึกกระต่ายอีกอย่างที่สำคัญมาก คือการฝึกฉี่กับอึให้เป็นที่ โดยใช้วิธีน้องฉี่กับอึที่ไหนรีบเก็บค่ะ แล้วเอาผ้าเช็ดไปใส่ไว้ในกรงที่มีถาดรองฉี่กับอึด้านล่าง ให้น้องจำกลิ่นว่าต้องที่นี่เท่านั้น ส่วนอาหารก็ใส่ถาดไว้ในกรง พร้อมน้ำดื่มแบบดูด กระต่ายหัดได้นะคะ แต่ต้องอดทนและค่อยๆ ปรับผ่านไปสัก 1 เดือน น้องก็สามารถฉี่กับอึเฉพาะในกรงค่ะ
สิ่งที่น่าเอ็นดูอีกอย่างก็คือประตูกรงเป็นเพียงการเลื่อนขึ้นลง ไม่มีตัวล็อค ซึ่งตอนเล็กๆ น้องไม่รู้วิธีจึงออกไม่ได้ เราจะเปิดกรงค้างไว้ในตอนเช้าที่ให้อาหารกับน้ำ พร้อมเปิดหน้าต่างกับพัดลมไว้ให้ก่อนไปทำงาน พอตอนเย็นเปลี่ยนถาดล้างฉี่กับอึให้อาหารกับน้ำเพิ่มเล่นกับน้องและดูทีวี น้องก็จะกระโดดเต้นไปมาในห้องหรือมาเล่นกับเราบนที่นอน พอดึกๆ ที่เราจะนอนก็จะให้น้องเข้ากรง กระต่ายเป็นสัตว์ที่ตื่นเวลากลางคืนค่ะ ถ้าเราไม่เอาเข้ากรงคงจะไม่ได้นอน ลูกชายก็รู้พอบอกว่าจะนอนแล้ว น้องจะกระโดดเข้ากรงไปนอนเล่นให้เราปิดค่ะ
ฝึกทำทุกกิจกรรมส่วนตัวในกรงได้แล้ว
แต่มารู้ตอนหลังว่าน้องเปิดกรงเป็นเองแล้ว (-_-) ในเช้าวันหนึ่งซึ่งคือวันหยุด อิแม่ผู้ซึ่งเหนื่อยจากงานอยากตื่นสายได้ยินลูกชายเขย่ากรง เข้าใจว่าคงจะหิวและอยากออกมา จึงบอกไปว่าขอนอนต่ออีกนิดนะ จากนั้นสักพักมีเหมือนมีตัวอะไรมายุกยิกอยู่ที่หน้าและจมูก ลืมตาขึ้นมาคือตกใจค่ะ หน้าลูกชายอยู่ใกล้แบบจมูกชนกัน น่ารักไม่ไหวเลยค่ะ น้องออกจากกรงมาปลุก ดมหน้าอิแม่ให้ตื่น วันนั้นก็คือต้องตื่นค่ะ เอาอาหารกับน้ำให้น้องกินก่อนเลย เอ็นดูในความฉลาด หลังจากนั้นหากจะตื่นสายต้องลุกขึ้นมาดูแลคุณชายและเปิดกรงให้เขาก่อนทุกครั้ง
ปีนกรงก็เก่งฮะ ตัวนี่แมวดีๆนี่เอง
เจ้ากาแฟลูกชายฉันตัวโตเร็วมากในระยะเวลา 1เดือนครึ่งมีขนาดจาก 2 อุ้งมือเป็นตัวเท่าแมวขนาดเต็มวัยทีเดียว ซึ่งฉันจำได้ว่าคนขายบอกว่าเป็นพันธุ์แคระ ฉันพยายามเรียนรู้ว่ากระต่ายสื่อสารหรือแสดงความรู้สึกอย่างไรให้เราได้รู้ เวลาอารมณ์ดีก็จะกระโดดเล่นไปมาในห้องตัวลอยสูงกว่าเตียงนอนเสียอีก หรือเวลาจะทำงานดูทีวี อยากจะอ้อนแม่ก็จะมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ และเลียที่มือไม่หยุด เคยโดนน้องกัดครั้งนึงเพราะว่าน้องน่าจะเครียดเราไปปัดน้องตกเตียงโดยไม่ตั้งใจ มีความโกรธอิแม่ แต่สักพักก็ดีกัน ส่วนซึมไม่อยากอาหารอยู่ 2 วันตอนนั้นเราเครียดมากเพราะหากปล่อยไว้น้องจะไม่รอด จึงหาข้อมูลเหมือนว่าลองเปลี่ยนอาหารและเติมวิตามินในน้ำดื่ม กับเปลี่ยนอาหารเม็ดกับผักที่ผสมทำให้น้องกลับมาดีขึ้น
