24 ธ.ค. 2021 เวลา 15:06 • ความงาม
Zara - Vibrant Leather Bogoss
เห็นคำว่า Bogoss ครั้งแรก ก็มีความแปลกใจว่ามีความหมายว่าอะไร และยิ่งมาห้อยท้ายรุ่นดังอย่าง Vibrant Leather ของ Zara ที่กลายเป็นน้ำหอมยอดฮิตติดลมบนจองแบรนด์ที่มีรุ่นลูกหลานออกมาอย่างต่อเนื่องตลอด เลยค้นเพื่อความเข้าใจซักหน่อย จะได้ไปต่อกับการใช้งานได้ถูกและข้อมูลที่ได้ คือ
Bogoss แผลงมาจากคำว่า “Beau Gosse” (แบบอารมณ์รวบ 2 คำเป็นคำเดียวให้มันจบๆ) ซึ่งมีความหมายว่า “สุดหล่อ” หรือไม่ก็ “หล๊อ หล่อ” เลยเรียกว่าถึงบางอ้อกันเลยว่าจากที่ Zara ต่อยอดความเป็น Vibrant Leather ห้อยท้ายรุ่นต่างๆ มาอย่างมากมาย คราวนี้เจาะจงกันซึ่งๆ ว่าจะใช้กลิ่นนี้แล้วหล่อทางกลิ่นขึ้นมาอีกกี่เท่าตัวก็ว่ากันไป เช่นนั้นก็จัดมาซักหน่อยว่ากลิ่นนี้จะบ่งบอกความหล่อได้มากขนาดไหน
สำหรับ Vibrant Leather Bogoss ต้องขอแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
ช่วงเปิด - แบบว่าใช่เลยนี่คือการนำเสนอกลิ่นสับปะรดที่แท้ทรูมากๆ เนื้อกลิ่นคือสับปะรดไปอีก เริ่มจากมิติแรกของกลิ่นสับปะรดเนื้อขาวที่มีโทนเปรี้ยวเด่น ที่จับได้ว่าเป็นการผสมผสานกลิ่นโทน Citrus ที่มีความเป็นกลิ่นเปรี้ยวติดหวานปลายกลิ่นของเลมอน และเนื้อกลิ่นติดเปรี้ยวหอมของมะนาวที่เป็นโทนเปรี้ยวคมวูบ แกมความปร่าหน่อยๆ ที่คาดว่าน่าจะมีมะกรูดฝรั่ง (Bergamot) รวมอยู่ด้วย + กับกลิ่นสับปะรดที่แบบธรรมชาติมากๆ แบบสับปะรดศรีราชาที่ยังเนื้อขาวอยู่ ซึ่งจะมีโทนออกทางเมทัลลิคที่มีจากกรดเปรี้ยวแนว Citrus และมีความเป็นโทนผลไม้ที่ซ่อนความหวานปลายกลิ่น แล้วจะตามด้วยมิติที่ 2 ของการเป็นโทนสับปะรดที่หวานอมเปรี้ยวแบบสับปะรดสุกฉ่ำแบบเวลาเรากินสับปะรดฉ่ำน้ำแล้วกลิ่นฟุ้งหอมหวานในปาก ก่อนที่จะค่อยๆ มีโทนออกทางหวานแบบกึ่งน้ำสับปะรดเข้มข้นที่จะมีความหวานหอมแกมกลิ่นสับปะรดกวนหน่อยๆ ตามมาเป็นมิติสุดท้าย
ซึ่งต้องบอกเลยว่า ภายใน 10 - 15 นาทีแรก เนื้อกลิ่นไล่เรียงความเป็นสับปะรดได้ธรรมชาติมากถึงมากที่สุด แบบที่ต้องหันไปมองขวดและกล่องเลยว่า นี่คือ Zara จริงๆ เหรอเนี่ย ทำกลิ่นออกมาได้ Real โคตรๆ เลย และแน่นอนความเป็นสับปะรดซะอย่าง เป็นโทนยอดฮิตอยู่แล้วในน้ำหอมชาย เพราะถ้ามีกลิ่นนี้เตรียมพร้อมรับกลิ่นหล่อได้เลย ซึ่งก็ตรงตามชื่อรุ่นตั้งแต่แรกเริ่มจริงๆ ว่า เออ กลิ่น Bogoss หรือ “หล๊อ หล่อ” ชัดเจน
