26 ธ.ค. 2021 เวลา 15:18 • ดนตรี เพลง
Top 50 International Songs of 2021 by FPFM
โพสต์ Year-End List ที่ทุกคนรอคอย จัดไปกับ 50 เพลงสากลที่คัดสรรโดยฟังเสียงใจตัวเองเป็นที่สุด เท่าที่ฟังเอาที่โดนตลอดปี 2021 หวังว่าเสียงหัวใจของข้าพเจ้าจะตรงกับเสียงหัวใจของพวกท่าน Hope You Enjoy Kub
หมายเหตุ : เพลงที่อยู่ในลิสท์คือเพลงที่ปล่อยและอยู่ในอัลบั้มที่รีลีสในช่วง 1 ธันวาคม 2563 - 30 พฤศจิกายน 2564
เพลย์ลิสท์ทั้ง 50 เพลงทุกแพลตฟอร์มที่ผมใช้ รวบรวมไว้ตาม Link ข้างล่าง สามารถ shuffle หรือ share ได้ตามอัธยาศัยครับ
50.Gang Sign - Freddie Gibbs Ft. Schoolboy Q
49.Bloody Canvas - Polo G
48.Stop Breathing - Playboi Carti
47.New Shapes - Charli XCX Feat. Christine and the Queens & Caroline Polachek
46.Rumors - Lizzo Feat. Cardi B
45.Wants And Need - Drake Feat.Lil Baby
44.Headshots (4r Da Locals) - Isaiah Rashad
43.NEON PEACH - Snoh Aalega Feat. Tyler The Creator
42.Stop Making This Hurt - Bleachers
41.let.go.my.hand- J. Cole Feat.Bas & 6LACK
40.Peaches - Justin Bieber ft. Daniel Caesar, Giveon
39.Take My Breath - The Weeknd
38.No Love - Summer Walker Feat. SZA
37.Rare - Nas
36.Die Slow (With Strick) - Young Thug
35.ARE YOU WITH THAT? - Vince Staples
34.INDUSTRY BABY - Lil Nas X & Jack Harlow
33.Bambi - Clairo
32.Hope - Arlo Parks
31.4 Da Gang - 42 Dugg Feat. Roddy Ricch
30.Free Kutter (feat.Jay Electronica) - Westside Gunn
29.MAZZA - slowthai Feat. A$AP Rocky
28.BUZZCUT - BROCKHAMPTON Feat. Danny Brown
27.Jackie - Yves Tumor
26.Happier Than Ever - Billie Eillish
25.Bouncin - Tinashe
24.deja vu - Olivia Rodrigo
23.Shelter Song - Iceage
22.OG! - JPEGMAFIA
21.Drown - Genesis Owusu Feat. Kirin J Callinan
เข้าสู่ Top 20 สาธยายซักหน่อย
20.family ties - Baby Keem ft. Kendrick Lamar
ลูกพี่ลูกน้องออกโรงโชว์ศักยภาพ ดึงญาติระดับตำนานผู้หายหน้าหายตาเนิ่นนานมาร่วมพ่น verse ที่ทำเอา แรปเปอร์หลายๆคนร้อนๆหนาวๆพอสมควร Tyler The Creator ล่ะหนึ่ง
19.Play the Greatest Hits - Wolf Alice
เพลงสุดเดือดจากอัลบั้ม Blue Weekend ที่อดนึกถึงกลิ่นอายพังก์ร็อคฝั่ง Japan ไม่ได้ แต่ก็กระตุ้นอะดรีนาลีนได้สาแก่ใจเหมือนกัน แทร็คปลดปล่อยจากความตรอมตรมที่มีตลอดทั้งอัลบั้มได้ดีเหมือนกัน
18.Ben Franklin - Snail Mail
ไลน์เบสเท่ห์ๆจากนักร้องสาวอินดี้สุดเท่ห์ที่เป็นกำลังใจให้คนที่ไม่สมบูรณ์แบบได้โดยไม่รู้ตัว เป็นสาสน์บอกกับคนเหล่านแนวส่งคุณไม่ได้ผ่านเรื่องยากลำบากแค่คนเดียวนะ
17.Sound Ancestors - Madlib
เพลงบรรเลงเพลงเดียวที่ติดใน Top 20 ที่ถ่ายทอดออกมาจากสุดยอดโปรดิวเซอร์ที่คารวะรากเหง้าสุดหัวใจ
16.The Only Heartbreaker - Mitski