กาแฟเล่นที่นอนแม่ฮะ
สำหรับวีรกรรมของเจ้ากาแฟมีเยอะ ฉันเลี้ยงแบบปล่อยจนเคยเปิดประตูห้องทิ้งไว้และเปิดกรงให้น้องออกมาข้างนอกห้องรับลม (หอพักชั้นเดียว มีลานหญ้า) เราบอกว่าอย่าออกไปไกลจากห้องนะเพราะว่าจะโดนแมวกับหมา หรือคนไม่ดีจับไป เดี๋ยวหลงกลับมาไม่ได้ ครั้งแรกก็เหมือนวัยรุ่นค่ะ อยากลองวิ่งโกยอ้าวออกนอกตึกไปเลย และวิ่งไปตึกข้างซึ่งตรงนั้นมีชุมชนแมวนับ 20 ตัวที่มีคนให้อาหารประจำเลยมานอนกันอยู่แถวนั้น เราจำได้ว่าวิ่งตามไปไม่ทันเพราะน้องวิ่งเร็วมาก แต่พอไปใกล้ถึงเห็นน้องวิ่งแบบตีโค้งโกยแนบกลับมาหายใจหอบแฮกที่หน้าห้องเหมือนเดิม เรานี่ยืนขำเลยเพราะไปเจอแก๊งค์แมว 20 กว่าตัวนอนนิ่งๆ อยู่ ด้วยน้องคงตกใจเลยเผ่นอย่างเร็ว จากนั้นต่อให้เปิดประตูทิ้งไว้น้องก็ไม่ไปไหนอีกค่ะ จนเพื่อนข้างห้องบอกว่า กระต่ายนี่ฝึกได้เหรอ รู้เรื่องขนาดนี้เชียว (นาทีนั้นคนเลี้ยงยิ้มแก้มแทบปริค่ะ)
กวนแม่นี่ขอให้บอกนะ
น้องยังจดจำเจ้าของได้ดีเหมือนสุนัขเลยนะคะ ฉันเคยกลับบ้านอีกจังหวัดโดยฝากเพื่อนข้างห้องให้อาหารกลับเปลี่ยนกระบะอึ 1 วัน เขาเล่าว่าพอเปิดประตูน้องนึกว่าเป็นเจ้าของ วิ่งเร็วมากมาที่ประตูด้วยความดีใจ แต่พอมาใกล้ๆ เห็นว่าไม่ใช่อิแม่ถึงกับเบรคตัวโก่งทีเดียว แล้ววิ่งกลับเข้ากรงไป เพื่อนเล่าด้วยความเอ็นดู ตอนหลังเลยสงสารน้องไม่จำเป็นจะไม่ไปไหน หากจะไปก็เอาน้องไปด้วย
เจ้ากาแฟนี่เคยผ่านวิกฤตการณ์น้ำท่วมหอพักมาด้วยนะคะ ท่วมชนิดมิดหลังคาบ้านชั้นเดียวเลยค่ะ ท่วมแบบเฉียบพลัน โชคดีคือเป็นวันหยุดที่เราอยู่หอ สิ่งที่เอาออกมาได้คือชุดนอนที่ใส่ กระเป๋าเงิน และกรงใส่กระต่ายกับอาหารกระต่ายแค่นั้น อย่างอื่นคือจมน้ำสนิท พ่อฉันเอาไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟังจนทุกวันนี้ว่า โทรไปหาลูกสาวว่าปลอดภัยไหม ได้อะไรออกมาบ้าง สิ่งที่เอามาคือกระต่าย 1 ตัว เป็นเรื่องตลกของเรา แต่พ่อก็ทำแบบเดียวกันค่ะถ้าอยู่ในสถานการณ์นั้น เพราะแกก็รักสัตว์
รักแม่นะ เลียใหญ่เลย
