28 ธ.ค. 2021 เวลา 12:40
เงินเฟ้อ​ คือ​ ภาวะที่ราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง​และแปลว่า จะซื้อของแต่ละชิ้นก็ต้องใช้เงินมากขึ้นด้วย​
ยกตัวอย่างเช่น​ วันนี้ก๋วยเตี๋ยว​ 1​ ชาม​ราคา​ 50​ บาท​ ถ้าเงินเฟ้อเฉลี่ยปีละ​ 3% ต่อปี​ อีก​ 5​ ปีข้างหน้า​ก๋วยเตี๋ยว​ 1​ ชาม​ จะมีราคา​ 58 บาท
เงินเฟ้อจะทำให้รายจ่ายหรือภาระค่าครองชีพสูงขึ้น​ คนมีกำลังซื้อน้อยลง​ มีความสามารถจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการได้น้อยลง​ และ​อาจ​ทำให้รายได้ที่มีหรือเงินที่หามาได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตได้
วิธีต่อสู้ให้ชนะเงินเฟ้อคงหนีไม่พ้นการหาช่องทางการลงทุน​เพื่อสร้างผลตอบแทน​ ให้ชนะเงินเฟ้อให้ได้
ความต่อเนื่องและระยะเวลาลงทุนที่นานพอ​ จะช่วยให้ชนะเงินเฟ้อได้​ และมีโอกาสได้รับประโยชน์​จากผลตอบแทน​ทบต้น​ จึงทำให้เงินลงทุนนั้นเติบโตได้อย่างเต็มที่
วิธีการ​เอาชนะเงินเฟ้อได้และสร้างผลตอบแทน​ มีหลากหลาย​วิธีด้วยกัน​ ดังนี้
1.​ ออมเงินในบัญชี​เงินฝากธนาคาร
ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์​อยู่ที่ ประมาณ​ 0.25% ต่อปี​ ขณะที่ดอกเบี้ยฝากประจำ​ 24 เดือน​ อยู่ที่ประมาณ​ 0.45 -​ 1% ต่อปี​ (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร)​แต่ก็น้อยกว่าเงินเฟ้อในระยะยาวค่อนข้างมาก​ ถ้าตั้งใจออมเงินในรูปแบบของเงินฝากอย่างเดียวจะไม่สามารถสร้างผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อได้
2.​ ลงทุนในหุ้นรายตัว
การเลือกลงทุนในหุ้นรายตัวต้องศึกษาข้อมูลของบริษัทที่สนใจให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน​
หุ้นจะมีความผันผวนและความเสี่ยงสูง​ แต่ก็เป็นทางเลือกเพื่อให้ชนะเงินเฟ้อ​ ด้วยการเลือกหุ้นที่มีความปลอดภัยสูงและเน้นลงทุนระยะยาว​ โดยข้อมูลจาก​ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย​ พบว่า​ หากลงทุน​ในหุ้นไทย​ 10​ ปี(พ.ศ.2553 -​2563) จะได้ผลตอบแทน​เฉลี่ย​ 6.96% ต่อปี​ เลยทีเดียว
3.​ การลงทุนผ่านกองทุน​รวม
การลงทุนผ่านกองทุนรวม​ มีให้เลือกหลากหลายสินทรัพย์​ตั้งแต่​ ตราสารหนี้​ที่มีความเสี่ยงต่ำ​ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่ำประมาณ​ 1-2% ต่อปี​ ไป​จนถึงตราสารทุนหรือสินทรัพย์​ทางเลือกที่มีความเสี่ยงสูง​ ให้ผลตอบแทน​เฉลี่ยนในระยะยาวที่สูงขึ้น​ กองทุนรวม​ถือเป็นอีกทางเลือกในการลงทุนเพื่อให้ชนะเงินเฟ้อได้
4.​ ลงทุนผ่านกองทุน​รวม​อสังหาริมทรัพย์​ หรือกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน
กองทุน​รวมเหล่านี้​ เป็น​ Income fund หมายถึง​ กองทุนรวมที่สามารถสร้างผลตอบแทน​ได้​อย่างสม่ำเสมอ​ และที่ผ่านมา​ พบว่าตั้งแต่ปี​ พ.ศ.​2552 -​2563 กองทุนรวมอสังหา​ริมทรัพย์​ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์​ สามารถให้ผลตอบแทน​เฉลี่ยประมาณ​ 5​% ต่อปี​ เลยทีเดียว​
5.​ การลงทุนในทองคำ
ทองคำ​ เป็นช่องทางการลงทุนที่คนไทยคุ้นเคยกันมานาน​ เพราะเชื่อว่า​ มีคุณค่าในตัวเองและป้องกันเงินเฟ้อได้ดี​ โดยราคาทองคำในปี​ พ.ศ.​2508 อยู่ที่บาทละ​ 416 บาท​ จนกระทั้งเคยแตะระดับประมาณ​ 30,000 บาท​ เมื่อปี พ.ศ.​ 2563​ และราคาทองคำจะค่อยๆลดลงมาอยู่ที่ราว​ 24,000 บาทในเดือนมีนาคม​ ปี​ พ.ศ.​ 2564
ถ้าหากลงทุนในทองคำ​ 10​ ปี​ (พ.ศ.​2553​ -​ 2563)​จะได้​ผลตอบแทน​เฉลี่ย​ 2.86 ต่อปี​
6.​ คริปโตเคอร์เรนซี​ เงินดิจิทัล​ ที่ฮิตกันในคนรุ่นใหม่
คริปโตเคอร์เรนซี​ คือ​ สินทรัพย์​ดิจิทัลประเภทหนึ่ง​ เกิดขึ้นมาเพื่อใช้แลกเปลี่ยนเสมือนเป็นเงิน​ แต่ไม่มีรูปร่าง​ จับต้องไม่ได้เหมือนธนบัตรหรือเหรียญ​ ซึ่งจัดว่าเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี​ เป็นทรัพย์ดิจิทัล​ ที่สามารถซื้อขาย​ แลกเปลี่ยน​ และสะสมเพื่อไว้เก็งกำไร​ และได้ผลตอบแทนสูง​ มาก ขึ้นอยู่กับราคาเหรียญในปัจจุบั​น​ และ​ราคาผันผวนสูงมาก​
สำหรับใครที่ต้องการลงทุนต้องศึกษาก่อนการลงทุน
ในการเอาชนะเงินเฟ้อในระยะยาว​ นอกจากพยายามหาช่องทางการลงทุนที่ให้ผล​ตอบแทน​สูง​แล้ว​ยังต้องมีอีก​ 2​ ปัจจัย​ คือ​ ความต่อเนื่องและระยะเวลาการลงทุน​ ถ้าเริ่มต้นลงทุนตั้งแต่อายุน้อยๆและใส่เงินลงทุน​สม่ำเสมอ​ ไม่เพียงจะชนะเงินเฟ้อแล้วยังมีโอกาสได้รับประโยชน์​จากผลตอบแทน​ทบต้น​ ซึ้งทำให้เงินลงทุนเติบโตได้อย่างเต็มที่
ถ้าผิดพลาดประการ​ก็​ ขออภัยนะครับ😁
โฆษณา