ช่วง Dry Down - ขอควบช่วงกลางกับท้ายรวมกัน เพราะเนื้อกลิ่นใน 2 ช่วงนี้จะเชื่อมโยงกันด้วยความเป็นโทนไม้หอมชัดเจน และจะเปลี่ยนแบบไม่ได้แตกต่างกันมาก ซึ่งแน่นอนว่าความเป็นสับปะรดจะยังตามมาอยู่ แต่จะมีกลิ่นออกทางคล้ายลาเวนเดอร์ที่ให้ความนวลแกมอวลสะอาด เข้ามาทำให้เนื้อกลิ่นมีความหนาขึ้นอีกสเต็ป พร้อมกับมีกลิ่นติดอวลไม้หอมแกมแอมเบอร์ติดเค็มปร่าบางๆ ที่เป็นลักษณะกลิ่นสารหอมอย่าง Ambroxan หรือว่า Amberwood และมีกลิ่นไม้สะอาดๆ คล้ายกลิ่นไม้ไผ่เนียนๆ เข้ามาเป็นพื้นกลิ่นด้วย เลยทำให้มิติจะเป็นสับปะรด On Top ตามด้วยกลิ่นนวลลาเวนเดอร์สะอาด + ไม้หอมอวลๆ มีความอบอุ่นอ่อนๆ ที่แน่นอนบอกเลยว่า “ทันสมัยมาก”
จนเมื่อจับต้องได้ว่ามีกลิ่นออกทางไม้ซีดาร์โปร่งๆ มีความสว่าง ที่น่าจะเป็นสารหอมอย่าง ISO E Super ที่เข้ามามากขึ้น โทนสับปะรดเริ่มเบาลงเหลือเป็นปลายกลิ่นหวานอ่อนๆ ให้ความเป็นกลิ่นไม้หอมโปร่งๆ ตีคู่กับกลิ่นอวลไม้หอมแกมอุ่นเบาๆ ก็กลายเป็นโทนเด่นขึ้นมาแทนที่โดยมีกลิ่นหนังเบาๆ อารมณ์กึ่งกลิ่นหนังปกติที่ไม่ได้ติดสาบ แต่เป็นกลิ่นหนังสะอาดๆ อ่อนๆ มาร่วมด้วยแบบอยู่เป็นพื้นกลิ่น ซึ่งอันนี้แหละที่แตะอารมณ์กลิ่นที่ควรจะเป็นตามคำว่า Vibrant Leather อยู่บ้าง ซึ่งภาพรวมเลยจะได้ความเป็นกลิ่นโทนไม้หอมที่ให้ความสว่างๆ มีความอวลเบาๆ เข้าถึงง่าย โดยที่มีลูกเอื้อนทางกลิ่นอย่างหนังอ่อนๆ และความหวานจากสับปะรดบางๆ ถือเป็นการปิดท้ายที่ลงตัวและครบถ้วนความเป็นกลิ่นอายสไตล์ “หล๊อ หล่อ” ของรุ่น Bogoss สมชื่อเลย
เหมาะสำหรับ - ผู้ชายทุกเพศวัยตั้งแต่ ม.ปลายเป็นต้นไปก็สามารถใช้กลิ่นนี้ได้สบายมาก ได้หมดครบทั้งความทันสมัย ความหอมแบบที่เรียกเรตติ้งได้ไม่ยาก และความเข้าถึงง่ายแบบที่ยังไงมหาชนก็ชอบ ซึ่งเข้าได้กับหลายๆ สถานการณ์ยามกลางวันที่เน้นแบบทั่วไป และสามารถใส่ทำงาน Office หรือไปเรียนก็ได้สบายมาก แต่ถ้าจะใส่ยามทางการ อาจจะให้พ้นช่วงต้นไปซักนิด รวมถึงการใส่เพื่อออกกำลังกายอันนี้รอช่วงท้ายจะดีที่สุด จะได้ไม่ดูเป็นสับปะรดสุดติ่งเกินไปจนแบบว่ามาผิดงานหรือเปล่า ส่วนที่เหลือก็จัดได้สบายๆ รวมถึงยามค่ำคืนที่ใส่ออกงานก็ได้ ใส่ท่องราตรีแบบไม่ได้อยู่ยาวตลอดคืนก็ได้ด้วย แต่เพิ่มสเปรย์หน่อย เพราะเนื้อกลิ่นจะได้พอฟัดกับโทนหวานแน่นต่างๆ ได้บ้าง
