Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Kakommzlife
•
ติดตาม
28 ธ.ค. 2021 เวลา 15:51 • หนังสือ
Book Review By Kakommz : รุ่งอรุณแห่งการเปลี่ยนแปลง Defining Moment
สวัสดีผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านด้วยนะครับ ผม Kakommz วันนี้ผมก็มีหนังสือดีดีที่อยากมาแนะนำให้ผู้อ่านทุกท่านได้รับชมอีกเช่นเคยครับ และในส่วนของหนังสือที่จะนำมารีวิวนั่นก็คือ "รุ่งอรุณแห่งการเปลี่ยนแปลง Defining Moment" เขียนโดยคุณ รวิศ หาญอุตสาหะ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเจ้าของเพจ Mission to the Moon และเป็น CEO ของ บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด นั่นเองครับ
โดยหนังสือเล่มนี้คุณรวิศ ได้สรุปบทเรียนที่ได้มาจากการเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 ที่ต้องทำให้บริษัทหรือองค์กรต่างๆ ปรับเปลี่ยนวิธีคิดหรือระบบการทำงานต่างๆ เพื่อทำให้องค์กรยังสามารถดำเนินต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม บทเรียนเหล่านี้ ก็สามารถนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตได้เช่นกัน
ในวันนี้ผม Kakommz จึงขออนุญาตหยิบยกตัวอย่างภายในหนังสือบางส่วน รวมไปถึงขออนุญาตใส่ความคิดเห็นส่วนตัวเพิ่มเติมในแต่ละหัวข้อนั้นๆ เพื่อเพิ่มความเข้าใจมากขึ้น และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามารับชมพร้อมกันได้เลยครับ
Defining Moment
1,000 ชั่วโมงนับจากนี้
Cr. : https://pixabay.com/th/users/geralt-9301/
คุณรวิศ ได้มีโอกาสฟังตอนที่คุณต่อ-ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี เจ้าของกิจการ Penguin Eat Shabu ว่าในช่วงที่กำลังลำบากสุดๆ มีลูกน้องเดินมาบอกว่าไม่ขอรับเงินเดือนก็ได้ ทำงาน 7 วัน โดยไม่มีโอทีก็ได้ ซึ่งตามหลักความเป็นจริง อย่างไรก็ตาม เจ้านายยังต้องจ่ายเงินเดือนให้ลูกน้องตามปกติครับ แต่เมื่อฟังแบบนี้ ผมเชื่อว่าคุณต่อและเจ้านายอีกหลายคนจะได้ใจไปเต็มๆ
ฉะนั้น ถ้าพูดในมุมมองของพนักงานเป็นหลัก คุณรวิศ ก็ได้หยิบยกตัวอย่างจากคุณโจ้-ธนา เธียรอัจฉริยะ ที่เขียนไว้ในเพจ "เขียนไว้ให้เธอ" ในเรื่องวิกฤตของบริษัทคือโอกาสครั้งใหญ่ของลูกจ้าง โดยในวิกฤตนี้ โอกาสของลูกจ้างจะมีอยู่สองจังหวะคือ
1. ทำงานที่คนอื่นไม่อยากทำ และใช้ความทรหดเข้าสู้
2. ในยามวิกฤตของบริษัทก็แสดงฝีมือ ไม่เกี่ยงงาน ทำงานหนักกว่าคนอื่น
เมื่อเหตุการณ์วิกฤตผ่านไป เจ้านายจะจำได้แน่นอนว่าใครทำงานเสียสละ ทุ่มเท ช่วยให้องค์กรผ่านวิกฤตไปได้ ในทางตรงกันข้าม ถ้าใครถือโอกาสนี้ ทำงานเหมือนลาพักร้อน ทำไปแบบส่งๆ เจ้านายก็จำขึ้นใจเหมือนกันครับ
