27 ธ.ค. 2021 เวลา 13:56 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
10 สิ่งควรรู้เกี่ยวกับ ดวงจันทร์ เพื่อนบ้านในจักรวาลที่ใกล้ดาวโลกมากที่สุด
"เราเลือกไปดวงจันทร์"
นี่คือคำกล่าวของประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี (ค.ศ.1962) ที่ต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้ชาวอเมริกันในช่วงสงครามเย็นซึ่งตรงกับยุคที่โซเวียตและสหรัฐฯ กำลังช่วงชิงอำนาจในเวิ้งอวกาศ จากนั้นอีก 7 ปีต่อมา มนุษย์โลกคนแรกก็ได้ออกเดินทางไปเหยียบพื้นผิว ดวงจันทร์ เพื่อนบ้านในจักรวาลที่ใกล้ดาวโลกมากที่สุด สามารถมองเห็นชัดเจนได้ด้วยตาเปล่าจนกลายเป็นที่มาของตำนาน นิทานพื้นบ้าน และความเชื่ออีกมากมาย
1
ก่อนที่การเดินทางไปดวงจันทร์ครั้งใหม่จะเริ่มต้นขึ้น Sarakadee Lite ขอชวนคุณมาเช็คลิสต์ 10 สิ่งน่ารู้ที่จะทำให้คุณรู้จักดวงจันทร์หนึ่งเดียวของดาวโลกให้มากขึ้น
01 มนุษย์เริ่มศึกษาดวงจันทร์ตั้งแต่ก่อนคริสตกาล
แม้มนุษย์จะไปเหยียบดวงจันทร์ได้เมื่อ ค.ศ.1969 แต่มีหลักฐานปรากฏชัดว่ามนุษย์ยุคกรีกโบราณได้ทำการศึกษาดวงจันทร์มาตั้งแต่ 450 ปีก่อนคริสตกาล โดยทฤษฎีการกำเนิดดวงจันทร์ที่มีบันทึกไว้อย่างชัดเจนและเก่าแก่ที่สุดคือ ทฤษฎีธรรมชาติและโครงสร้างจักรวาลของ “อริสโตเติล” นักปราชญ์คนสำคัญของกรีกโบราณ ว่าด้วยดวงจันทร์ โลก และดวงดาวต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้า
02 เพื่อนบ้านที่ใกล้สุดในจักรวาล
ด้วยระยะห่างจากโลกประมาณ 385,000 กิโลเมตร ทำให้ดวงจันทร์กลายเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้โลกที่สุดและทำให้มนุษย์โลกอย่างเราสามารถมองเห็นรายละเอียดบนดวงจันทร์ได้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจนกว่าดาวดวงอื่น ถ้าเอาโลกมาเรียงต่อกันสัก 30 ลูก นั่นคือระยะโดยประมาณที่ดวงจันทร์อยู่ห่างจากโลก หรือถ้าวัดระยะทางจากความเร็วของแสง จะพบว่าแสงใช้เวลาเดินทางจากดวงจันทร์ถึงโลกในเวลาเพียง 1.3 วินาที ดังนั้นถ้ามีปรากฏการณ์อะไรสักอย่างเกิดขึ้นบนดวงจันทร์ จะใช้เวลาเพียงพริบตาเดียวเราก็จะสามารถสังเกตเห็นปรากฏการณ์นั้นจากบนพื้นโลกได้
03 เส้นผ่าศูนย์กลาง
1
ดวงจันทร์มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3,476 กิโลเมตร หรือประมาณ 1 ใน 4 ของเส้นผ่าศูนย์กลางของโลก โดยในบรรดาดาวเคราะห์แห่งระบบสุริยะมีเพียงโลกกับดาวพลูโตเท่านั้นที่มีดวงจันทร์บริวารขนาดใหญ่ ดวงจันทร์บริวารของดาวเคราะห์อื่น ๆ มีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดของดาวเคราะห์ ส่วนดาวพุธกับดาวศุกร์นั้นไม่มีดวงจันทร์เป็นบริวาร
