25 ธ.ค. 2021 เวลา 10:50 • ธุรกิจ
สรุปวิธี สเกลธุรกิจอย่างไร ให้บริษัทเติบโตได้ แบบไม่มีสะดุด
เมื่อเวลาที่ธุรกิจเติบโต เราจะต้องทำสิ่งที่เรียกว่าการ Scale (สเกล) ซึ่งก็หมายถึงการขยับขยาย หรือการสร้างฐานเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต โดยการสเกลในที่นี้จะเป็นการสเกลทั้งสองด้าน คือ ด้านปริมาณในการผลิต และด้านความสามารถในการผลิต
ธุรกิจขนาดเล็กหลาย ๆ ราย อาจจะเคยประสบปัญหาที่ว่า เมื่อธุรกิจเริ่มประสบความสำเร็จไปได้ระดับหนึ่ง เริ่มเติบโตอย่างรวดเร็ว มีออร์เดอร์เข้ามาจำนวนมาก แต่ก็ไม่สามารถรับออร์เดอร์ได้ทัน หรือมีสินค้าไม่เพียงพอสำหรับการจำหน่ายให้กับลูกค้า จนทำให้เกิดปัญหาร้องเรียนต่าง ๆ เข้ามา
นั่นอาจหมายความว่าเรากำลังเจอกับปัญหาของการขยายธุรกิจ ที่หลายบริษัทต้องใช้เวลาและพลังงานพอสมควรในการหลุดจากกับดักนี้
แล้วถ้าวันหนึ่งธุรกิจของเราเติบโต เราจะมีวิธีจัดการกับมันอย่างไร ?
ซึ่งทั้งสองด้านนี้จะเกี่ยวข้องกับหลายปัจจัย
ตั้งแต่ เงินทุน งานระบบ พนักงาน เทคโนโลยี รวมไปถึงคู่ค้าต่าง ๆ ด้วย
แล้วการสเกลธุรกิจที่ดีเราต้องทำอะไรบ้าง ?
1. ประเมินผลและทำแผน
หลายคนอาจจะเคยเจอปัญหาว่าอยู่ดี ๆ ยอดขายก็เติบโตเป็นเท่าตัวในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งหากธุรกิจไหนไม่ได้เตรียมพร้อมวางแผนสำหรับเรื่องนี้ไว้ ก็อาจจะต้องทำให้การทำงานนั้นสะดุดได้โดยง่าย
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดเพื่อรับมือกับเรื่องนี้ก็คือ “การวางแผนที่ดี”
ซึ่งการวางแผนที่ดีนั้นอาจมาจากนำข้อมูลปัจจุบันมาวิเคราะห์ เช่น ตัวเลขยอดขาย ตัวเลขการเติบโตของลูกค้ารายใหม่ และจำนวนสินค้าที่สั่งในแต่ละออร์เดอร์ แล้วมาวิเคราะห์และคาดการณ์การเติบโตในอนาคต โดยการตั้งสมมติฐานที่เหมาะสม
หลังจากนั้นให้ลอง แตกตัวเลขค่าใช้จ่ายปัจจุบัน ดูว่าเรามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตเหล่านั้น เพื่อที่เราจะได้สามารถจัดสรรถูกว่า ควรลงเงินไปที่จุดไหน เท่าไรบ้าง เช่น ค่าวางระบบใหม่ ค่าวัตถุดิบ ค่าเครื่องจักร
2. หาแหล่งเงินทุนเตรียมไว้ให้พร้อม
แน่นอนว่าการขยับขยายธุรกิจ สิ่งที่สำคัญอันดับต้น ๆ คือเรื่องของ เงินทุน เพราะต้องมีการซื้ออุปกรณ์ การจ้างคนเพิ่ม การติดตั้งระบบใหม่ เข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น เราควรเตรียมตัวหาแหล่งเงินทุนไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
ไม่ว่าจะเป็นจากโครงการสนับสนุนต่าง ๆ, การหานายทุน หรือแม้แต่การลองกู้ธนาคาร
3. พยายามรักษายอดขาย
การขยับขยายกิจการนั้นย่อมหมายความว่าเราต้องการที่จะเพิ่มยอดขายด้วย แต่คำถามสำคัญที่เราต้องตอบให้ได้คือ เรามีแผนอะไรที่จะรองรับยอดขายที่เพิ่มขึ้นเหล่านั้น เช่น