เรื่องความเก๋ความเฟียส Mitski ไม่เป็นสองรองใคร ลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่นผู้สร้างความโจษจันมาแล้วในอัลบั้ม Be The Cowboy กลับมาคราวนี้ด้วยอัลบั้ม Laurel Hell ในปีหน้าก็แอบตั้งความคาดหวังไว้สูงเหมือนกัน โดยเฉพาะซิงเกิ้ลนี้ที่มาแบบรวบรัดได้ใจความ มาพร้อมกับอารมณ์ปลงๆที่มีลูกเล่นอิเล็กทรอนิกส์เก๋ๆมีชั้นเชิงอย่าบอกใคร
15.Essence - WizKid Feat.Tems
แดนซ์ฮอลล์สุดมินิมอลที่เมกก้าฮิต การโคจรกันระหว่างซุปตาร์หนุ่มและ rising star สาว เป็นอะไรที่ถูกคู่ถูกโฉลกยิ่งนัก ทั้งคู่มอบท่วงท่าและมนต์เสน่ห์ของดนตรีชาวเกาะได้อย่างตราตรึงจนปฏิเสธไม่ได้ essential hit ไปเลย
14.Smokin Out The Window - Silk Sonic
คู่หูคู่ฮาที่เคมีเข้ากันทุกอย่าง ยิ่งรวมหัวกันตัดพ้อผู้หญิงนะ พวกนี้ตัดพ้อด้วยอารมณ์มันส์ปากเลยล่ะ This bitch นี่ลั่นเต็มๆสองรูหู เพลงตัดพ้อสนุกๆที่บันเทิงเริงรมย์ยิ่งยวด
13.Pick Up Your Feelings - Jazmine Sullivan
หนึ่งเพลงตัดพ้อหนุ่มสุดเชิดที่ถ่ายทอดการร้องได้อย่างลงล็อคกับบีทที่ขับเคลื่อนแบบดุ่มๆด้วยอารมณ์ไม่ไว้เนื้อเชื่อใจได้อย่างเชือดเฉือนโดยไม่จำเป็นต้องดราม่าใส่เสมอไป ยิ่งได้ฟังเวอร์ชั่น Official MV ที่ขับเคลื่อนด้วยฟีลดนตรีสดฟูลแบนด์นี่ยิ่งฮึกเหิมเข้าไปใหญ่เลย
12.I Love You, I Hate You - Little Simz
เล่นประเด็นปัญหาส่วนตัวกับครอบครัวที่ฉายภาพการหยอกเย้าความรู้สึกสับสนปนเปได้อย่างแจ่มชัดโดยไม่ต้องสงสัย ในระหว่างที่ความรู้สึกของ Simbi ที่ถ่ายทอดผ่านกลอนแรปของเธอนั้นก็มีการใส่ดนตรีออเครสตร้าสุดฉวัดเฉวียนแล้วด้วยยิ่งทำให้เพลงแรปไม่แบนราบอีกต่อไป มันมีความพริ้มภายใต้กลิ่นดราม่าครอบครัวที่ดันสุนทรีย์ไปในตัว
11.Hot & Heavy - Lucy Dacus
แทร็คแรกเปิดอัลบั้ม Home Video ที่ดันเป็น first impression สำหรับผมในแง่ภาคดนตรีที่ช่างงดงามและเป็นมิตรเหลือเกิน ถึงการย้อนความทรงจำในช่วงซัมเมอร์ดังกล่าวจะรู้สึกระล่ำระลักไปในตัวก็ตาม แต่นี่คือ opening track ที่บอกมวลรวมอัลบั้มนั้นได้เป็นอย่างดี
10.Off The Grid - Kanye West Feat. Playboi Carti, Fivio Foreign
หนึ่งเพลงอหังการด้วยแขกรับเชิญที่ไม่คิดว่าจะมีพลังไฮป์ได้มากขนาดนี้ ทุกคนทำหน้าที่พ่น verse แบบจัดเต็ม ถ้าเปรียบเป็นภาษาหนัง นี่คือฉากแอคชั่นประจำ DONDA อย่างเห็นได้ชัด บีท drill สุดฉวัดเฉวียนที่ไม่เพียงจะหวือหวา แต่กระตุ้นอะดรีนาลีนได้ดียิ่งยวด Playboi Carti ดีดได้ถูกเพลง Fivio ก็มาเหนือมากๆหลังจากที่เราเห็นเขาคนนี้ average มาโดยตลอด ไม่แปลกใจว่าทำไมคานเย่ถึงยอมเป็นโปรดิวซ์เซอร์ให้อัลบั้มใหม่ที่กำลังจะมา ยิ่งไปกว่านั้นการแรปจัดเต็มที่นานๆทีเราจะได้เห็นจากเจ้าของเพลง โดยปกติแล้วจะเน้นความชัดถ้อยชัดคำ verse น้อย แต่เพลงนี้แกจัดเต็มกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ตัดสินใจลำบากระหว่างเพลงนี้กับ Life of The Party คิดไปคิดมาจนวันนี้ โอเคเราเน้นความอหังการดีกว่า