04 ดวงจันทร์หันเพียงด้านเดียวให้โลก
โลกมีบริวารหนึ่งดวง คือ ดวงจันทร์ ซึ่งมีวงโคจรรอบโลกเป็นวงรี และใช้เวลาหมุนรอบโลก 1 รอบราว 27.32 วัน เท่ากับที่ดวงจันทร์หมุนรอบตัวเอง นั่นทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์ได้เพียงด้านเดียวเท่านั้น คือด้านที่เห็นเป็นรูปกระต่าย ส่วนอีกด้านของดวงจันทร์มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นจากดาวโลกได้เลย ยกเว้นจะส่งยานอวกาศออกไปสำรวจ เรียกว่าหากเราอยู่อีกด้านของดวงจันทร์ เราก็จะไม่เคยเห็นดาวโลกปรากฏบนท้องฟ้าเช่นกัน
05 พื้นผิวของดวงจันทร์เป็นฝุ่น
ในซีรีส์เหยียบดวงจันทร์เรื่องแรกของเกาหลีใต้อย่าง ทะเลสงัด (The Silent Sea) ผู้ชมจะเห็นเหล่านักบินอวกาศฝากรอยเท้าที่เหยียบย่ำลงไปบนพื้นผิวดวงจันทร์ชัดเจนมาก อีกทั้งฉากวิ่งบนดวงจันทร์ก็มีฝุ่นผงลอยกระจายขึ้นมา ซึ่งถือเป็นฉากที่สร้างขึ้นมาอย่างละเอียดและใส่ใจมาก ทำให้เราย้อนคิดถึงรอยเท้าของ “นีล อาร์มสตรอง” นักบินอวกาศแห่งยานอะพอลโล 11 มนุษย์คนแรกที่ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์
1
รอยเท้าที่ชัดเจนบนดวงจันทร์ของ “นีล อาร์มสตรอง” นี่เองที่เคยนำไปสู่การโต้เถียงกันว่าภารกิจอะพอลโล 11 คือการจัดฉากของสหรัฐฯ หรือไม่ เพราะเป็นที่รู้กันว่าดวงจันทร์นั้นไม่มีชั้นบรรยากาศและความชื้นดังนั้นจะมีรอยเท้าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ก็ได้มีนักวิทยาศาสตร์ออกมาโต้แย้งอีกเช่นกันว่า แม้ผู้คนจะรับรู้ว่าเปลือกพื้นของดวงจันทร์นั้นแข็งมาก แต่บนพื้นผิวบนดวงจันทร์กลับถูกปกคลุมด้วยฝุ่นผงค่อนข้างละเอียดที่เรียกว่า Regolith ทำให้มนุษย์ซึ่งสวมใส่ชุดนักบินอวกาศที่ค่อนข้างหนัก เมื่อหยียบลงบนดวงจันทร์สามารถสร้างรอยเท้าให้เกิดขึ้นและประทับอยู่ชัดเจน
2
06 ไม่มีอากาศและบรรยากาศบนดวงจันทร์
ด้วยความที่ดวงจันทร์มีแรงดึงดูดต่ำแตกต่างจากโลก ทำให้แม้แต่อากาศก็ไม่สามารถอยู่บนดวงจันทร์ได้เพราะโมเลกุลของอากาศจะหลุดลอยไปจนหมด แม้นักบินอวกาศจะพบก๊าซเฉื่อยบางชนิดบนพื้นผิวดวงจันทร์ แต่ก็เบาบางมากเรียกว่าแทบจะเป็นสุญญากาศก็ว่าได้ และก็มีความเชื่อที่ว่าก๊าซเหล่านี้มาจากอนุภาคที่ถูกขับออกมาจากบรรยากาศของดวงอาทิตย์โดยลมสุริยะ หรือไม่ก็มาจากการสลายตัวของสารกัมมันตภาพรังสีบนดวงจันทร์เอง แต่ก๊าซเหล่านี้ก็จะอยู่บนดวงจันทร์ได้ไม่นานและหลุดลอยออกไปในที่สุด
4
