27 ธ.ค. 2021 เวลา 04:40 • ความคิดเห็น
เรื่องของการสวดมนต์ เราต้องถามตัวเอง ว่าเราสวดมนต์ เพื่ออะไร เราจะเอาบทไหนมาสวด หากเราต้องการสวดมนต์ เราสวดมนต์บูชาคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสงฆ์อัครสาวกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ท่านชี้ทางให้เรารู้จักการสร้างบุญกุศลบารมี เพื่อหนีเวรกรรม ที่จะต้องมาเกิดแก่เจ็บตายบ่อยๆ โดยที่เราไม่รู้เลย ว่าชาติต่อไปจะได้สังขารอะไร เมื่อชาตินี้เราได้ สังขารที่ดีที่คุณบิดามารดาให้มาอาศัย มีอาการสามสิบสองมีวิญญาณหกที่ใช้ยังสมบูรณ์ ใช้การใช้งานได้ดีอยู่ เพราะถึงเวลาแก่เฒ่าชรา ร่างกายก็เสื่อมลงเรี่ยวแรงก็ถอยลง หากเราเริ่มต้นตั้งแต่ร่างกายแข็งแรง เอามาประพฤติปฏิบัติธรรมสวดมนต์ไหว้พระก็เป็นเรื่องที่ดี
เมื่อจะนำกายบิดามารดาที่จิตเรา อาศัยในเรือนกายนี้ เราก็ต้องบอกตัว เมื่อไปนั่งอยู่หน้าพระ ไม่ต้องเอาเกจิอาจารย์อะไรมาวางตรงหน้าพระ ตรงหน้าเรามีแต่พระพุทธเจ้า ไม่มีเกจิอาจารย์ ตะกรุด ผ้ายันต์ ไม่มีเครื่องรางของขลัง (เพราะของพวกนี้เป็นเหมือนไฟมาเผาตัวเรา โดยไม่รู้ตัว) รูปสิงสาราสัตว์ก็อย่าเอาบูชา (เดี๋ยวพวกสัตว์ เค้าจะเยาะเย้ยเอาว่า ท่านได้สังขารที่ดีแล้ว ทำไมไปเอาสังขารต่ำเช่นข้าพเจ้าอาศัยอยู่ชดใช้กรรมอยู่ไปบูชาล่ะ อย่าไปเอารูปสังขารข้าพเจ้าไปบูชา นั่นมันมีแต่กรรม มองไม่เห็นหรือใช้ปัญาญามองซิท่าน พวกสัตว์เค้าเตือนมา) เพราะพระ ท่านทิ้งเรื่องราวเล่านั้น แม้แต่คาถาจะให้ร่ำรวย พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้สอน อย่างนั่น ท่านทิ้งทรัพย์สมบัติ ทิ้งลาภยศ เพราะสิ่งเหล่านี้ จะนำไปสู่ทุกข์ ให้มาเกิดแก่เจ็บตาย พาไปทางอบาย (ไปพิจารณากลั่นกรองกันให้ดีๆ)
เมื่อมาอยู่หน้าพระ นั่งพับเพียบ ทำกายให้นิ่ง ยืดตัวให้ตรง วางมือที่หัวเข่า สำรวจตัวเอง กายนิ่งมั้ย (กายของบิดามารดาที่เราอาศัยอยู่) หายใจลึกๆ สักสองสามครั้ง พยายามน้อมจิตบอกตัวเอง ขอนำเรือนกายคุณบิดามารดา มาสวดมนต์ แม้แต่การยกมือขึ้นมาพนม ก็บอกตัวเอง มองมือที่ยกขึ้นมา มือซ้ายมารดา มือขวาบิดา พูดให้หู วิญญาณหูได้ยิน (เพราะปกติจิตของคนเรามันอยู่ลึก ไม่ค่อยตื่นขึ้นมารับรู้อะไร ถูกอารมณ์หรือกรรมมันกดทับตลอดเวลา สวดมนต์บูชาคุณไม่ใช่ไปดึงกรรมมาทับถมจิต) ระหว่างสวดมนต์ก็ เอาวิญญาณหูของเรา ฟังเสียงสวดมนต์ของเราเอง หูเราก็ได้ฟังเสียงที่เป็นปิยะวาจาของเราเอง ก็จะเป็นการบันทึกเรื่องราวดีๆให้แก้จิตของตัวเอง
1