เจ้ากาแฟอยู่กับฉันได้ปีกว่า จนวันที่ฉันได้ย้ายกลับมาอยู่จังหวัดเดิมและพักในตำบลใกล้บ้าน แม่มาพักด้วยเพราะฉันอยู่คนเดียวแล้วนอนไม่หลับ บ้านที่เช่าเป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นบนเป็นไม้ ชั้นล่างเป็นปูน เจ้ากาแฟอยู่ชั้นล่างเพื่อจะได้มีพื้นที่วิ่งเล่น ฉันก็เลี้ยงแบบปล่อยเหมือนเคย แต่ว่าวันหนึ่งแม่ฉันเผลอเปิดประตูทิ้งไว้และไปเข้าห้องน้ำ ส่วนฉันอยู่ฉันบนเพื่อแต่งตัวเตรียมไปทำงาน เราได้ยินเสียงเหมือนหมาเห่าอยู่หน้าบ้านเช่าเสียงดัง หลายตัว ฉันถามแม่ว่าเสียงหมาเห่าอะไร จนแม่วิ่งไปเจอว่าเจ้ากาแฟวิ่งออกไปหน้าบ้าน เจอฝูงหมา ซึ่งหมาก็ตกใจว่าตัวอะไรใหญ่ๆ มันก็เห่า แต่ไม่ได้กัด
ที่นอนสบายอารมณ์ พักแป๊บเดี๋ยวเล่นต่อ
เจ้ากาแฟตกใจที่เจอหมาเห่าหลายตัว มันจึงช็อค ตัวสั่น แม่อุ้มมันกลับมาหาฉันซึ่งตอนนั้นตัวมันนิ่มมาก ฉันใจหายและตกใจแต่ก็ยังต้องไปทำงาน ฉันให้เงินแม่ไปจำนวนหนึ่งและบอกว่าช่วยพามันไปโรงพยาบาลสัตว์ที่ใกล้ที่สุดแถวนี้ แล้วฉันจะติดต่อมาถามอาการ แต่ผ่านไปทั้งวันฉันติดต่อแม่ไม่ได้เลย ด้วยว่าแม่ลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน พอกลับมาด้วยความใจร้อนฉันรอถามแม่ ปรากฏว่ามันตายแล้ว และแม่เอามันไปฝังแล้วเรียบร้อย หมอให้น้ำเกลือแต่ช่วยมันไม่ได้ ฉันร้องไห้อยู่เกือบ 2 อาทิตย์และไม่คุยกับแม่ (ซึ่งมันไม่ถูกค่ะ ฉันสะเพร่าเองที่ดูมันไม่ดี)
ฉันมองกรง อาหารที่ว่างเปล่า น้ำตาก็ไหลไม่หยุดทุกครั้ง จนแม่คงจะรู้สึกผิดโทรไปปรึกษาพ่อ จนพ่อต้องโทรมาคุยกับฉันเข้าใจว่ามันเป็นธรรมชาติ เลี้ยงแล้วก็ผูกพัน ก็รัก เวลาจากกันมันก็เสียใจมาก พ่อบอกให้จดจำมันไว้ว่ามันเคยดีอย่างไร ไม่จากกันวันนี้ก็ต้องจากกันในสักวัน เป็นธรรมดาของโลก แล้วเรายังอยู่ต้องไปต่อ... ส่วนแม่จะพาฉันไปดูลูกกระต่ายที่ร้านใหม่ ถามว่าอยากได้มาแทนเจ้ากาแฟไหม ฉันก็ตัดใจไม่เอา เพราะไม่มีใครแทนลูกชายคนนี้ได้แน่นอน และจะไม่เอามาเลี้ยงอีกให้เสียใจ