นอกจากมุมมองของพนักงานแล้ว มุมมองของเจ้านาย ก็นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ใหญ่หลวงเช่นกัน เพราะภายใต้วิกฤตโควิด-19 หรือวิกฤตอื่นๆ อาจทำให้เจ้านายต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดขององค์กรอย่างมหาศาล ซึ่งอาจเป็นตัวกำหนดได้เลยว่า ธุรกิจของเราจะได้ไปต่อหรือจบเพียงเท่านี้
ส่วนตัวผมจึงอยากกล่าวว่า ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสครับ พยายามใช้โอกาสและลงมือทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรให้ได้มากที่สุด เพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานะเจ้านายหรือพนักงานก็ตาม 1,000 ชั่วโมงนับจากนี้ จะเป็นตัวชี้วัดผลจากสิ่งที่เราทำ และสิ่งที่คุณได้ลงมือทำจะส่งผลลัพธ์ในทางที่ดีไม่มากก็น้อยแน่นอนครับ
Tight-Loose-Tight
ตึง-ผ่อน-ตึง
Cr. : https://pixabay.com/th/users/mohamed_hassan-5229782/
ในหัวข้อนี้ คุณรวิศ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณซิกเว่ เบรกเก้ ซีอีโอของ Telenor Group ซึ่งได้พูดคุยในเรื่องของหลักการบริหารของผู้นำแบบ trust-based leadership นั่นเองครับ แล้วเจ้า trust-based leadership นี้คืออะไรล่ะ?
trust-based leadership คือ พื้นฐานของความไว้วางใจ ในรูปแบบของ Tight-Loose-Tight ครับ
Tight
Tight แรกคือการกำหนดความคาดหวัง การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนครับ ซึ่งความคาดหวังนี้เปรียบเสมือนเข็มทิศเพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าต้องไปทางไหน อะไรคือเรื่องสำคัญที่ต้องใช้เวลากับมัน และอะไรที่ควรปล่อยผ่าน ถ้าทุกคนในองค์กรเข้าใจในส่วนนี้มากขึ้น เวลาทำงานก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วยครับ
Loose
Loose คือวิธีการทำงานที่มีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ให้พนักงานมีอิสรภาพในการออกแบบวิธีการทำงานของตัวเองได้ สั้นๆ คือมี autonomy ในการทำงานนั่นเองครับ
Tight
Tight สุดท้ายคือการติดตามวัดผล ตัวของผู้นำต้องเข้าใจการติดตามงานที่ดี มีการวัดผลที่ดี และควรให้ฟีดแบ็กที่ดี มีการวัดความก้าวหน้าของงานอย่างเป็นระบบทั้งสองทางเพื่อให้การทำงานดีขึ้นเสมอ
ดังนั้น trust-based leadership จึงเปรียบเสมือนอาวุธที่สำคัญในการจัดการบริหารในยุคที่อนาคตมีความผันผวนสูงเช่นนี้ อึกทั้งยังสามารถเป็นเกราะป้องกันให้พนักงานมีความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานและสร้างประสิทธิภาพในการทำงานที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ดังที่คุณ Ronald Reagan กล่าวไว้ว่า
"The greatest leader is not necessarily the one who does the greatest things. He is the one that gets the people to do the greatest things."