- ระบบการติดตามสินค้าเพียงพอหรือยัง
- เรามีพนักงานช่วยประสานงานติดต่อลูกค้าเพียงพอหรือไม่
- เรามีระบบในการดูแลลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างไร
- เรามีระบบจัดการเรียกเก็บบิลที่จะเพิ่มขึ้นอย่างไร
ถ้าเราสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ทุกข้อ ก็จะช่วยให้เราสามารถสเกลได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น และช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการขายได้
4. ลงทุนในด้านเทคโนโลยี
เป้าหมายในการขยายธุรกิจของใครหลาย ๆ คน คงเป็นเรื่องของการทำ Economy of Scale หรือการประหยัดต่อขนาด ซึ่งการพึ่งพาเทคโนโลยีนั้นจะช่วยตรงนี้ได้มาก เพราะสามารถช่วยลดต้นทุนด้านค่าแรงได้ และยังช่วยให้ผลิตสินค้าออกมาได้มากขึ้น
ซึ่งการพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ สามารถทำได้ในทุกส่วนของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการตลาด บัญชี การขาย การคลัง การผลิต และการขนส่ง
โดยทั้งนี้ต้องอย่าลืมว่า เทคโนโลยีในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ด้านเครื่องจักรต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงด้านของซอฟต์แวร์และเครือข่ายต่าง ๆ ที่ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นด้วย
5. เตรียมพนักงานให้พร้อม หรือจ้าง Outsource แทน
ถึงจะพึ่งพาเทคโนโลยีอย่างไร แต่แน่นอนว่างานบางอย่างนั้นก็ไม่สามารถใช้เครื่องจักรทำเพียงอย่างเดียวได้ และยังคงต้องพึ่งพาแรงงานมนุษย์อยู่ โดยเฉพาะงานบริการ ที่ต้องอาศัยความรู้สึกหรือการตัดสินใจที่เด็ดขาด
ทีนี้คำถามที่สำคัญก็คือ เรามีคนพอแล้วหรือยัง ? หรือถ้าคิดว่าในอนาคตเราจะเติบโตขึ้น เราจะต้องการคนเพิ่มเท่าไร ? ซึ่งตัวเลขนี้เราสามารถประมาณการได้จากคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน ว่ามาตรฐานทั่วไปอยู่ที่ประมาณเท่าไรเพื่อนำมาเป็นแนวทาง
หรือเราอาจจะต้องเตรียมตัวว่า เราจะมีวิธีหาคนมาช่วยอย่างไร จะรับสมัครเอง หรือจ้างจาก Outsource เพราะบางครั้ง เราเองก็คงไม่ได้ถนัดหรือมีเวลามาพัฒนาทุกเรื่อง หากเรื่องไหนที่ไม่จำเป็น เราอาจจ้างคนที่มีความสามารถหรือถนัดกว่า มาทำหน้าที่แทน ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลา แต่ก็ต้องดูเรื่องค่าจ้างด้วยว่า คุ้มกับที่เราจะจ้างเขามาทำหรือไม่
มาถึงตรงนี้อาจสรุปได้ว่า การสเกลธุรกิจที่ดีนั้น สิ่งสำคัญก็คือการเตรียมพร้อมที่ดี
เพราะไม่มีใครรู้ว่าโอกาสดี ๆ จะเข้ามาเมื่อไร แต่ถ้าวันไหนที่โอกาสมาถึง เราก็ควรเตรียมตัวเองให้พร้อม ไม่ให้โอกาสเหล่านั้นหลุดมือไป..
References
โฆษณา