9.Silk Chiffon - MUNA Feat. Phoebe Bridgers
ซิงเกิ้ลลำดับแรกๆของทรีโอ้แบนด์ภายใต้ Saddest Factory ค่ายเพลงอินดี้ของฟีบี้ แอบแปลกใจว่าทำไมทีนป็อป-ร็อคง่ายๆแบบนี้ถึงไม่แมสได้ไงหว่า ออกจะติดหูซะขนาดนี้ มันคือ lesbian anthem ที่เป็นตัวแทนของ LGBTQ+ ยุคนี้อย่างเห็นได้ชัด มันคือป็อปร็อคที่เราคุ้นเคยในยุคก่อนๆที่บริบทของเพลงนั้นยังคงอยู่กับชาย-หญิง แต่สำหรับเพลงนี้มันเป็นบริบทที่ทันยุคกว่า หนึ่งเพลงที่คารวะความซาบซ่าของป็อปร็อคยุค Y2K ที่ไม่ว่าใครน่าจะอมยิ้มด้วยความติดใจเป็นแน่นแท้
8.Kiss Me More - Doja Cat feat. SZA
หนึ่งเพลงฮิตสุดปังของการรวมตัวกันของสองสาวแสนซนที่สร้างสีสันความสนุกได้อย่างอร่อยเหาะ มันเป็นความสนุกสุด nasty ที่ฮิตมากจนไม่แปลกใจ ฟังไม่เบื่อเลย แปลกดี
7.White Dress - Lana Del Ray
เพลง asmr ต้นแบบที่มีดีไซน์การร้องไม่เหมือนใคร เป็นการเล่าพื้นเพชีวิตก่อนเข้าวงการได้อย่างน่าฉงนสนเท่ห์จนปฏิเสธไม่ได้ โดยไม่ต้อง emotional ให้มากความ ขายความแตกต่างดี
6.Pay Your Way In Pain - St. Vincent
ซิงเกิ้ลคัมแบ็คและแทร็คแรกเปิดอัลบั้ม Daddy’s Home หนึ่งในอัลบั้มที่ได้ Rate Recommend ประจำเพจเรา สำหรับเพลงนี้เจ๊แอนนี่ได้โชว์ความโมทาวน์กรีดกรายแบบสุดติ่ง มาพร้อมการการทับซ้อนของเลเยอร์เพลงไซคลิเดลิกไปมาได้อย่างมันส์หยดจนถึงนาทีสุดท้าย ชนิดที่กระชากลมหายใจของท่านโดยไม่รู้ตัว
5.I Drink Wine - Adele
ยกให้เป็นเพลงนั่งชิวล์สุขเกษมสำราญแห่งปีโดยไม่คิดมาก เสนอมุมมองของแม่ลูกหนึ่งที่ขอพื้นที่ส่วนตัวในการคลายเครียดเสียบ้าง แน่นอนว่ามุมมองที่ได้แพร่งพรายออกไปก็มักเป็นบทสนทนาสไตล์วงเหล้าที่มักจะระบายอะไรโดยไม่รู้ตัว ซึ่งก็เข้าท่าบ้างไม่เข้าท่า ที่แน่ๆชีวิตเราแม่งก็เท่านี้จริงๆ work life balance บางทีแม่งก็ไม่มีจริงเลยโดยซ้ำ การปรับเปลี่ยนมุมมองบางครั้งก็เป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่น้อย และที่สำคัญอย่าลืมว่าโลกนี้มีจุดที่ต้องเหยียบเบรครีแลกซ์บ้าง ไม่ใช่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานเพียงอย่างเดียว
4.Be Sweet - Japanese Breakfast
ท่วงทำนอง joyful สุดสวยงาม โดดเด่น กลิ่นอาย 80’s มีเสน่ห์มากพอที่จะดึงดูดให้คนเข้าหา เสียงร้องของ Michelle ก็ช่างสอดรับกับแนวเพลงที่เป็นกึ่ง city pop จนหลอกคนฟังได้สนิทใจว่านี่คือเพลงที่ว่าด้วยการประนีประนอม ความสับสนในเส้นบางๆระหว่างคำหวานกับคำโกหกที่อาจทำให้เราตกหลุมพรางในความสัมพันธ์ได้โดยง่าย มันจึงเป็นเพลงที่แอบเล่นความย้อนแย้งไปในตัว อย่างไรก็ตามนี่คือเพลงเด็ดที่มากด้วยมนต์เสน่ห์ของความเป็นโมทาวน์อยู่ดี
3.Say What You Will - James Blake