ต่อมาอีกหลายปีพ่อก็ได้ลูกหมาป่ามาจากเด็กปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง เขาบอกพ่อว่าช่วยรับมันไปเลี้ยงหน่อย มันเป็นหมาป่า (หมาไร้บ้านออกลูกทิ้งไว้ในป่าหญ้า) เหลือตัวเดียวไม่มีคนเลี้ยงน่าสงสาร แกเลยตัดใจเอามาเลี้ยงอีกทั้งที่ว่าจะไม่เลี้ยงแล้ว และเจ้าตัวนี้มันไม่เชื่อเพราะมันเริ่มโตขึ้นมาแล้วตอนรับมา ทั้งยังขู่ไม่หยุด เนื่องจากว่าหมาป่ามักถูกคนทำร้ายและขับไล่มันจึงไม่เชื่องกับใคร พ่อต้องเอามันล่ามโซ่ผูกกับหลักไว้ก่อน และค่อยๆ เอาอาหารให้กินให้มันคุ้นเคย ส่วนฉันไม่รู้เรื่องกลับมาบ้าน เอาขนมเจ้าเสือให้กินนางก็ไม่กิน ขู่ฉันอีก เป็นอย่างนี้อยู่ 2 ครั้ง หลังจากนั้นพ่อซึ่งอยู่กับมันทุกวันไม่สามารถลูบหัวนางได้เลย ฉันผู้ซึ่งนานๆ กลับบ้านครั้งที่ 3 สามารถลูบหัวนางได้ คือเดินมาให้เราลูบหัวเฉยๆ
สีนวลวัยรุ่นพันธุ์ดุ
หลังจากนั้นก็ติด เดินไปไหนไปด้วยกัน พอจะกลับก็เดินวนเวียนหาจนพ่อสงสารหมา ฉันก็เอ็นดูค่ะ พ่อตั้งชื่อให้ว่าเจ้าสีนวล ซึ่งปัจจุบันก็เป็นหมาวัยรุ่นติดเพื่อนแถวบ้าน คาดว่าสักวันมันคงจะไปตามเส้นทางของมันเช่นกัน ฉันไม่ได้โทษว่าเพราะเราเลี้ยงไม่จำกัดพื้นที่ทำให้เราต้องสูญเสีย แต่ฉันมองว่าการที่เราจำกัดธรรมชาติการใช้ชีวิตมันเป็นการปิดกั้นอิสระภาพ หากว่าโชคชะตาทำให้เราได้อยู่ร่วมกันเท่านี้ เราก็ควรจะรักมันตามเวลาที่มีอย่างดีที่สุด ฉันรักและผูกพันกับทุกตัว หากว่าไม่เห็นจะถามหาตลอด แต่หากว่ามันเลือกเส้นทางของมันเอง ฉันก็ต้องทำใจเผื่อเอาไว้ด้วย และหวังว่าพวกมันจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและปลอดภัย
พอคุ้นคนก็ดูน่าเอ็นดูเชียว หมาขี้อ้อนนี่เองฮะ
ฉันเพิ่งสังเกตุว่าระหว่างทางที่เราเติบโตมานั้นฉันได้มีสัตว์เลี้ยงในชีวิตหลายตัวทีเดียว แต่ละตัวเข้ามาตามจังหวะเวลาแต่ละช่วงและสร้างความผูกพันธ์ให้เกิดขึ้นฝังไว้ในความทรงจำ ผลการวิจัยเผยว่าหลายที่เผยว่าการเลี้ยงสัตว์มีประโยชน์ทั้งร่างกายและจิตใจของเด็กๆ ได้ดีเลยทีเดียว เช่น ทำให้จิตใจร่าเริง แจ่มใส มีความรับผิดชอบ คลายเหงา เปิดรับเพื่อนใหม่ เห็นอกเห็นใจ ส่งเสริมพัฒนาการ ได้รับประสบการณ์ที่แปลกใหม่กับเพื่อนใหม่ แต่ข้อเสียคือ คนเลี้ยงหรือเด็กต้องยอมรับและเรียนรู้การสูญเสียด้วยเช่นกัน หากเราพร้อมจะเรียนรู้เราจะก็ต้องรู้จักยอมรับความจริงข้อนี้ด้วย
เพื่อนๆ มีประสบการณ์กับสัตว์เลี้ยงในวัยเด็กหรือปัจจุบันหรือไม่ หากมีแชร์เรื่องราวและประสบการณ์มาแบ่งปันกันบ้างนะคะ..>>>>>จบบทที่ 6 แล้วค่ะ
โฆษณา