สวดมนต์เพื่อให้จิตเข้าไปหาพระ ให้เกิดมีแสงรัตนะ คลี่คลายอารมณ์ที่เกิดในกายนี้ โลภโกรธหลงก็อยู่ในกายนี้ อย่าไปนำเข้าอีก วางทุกสิ่งทุกอย่าง ชั่วขณะหนึ่ง) แล้วจึงกราบพระ เวลาสวดมนต์ เอาแค่สรรเสริญพุทธคุณพอแล้ว สวดมนต์เสร็จแล้ว ก็นั่งปฏิบัติธรรม ภาวนาพุทโธเกิดขึ้น ต่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ปฏิบัติเรียบร้อย ก็ขมา สิ่งอันใดที่ข้าพเจ้าได้ผิดหลาดพลั้งไปทั้งในอดีตและปัจจุบัน ข้าพเจ้าขอขมา โปรดรับคำขอขมาจากข้าพเจ้าด้วย เรื่องราวของการสวดมนต์ไหว้ เรื่องราวของการสร้างบุญกุศล ต้องทำด้วยความนอบน้อม อ่อนน้อมถ่อมตน
1
การที่เราระลึก เอากายบิดามารดามาสวดมนต์ เราได้ตั้งหลายอย่าง ทั้งเรื่องของการตอบแทนคุณ การรู้จักพระคุณพ่อแม่ การละความยึดถือในกาย การมีสติที่จะควบคุมกาย การใช้วาจา ที่เป็นปิยะวาจา (อย่าไปท่องคาถาอาคม มันจะเป็นวาจาของกรรมโจรมันก็ยังท่อง เวลาจะไปทำชั่ว)เรื่องที่เราจะได้อีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องการทำกายให้เป็นกายของบุญ ได้กายบุญ จิตอยู่ในเรือนกายที่เป็นบุญ จิตเราก็มีความสุขอยู่เรือนกายที่เป็นบุญเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น เราก็ควรศึกษาเรื่องราวเหล่านี้เหมือนกัน ว่าทำอย่างไรถึงถูกต้อง ทำแล้วผลที่ได้เป็นอย่างไร เราก็ต้องหมั่นพิจารณาตรวจสอบตัวเองด้วยเหมือนกัน ทำบุญทำทานก็เพื่อปลดปล่อยเรื่องอารมณ์โลภโกรธหลง สละแล้วก็อย่าเรียกร้องคืนมา เหมือนถวายพระไปแล้ว ก็ฝากไว้กับพระ เป็นบุญกุศล ถึงคราวลำบาก คนมีบุญที่สะสมมาก เค้าก็ส่งคืนให้เอง แล้วยังส่งไปอุปถัมภ์ในชาติต่อไปอีก
หมายเหตุ จิตอยู่ต่ำๆ ไม่สามารถมองเห็นจิตที่อยู่สูง จิตที่อยู่สูงๆ เค้ามองเห็นจิตที่อยู่ต่ำได้ ไปพิจารณาเอาเอง
จิตที่อยู่สูงเค้าก็เห็นจิตดวงไหนดีดวงไหนไม่ดี ก็เหมือนคนเรานั้นแหละ ก็อยากอยู่ใกล้คนดี จิตที่อยู่สูงท่าน ที่เรียกกันว่าหูทิพย์ตาทิพย์ ก็ต้องลงมาเกิดเป็นมนุษย์เหมือนกัน ใครสร้างบุญกุศลด้วยความบริสุทธิ์ใจ รู้จักเรื่องราวพระคุณบิดามารดา รู้จักดีและชั่ว ท่านก็อนุโมทนาส่งเสริมเป็นกำลังใจ แล้วยังมีเรื่องราวอีกมากมาย ที่ให้เราได้เรียนรู้ เข้าใจเหตุและผล แต่ไม่ใช่ทำไปเพื่ออ้อนวอนเป็นจิตฮินดูไป ไม่ใช่จิตที่จะพึ่งตนเอง เมตตาจิตของตัวเอง ให้เกิดสติปัญญา หนีเวรกรรมหนีทุกข์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องกระทำเอง
พอพูดถึงเรื่องราวการสวดมนต์ นึกขึ้นมาได้ว่า เคยคุยกับเพื่อนสนิทกัน บอกให้สวดมนต์ไหว้บ้าง ผ่านไปนานพอสมควร เพื่อนมาบอกว่า เฮ้ย ..ก.สวดมนต์แล้วทำไม ฝันเห็นแต่ผีเต็มบ้าน เราก็ถามกลับว่า ก่อนสวดมนต์ทำอะไร หรือเปล่า เพื่อนก็บอกว่าไปเอาหนังสือสวดมนต์ เห็นเวลาพระสวด ก็สวดชุมนุมเทวดา จะให้เทวดามาฟัง ..ได้ฟังแล้วก็ตกใจ บอกว่า เฮ้ย..ม..เป็นใครว่ะ จะไปเชิญเทวดาเค้า มีคุณธรรม มีคุณสมบัติบารมี จะไปเชิญใครได้ เชิญจิตที่สูงมาได้ เค้าไม่ร่วมด้วยหรอก มันจึงมีแต่ผีที่อยู่รอบบ้านเรานั่นแหละ