07 ทะเลแห่งดวงจันทร์
แม้ดวงจันทร์ไม่มีแม่น้ำหรือทะเลปรากฏ แต่เรากลับได้ยินการตั้งชื่อพื้นที่ราบขนาดใหญ่ รวมทั้งหลุมอุกาบาตบนดวงจันทร์เป็นชื่อเกี่ยวกับทะเล ทะเลสาบ และอ่าว โดยพื้นราบส่วนที่เป็นสีดำคล้ำนั้นกาลิเลโอตั้งชื่อให้ว่า Maria แปลว่า “ทะเล” (คำเอกพจน์คือ Mare) ซึ่งในความจริงแล้วที่ราบบนดวงจันทร์คือพื้นที่ของหินหลอมละลายจนเป็นลาวาไหลท่วมพื้นผิวเมื่อราว 4,000 ล้านปีก่อน โดยพื้นราบสีดำคล้ำมักปรากฏอยู่บริเวณซีกด้านเหนือของดวงจันทร์ฝั่งที่หันเข้าหาโลก
08 กระต่ายบนดวงจันทร์
ภาพกระต่ายบนดวงจันทร์ตามจินตนาการของชาวดาวโลกนั้นแท้จริงคือบริเวณที่ราบที่มีสีคล้ำ ซึ่งจากการสำรวจมีที่ราบลักษณะเช่นนี้อยู่บนดวงจันทร์ถึง 22 แห่ง โดยส่วนหัวกระต่ายเป็นทิศตะวันตกของดวงจันทร์ หางกระต่ายอยู่ทางทิศตะวันออก และหลังกระต่ายอยู่ทางทิศเหนือ บางคนจินตนาการว่าที่ราบเหล่านี้มีรูปคล้ายหน้าคนซึ่งจะอยู่บริเวณท้องและขาหลังของกระต่าย โดยจะเห็นได้ชัดในช่วงพระจันทร์เต็มดวงและก่อนเต็มดวง
1
09 ก้าวแรกของมนุษย์บนดวงจันทร์
20 กรกฎาคม ค.ศ. 1969 ตรงกับวันที่ยานอะพอลโล 11 นำมนุษย์จากดาวโลกขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์เป็นครั้งแรกโดยมี นีล อาร์มสตรอง (Neil Armstrong) เป็นมนุษย์คนแรกที่ได้เหยียบประทับรอยเท้าลงบนดวงจันทร์ พร้อมกับได้กล่าวประโยคสุดคลาสสิคว่า “ก้าวเล็ก ๆ ของคน ๆ หนึ่ง แต่เป็นก้าวอันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ” (That’s one small step for a man, one giant leap for mankind)
10 การค้นพบน้ำบนดวงจันทร์
หลายต่อหลายครั้งที่มนุษย์โลกพยามค้นหาและพิสูจน์เรื่องการมีอยู่ของแหล่งน้ำบนดวงจันทร์ ซึ่งในอดีตเคยมีการสำรวจพบโมเลกุลของน้ำบริเวณหลุมอุกาบาตในส่วนที่แดดส่องไม่ถึง ซึ่งมีอุณหภูมิลดต่ำได้ถึง -173 องศาเซลเซียส ซึ่งเมื่อเทียบกับด้านสว่างของดวงจันทร์มีมีอุณหภูมิพื้นผิวสูงได้ถึง 127 องศาเซลเซียส นักวิทยาศาสตร์จึงไม่คาดคิดว่าจะมีน้ำหลงเหลืออยู่ในด้านสว่างของดวงจันทร์ที่แสงแดดส่องถึง อีกทั้งยังไม่เคยมีหลักฐานว่าเราสามารถพบน้ำได้นอกไปจากบริเวณหลุมอุกกาบาตที่มืดมิดเหล่านั้น กระทั่งวันที่ 26 ตุลาคม ค.ศ.2020 ทาง NASA ได้แถลงข่าวการค้นพบน้ำบนพื้นผิวด้านสว่างของดวงจันทร์ โดยกล้องโทรทรรศน์ในช่วงอินฟราเรดไกลบนหอสังเกตการณ์ SOFIA หรือ Stratospheric Observatory for Infrared Astronomy หอสังเกตการณ์ลอยฟ้าที่สามารถเดินทางไปได้ทุกที่บนโลก
1
เครดิตภาพ : NASA
โฆษณา