24 ธ.ค. 2021 เวลา 10:00 • คริปโทเคอร์เรนซี
ต้องคิดให้แตกต่าง
เพราะ "คริปโต" รากฐานไม่เหมือน "หุ้น"
.
.
💵 ถึงแม้ว่ากระแสการลงทุนใน Cryptocurrency จะเป็นที่พูดถึงอย่างมากในประเทศไทย แต่ก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งจะเริ่มศึกษาและกำลังเตรียมตัวก้าวเข้ามาสู่โลกของการลงทุนอย่างเต็มตัว แต่สิ่งหนึ่งที่คุณควรจะรู้ก่อนเริ่มลงทุนอะไรสักอย่าง คือคุณต้องรู้จักมันให้ดีเสียก่อน
.
ก่อนอื่นลองตอบคำถามมาให้ได้ครับว่า “หุ้น” และ “Cryptocurrency” แตกต่างกันยังไง?
.
หลายคนพออ่านคำถามอาจจะต้องตกใจเพราะคิดมาตลอดเวลาทั้ง 2 สิ่งนี้คือคำเดียวกัน ถ้าหากคุณคิดแบบนั้นขอบอกเลยว่า คุณกำลังคิดผิด
1
🏦 หุ้น คือสินทรัพย์ที่ออกโดยบริษัทซึ่งมีเจ้าของ หากเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์และจำหน่ายหุ้นให้แก่คนทั่วไปหรือบริษัทเอกชน คนเหล่านั้นจะถูกเรียกว่านักลงทุนรายย่อย ราคาของหุ้นจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการของแต่ละบริษัท หมายความว่าถ้าได้กำไรราคาก็จะพุ่งขึ้น แต่ถ้าหากขาดทุนหรือมีข่าวเสีย บางที่ก็อาจจะ “อำพราง” ข้อมูลให้ดี เท่านี้ราคาก็จะไม่ตกแล้ว เผลอ ๆ อาจขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
.
🌐 Cryptocurrency คือสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่งที่ต้องอาศัยการเข้ารหัส โดยจะแปรผันตามราคากลางในตลาด ซึ่งมันจะถูกแบ่งออกเป็นสกุลเงินต่าง ๆ มากมาย หรือที่เรามักเรียกว่า "เหรียญ" เช่น เหรียญบิตคอยน์
จากหนังสือ รวยด้วย Crypto แบบ VI ได้แบ่งความแตกต่างของหุ้น และ Cryptocurrency ออกเป็น 5 ประการด้วยกัน
💵 ประการแรก
.
หุ้นมักจะมีเจ้ามือที่คอยคุมตลาดของหุ้นในบริษัทนั้น ๆ อยู่ เมื่อราคาหุ้นกำลังตก พวกเจ้ามือเหล่านี้มักจะปั่นข่าวเพื่อให้หุ้นเด้งขึ้นมาสูงขึ้นตามตัวเลขที่พวกเขาต้องการ และจะมีนักลงทุนรายย่อยหลงผิดเข้าซื้อหุ้นนั้นตาม เมื่อตัวเลขเป็นที่น่าพอใจ เหล่าเจ้ามือจะเทขายหุ้นทำกำไรให้ตัวเอง ปล่อยให้นักลงทุนรายใหม่ที่เข้ามายืนงงกับสถานการณ์หรือที่เราอาจจะเคยได้ยินว่า “ติดดอย”
.
ในช่วงแรก ๆ ของ Cryptocurrency ก็มีสภาพไม่ต่างกัน เรามักจะเรียกขาใหญ่ที่ถือเหรียญเอาไว้เยอะ ๆ ว่า “วาฬ” แต่สิ่งที่ต่างจากหุ้นคือ เมื่อขาใหญ่ขายออกเอากำไร มันก็จะมีขาใหญ่คนใหม่เข้ามาเสียบโดยทันที ซึ่งคนกลุ่มนั้นไม่ใช่คนกลุ่มเดียวกันด้วย แต่ละคนก็ต่างเข้ามาในตลาดเพื่อทำกำไรให้กับตัวเอง ส่วนนักลงทุนรายย่อยอย่างพวกเราก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้การชี้นำตลาดด้วยคนกลุ่มเดียวในโลก Cryptocurrency ลดน้อยลง
💵 ประการที่สอง
.
ราคาหุ้นจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการ แต่ของ Cryptocurrency จะขึ้นอยู่กับความนิยม การยอมรับ หรือ “ฉันทามติ” หากเหรียญคริปโตเหรียญไหนสามารถนำไปพัฒนาตามแผน Roadmap ที่นำเสนอและสร้าง Ecosystem ที่แข็งแรงได้ นักลงทุนก็จะกระโดดเข้ามาซื้อเหรียญนั้น และส่งผลต่อราคาให้เหรียญสูงขึ้น
💵 ประการที่สาม
.
หุ้นสามารถถอดออกจากตลาดหรือยกเลิกการซื้อขายได้ ว่าง่าย ๆ คือหุ้นสามารถสูญสลายไปพร้อมกับบริษัทได้ ถ้าหากบริษัทหรือเจ้าของหายไปจากสารระบบ แต่ในทางกลับกันไม่มีใครสามารถสั่งยกเลิก Bitcoin ได้ หรือเราจะพูดได้ว่ามันไม่สามารถสูญหายไปจากโลกใบนี้ได้
1
💵 ประการที่สี่
.
หุ้นมีการซื้อขายแค่ที่เดียวนั่นคือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่สำหรับ Cryptocurrency มีช่องทางซื้อขายมากมายไม่ว่าจะเป็น Bitkub หรือ Binance 2 แพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย ซึ่งราคาของแต่ละแพลตฟอร์มก็ไม่เท่ากันอีก
💵 ประการที่ห้า
.
หุ้นมีตลาดเป็น Local หมายความว่าซื้อขายอยู่ในประเทศนั้น ๆ ส่วน Cryptocurrency เป็นตลาดของคนทั่วโลก เพราะฉะนั้นเทคนิคต่าง ๆ ที่เคยใช้กับหุ้นจึงมักไม่ได้ผลกับคริปโตเพราะขนาดของอุปสงค์ที่แตกต่างกัน
.
💵 สำหรับใครที่เคยเล่นหุ้นแล้วกำลังจะก้าวเข้ามาสู่โลกของ Cryptocurrency การนำเทคนิคของหุ้นหรือตลาดทองคำมาใช้ถือเป็นสิ่งที่ผิดพลาดมาก เพราะอย่างที่บอกไป ว่าโลกของคริปโตอยู่ด้วยระบบอุปสงค์ ราคาจะขึ้นอยู่กับคนหมู่มากทั่วโลกจึงยากที่จะนำมาวิเคราะห์
.
.
.
เรียบเรียงโดย 100WEALTH
ผู้เขียน เจแปนคุง
.
#Invest
#100WEALTH
#ไปให้ถึง100ล้าน
#SERVgroup
#เจแปนคุง
.
อ้างอิง
หนังสือ: รวยด้วย Crypto แบบ VI
ผู้เขียน: พรศักดิ์ อุรัจฉัทชัยรัตน์
3
โฆษณา