หนึ่งตัวอย่างเพลงช่างแม่งที่มีสุ้มเสียงและภาษาที่มีวุฒิภาวะที่สุดเท่าที่ผมเคยฟังล่ะ ไม่พรั่งพรูด้วยคำหยาบคาย ไม่ขอบวกกับคนอื่นให้เสียเวลา เพราะสุดท้ายก็วนอยู่กับการต้องปล่อยให้ผ่านแล้วผ่านเลยอยู่ดี lyrics เข้าใจง่าย แถมเสียงร้องของพี่เจมส์ที่โหยหวนในช่วงท้ายพาเราปลดปล่อยความรู้สึกอันน่าปวดหัวได้ดียิ่งขึ้น ไปสู่จุดที่ free will โดยที่ไม่รู้ตัว มันคือเพลงที่โคตรสุขุมเสียจนไม่อยากให้พลาดความช่างแม่งดีๆส่งท้ายปี
2.CORSO - Tyler The Creator
หากไม่นับอินโทร เพลงนี้เป็นเพลงเต็มที่ให้ความรู้สึก fresh start จุดเครื่องติดโดยอัตโนมัติ เป็น first impression ที่บ่งบอกมวลรวมอารมณ์เกือบทุกสิ่งทุกอย่างใน Call Me If You Get Lost เลยก็ว่าได้ แค่ฟังบีทขึ้นต้นแม่งก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว เกิดความรู้สึกตื่นเต้นทันที ปลุกเซนส์บางอย่างที่บอกเราว่า ความสนุกของอัลบั้มนี้มันต้องมาแน่เว้ย แล้วสุดท้ายก็เป็นเช่นนั้นทันที บางทีก็เลือกยากเหมือนกันว่าจะหยิบเพลงไหนมาไว้ใน top list ดี สุดท้ายก็ตัดสินใจได้ว่าเพลงนี้แหละคือเพลงที่ใช่สุดล่ะ มีหมดทั้งบีทสุดหวือหวา element พิเศษของนายไทเลอร์ที่พวยพุ่งที่ทำให้ผมโคตรตื่นตาตื่นใจกับมันมากๆ
การแรปที่จัดเต็มกว่าแต่ก่อนทำให้รู้สึกฮึกเหิมจริงๆ การ distort sound ในช่วงท้ายที่แนบเนียน นั่นแหละคือเหตุผลว่า first impression สำคัญมากขนาดไหน ความประทับใจแรกเริ่มมันมีหลายนิยามมากๆ ถ้าเด็ดและแตกต่างจริงๆ มันต้องขึ้นอยู่กับลูกเล่นว่าของใครเฟี้ยวกว่ากัน สุดท้ายนายไทเลอร์ก็ยังคงรักษาความเฟี้ยวนี้โดยไม่จางหาย เอาไปอันดับ 2
และอันดับที่ 1 คือ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
คือ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ลือ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
1.All Too Well (10 Minute Version) - Taylor Swift
อารมณ์เหมือนผมเจอแฟนเก่าที่จบกันด้วยดีเมื่อ 10 ปีก่อน พอกลับมาได้คุยกันตอนนี้คือรักยิ่งกว่าเดิม รักที่มีแง่มุมเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาวคนเก่าที่เคลียร์ชัดขึ้น mature และประทับใจยิ่งกว่าเดิม ผมเคยพูดเสมอว่าเพลงนี้คือเพลงเอกของเทย์เลอร์ พอมาขยายเวอร์ชั่นแบบนี้กลับมีมุมมองที่รอบด้านกว่าเดิม เหมือนดูหนัง Director’s Cut ที่ดันมีฉากพิเศษที่นอกเหนือจากเวอร์ชั่นฉายจริง และฉากพิเศษนั้นกลับทำให้มุมมองที่มีต่อหนังเรื่องนี้ดันดีงามกว่าเดิม ไม่ใช่ฉากฆ่าเวลาแต่อย่างใด
ยอมใจความเก่งกาจครั้งนี้จริงๆ ฆ่าเพลงเวอร์ชั่นดั้งเดิมด้วยเวอร์ชั่นที่เต็มอิ่มกว่า เชือดเฉือนกว่าด้วย storytelling ที่ฉายภาพสิ่งละอันพันละน้อยที่หล่อรวมกันจนความรู้สึกเศร้ามันปะทุออกมาได้ถึงอารมณ์สมบูรณ์แบบจริงๆ การจะทำเพลงขนาดยาวแล้วเล่าเรื่องได้น่าติดตามขนาดนี้ โคตรท้าทายเลยนะ ยิ่งเพลงดั้งเดิมกลายเป็นเพลงเอกของเจ้าตัวของใครหลายคนแล้ว เป็นเรื่องที่ยากในการโค่นเวอร์ชั่นเก่าๆเพื่อให้คนฟังมีมุมมองที่เปลี่ยนไป สุดท้ายเธอก็ทำได้ว่ะ
โฆษณา