เปรียบเหมือนตัวเราอยู่บ้านนอก จะจัดงานอะไรขึ้นมา ไปเชื้อเชิญ คนใหญ่คนโตในบ้านเมือง เค้าจะมามั้ย มันก็มีแต่เพื่อนบ้านแถวนั้นแหละ แล้วพอสวดมนต์แล้ว เชิญเค้ากลับมั้ย เพื่อนบอกว่าไม่ได้เชิญเค้ากลับ เค้าก็เลยอยู่เต็มบ้านไป เรื่องพวกนี้ เราก็ควรรู้จัก ทำให้ถูกวิธี อย่าไปคิดว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ สิ่งที่ได้ไม่คุ้มกันเลย ทำด้วยความนอบน้อมของเราไปดีที่สุด ทำเพื่อจูงจิตของเราเข้าไปหาพระ เหมือนกับเวลาเราจะจากโลกนี้ไป เราก็ไปคนเดียว ชวนใครไปก็ไม่มีใครไปด้วย เราไปคนเดียว
1
หมายเหตุ..เรื่องแปลก บุคคลที่มีทัศนคติที่ไม่ดี กับพ่อแม่ พอได้ยินเรื่องราวคำว่าคุณบิดามารดา จิตอาศัยเรือนกายคุณบิดามารดาอยู่ จะรับไม่ค่อยๆได้ มันเหมือนมีอะไรขัดขวาง ได้ยินแล้วเหมือนโมโหก็มี ไม่ชอบใจ ไม่ถูกใจ เหมือนไม่อยากได้ยิน ปฏิเสธเรื่องเรือนกายที่พ่อแม่ให้อาศัย เราก็ไปศึกษาเอาเองได้ คนใกล้ตัวที่เรารู้จัก เค้าใช้กิริยาอย่างไรกับพ่อแม่เค้า ผู้ที่ให้เรือนกายหล่อเลี้ยงสังขาร ให้มาทำเรื่องราวต่างๆ เราก็ค่อยดูได้ว่าดีหรือไม่ดี อาศัยสังขารเค้าอยู่ แล้วทำไม่ดี มันจะเจริญมั้ย??? เหมือนเค้าว่า จิตอยู่ในเรือนกายที่มีคุณ แต่ไม่รู้จักพระคุณของเรือนกายที่ได้มา ถ้าเรารู้จักพระคุณของเรือนกายนี้ เราก็นำมาสร้างในสิ่งที่ดีเป็นคุณให้แก่จิตที่เราอาศัย มันย้อนไปย้อนมา แต่เราเองนั้นจะเป็นจิตที่ได้บุญกุศลให้แก่จิตของเรา
1
เคยคิดบ้างมั้ยว่า เรื่องราวคาถาอาคม ตะกรุด ผ้ายันต์ เครื่องรางของขลัง นั้นมันดีจริงมั้ย มันล้วนอยู่ในหมวดของตัวหลง เรื่องราวของไสยศาสตร์ ทำให้สติไม่ค่อยปกติ อารมณ์ไม่ค่อยปกติ ยิ่งเป็นของวัดนำมาเข้าบ้าน ในบ้านก็หาความสุขกันไม่ค่อยได้ พูดไม่ค่อยเข้าหูกัน จะทำอะไรก็เหมือนมีอุปสรรคขัดขวาง ได้เงินได้ทองมา ก็มีเหตุให้เสียมากกว่าได้
เมื่อก่อนย้อนหลังไประมาณสักห้าสิบปี ตามบ้านก็มีแค่หิ้งบูชาพระน้อยๆ ไม่มีเรื่องเหล่านี้มา แต่เดี๋ยวนี้หิ้งพระในบ้านกลับมีพวกเรื่องราวนี้เข้ามา มาปิดบังหิ้งพระ เป็นหมอกควันปกปิดเต็มไปหมด อยู่ไปก็มีเรื่องให้หาความสุขกันไม่ค่อยได้ เจ็บป่วยบ้างมากมาย เรื่องเหล่านี้ ถ้าไม่เคยสังเกต ก็ไม่รู้จะแก้ไขอะไรเลย พวกที่ดูสถานที่แก่ไขอะไรทำนองนี้ ก็เจือไปด้วยเรื่องราวของไสยศาสตร์คาถา สอดแทรกทั้งนั้น มันก็เหมือนเราไปเอาของหนักมาใส่ตัวเพิ่มขึ้นๆ แล้วเป็นยังไง ต้องไปสังเกตเอาเอง มันใช่ของดีจริงหรือมันไม่จริง เขียนมา มันก็ไม่ดี มันกระเทือนคนที่ยึดถือเค้า คนที่สติมีเหตุผล ก็ใช้ปัญญาเรียบเรียงเหตุผลกันเอง เป็นมโนทัศนศึกษาให้แก่จิตตนเอง
โฆษณา