ความทน - อยู่ที่ 6 ชม. เป็นพื้นฐานหลักของกลิ่นนี้ แต่จะไปต่อหรือถอยกลับ ก็อยู่ที่ราวๆ บวกลบ 2 ชม. เป็นสำคัญ ขึ้นอยู่กับจำนวนสเปรย์และสภาพผิวผู้ใช้ด้วยส่วนหนึ่ง โดยส่วนตัวเจอไปที่ 8 ชม. เสมอกับการใช้งานที่ 6 สเปรย์
การกระจาย - กลิ่นกระจายดีมากในตอนต้น แบบว่าสับปะรดเต็มทุกช่วงกลิ่นจริงๆ แล้วจะผ่อนลงมากระจายดีซักราวๆ 30 นาที ก่อนจะกลายเป็นปานกลางไปประมาณ 2 ชม. ที่เหลือจะผ่อนลงมาเป็นออร่ารอบๆ ตัว เป็นเป็น Skin Scent เต็มตัวเอาราวๆ ชั่วโมงที่ 4 - 6 เป็นต้นไป ตามแต่ละสภาพผิวที่เอื้อกับน้ำหอมด้วยส่วนหนึ่ง
สรุป - ใครที่เป็น FC ของกลิ่นสับปะรด บอกเลยว่าตัวนี้จัดให้ “เต็มเหนี่ยวไปเลยพี่ เต็มที่ไปเลยเธอ” และต้องให้เครดิตสุคนธกรอย่าง Jerome Epinette ด้วยว่าเก่งมาก กับการสื่อสารความเป็นสับปะรดได้ Real สุดๆ รวมถึงต่อยอดความเป็น Vibrant Leather ในความ “หล็อ หล่อ” นี้ได้อย่างไม่ธรรมดาเลยจริงๆ บอกตามตรงว่าคุ้มมากกับเงินที่จ่ายไป
หมายเหตุ:
1. บทความนี้มาจากประสบการณ์ใช้ส่วนบุคคล ถ้าใช้แล้วไม่เหมือนกับที่ผมเขียนเพราะน้ำหอมเวลาอยู่บนผิวแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปได้ ซึ่งมันเป็นทั้งเสน่ห์เฉพาะและเป็นข้อเสียสำหรับคนที่ไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
2. บทความนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ห้าม!!! ผู้ใดจะเอาไปใช้อ้างอิงทางการพาณิชย์ ยกเว้นแบรนด์ สุคนธกร และเจ้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์กลิ่นนี้ที่จะสามารถนำไปใช้ได้ ในกรณีถ้าเจอว่ามีบุคคลนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ต้องว่าตามบริบทของกฎหมาย รวมถึงกรณีเมื่อมีร้านไหนนำไปใช้ตามการอนุญาตแล้ว ก็ขอแจ้งว่า ”เข็มขัดสั้นไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับร้านน้ำหอม/ผู้จำหน่ายคนนั้นๆ”
โฆษณา