"หัวหน้าที่ยอดเยี่ยมที่สุดไม่จำเป็นต้องทำเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุด แต่เขาเป็นคนที่สามารถทำให้คนอื่นทำเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุดได้ต่างหาก"
The Amount of Joy
นิสัยเล็กๆ เปลี่ยนชีวิต
Cr. : https://pixabay.com/th/users/life-of-pix-364018/
หัวข้อต่อมา คุณรวิศ ได้นำเสนอนิสัยเล็กๆ หลายอย่าง ที่เมื่อทำไปนานๆ แล้ว มันจะเปลี่ยนชีวิตของเราได้อย่างมหาศาล ซึ่งภายในหนังสือนั้นมีหลากหลายข้อมากๆ ด้วยเหตุนี้ ผมจึงขอหยิบมา 5 ตัวอย่าง เพื่อการอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมที่ละเอียดและกระชับมากขึ้นครับ
1. กินอาหารอย่างมีสติ
เวลากินอาหาร ขอให้โฟกัสกับการกินจริงๆ อย่าเล่นมือถือหรือทำอย่างอื่นไปด้วย นอกจากจะช่วยเรื่องสุขภาพแล้ว ยังเป็นจุดเริ่มต้นในการควบคุมน้ำหนักที่ดีอีกด้วย
2. มีหนังสือติดตัวเสมอ
ในข้อนี้ ส่วนตัวผมเองก็เริ่มทำมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และมันทำให้ตัวของผมเริ่มอ่านหนังสือมากขึ้นด้วยครับ ผมจึงขอแนะนำว่ามีหนังสือติดตัวหรือวางไว้หลายๆ ที่ ทั้งในห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือในรถ การทำแบบนี้ช่วยให้เราอ่านหนังสือได้เพิ่มมากขึ้นจริงๆ ครับ
3. จดทุกอย่างที่คิดออก
เรื่องนี้ช่วยตัวของผมได้เยอะมากๆ ครับ เพราะถ้า "จำไม่หมด จดย่อมดีกว่าจำ" (โฆษณาตัวหนึ่งกล่าวไว้) และอย่างที่คุณรวิศ กล่าวไว้เช่นกัน "อย่าพึ่งแต่ความจำ เพราะเราไม่สามารถจำไอเดียของเราทุกอย่างได้แน่นอน" ฉะนั้น การพกปากกากับกระดาษติดตัวไว้ หรือใช้สมาร์ทโฟนในการพิมพ์สิ่งต่างๆ ที่สำคัญไว้ ย่อมทำให้คุณสามารถย้อนกลับมาดูไอเดียอย่างละเอียดอีกครั้งได้อย่างแน่นอน
4. นั่งสมาธิ 3 นาที
คุณรวิศ กล่าวว่า "ถ้าการนั่งสมาธิ 10 นาทีนานไป ขอแค่ 3 นาทีก็พอครับ แล้วคุณจะพบว่าจิตใจของคุณสงบมากขึ้น" และส่วนตัวผมเองขอเสริมครับว่า เมื่อคุณลองนั่งสมาธิไป 3 นาทีแล้ว คุณจะเริ่มนั่งนานขึ้นเรื่อยๆ จาก 3 เป็น 5 นาที จาก 5 เป็น 10 นาที และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนครับ
5. ดื่มน้ำทุกชั่วโมง
การดื่มน้ำ จะทำให้ร่างกายสดชื่นและสมองปลอดโปร่ง การพกกระติกน้ำประจำตัวไว้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆ ครับ
ตัวอย่างเหล่านี้ ทำเพียงแค่วันสองวันอาจไม่เห็นผล แต่เมื่อคุณลองทำเรื่อยๆ จนติดเป็นนิสัย นิสัยเล็กๆ เหล่านี้ จะเปลี่ยนชีวิตคุณได้อย่างมหาศาลครับ
Wake-up Call
เราสามารถทำอะไรได้บ้าง
Cr. : https://pixabay.com/th/users/mohamed_hassan-5229782/
หัวข้อสุดท้ายนี้ ผมขออนุญาตแทนที่เนื้อหาด้วยการเล่าประสบการณ์ของตัวผมเองครับ ต้องขอบอกก่อนว่า แต่ก่อนผมรู้สึกไม่กล้าที่จะลงมือทำในหลายสิ่ง เพราะรู้สึกกลัวและคิดว่าถ้าเริ่มต้นแล้ว และมันเกิดล้มเหลวขึ้นมาจะทำให้ผมรู้สึกไม่ดีจนไม่อยากจะทำอะไรอีก จึงทำให้ผมต้องใช้ความกล้าพอสมควรครับในการเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนบทความ อัด Podcast หรือแม้กระทั่งกลับไปเรียนใหม่อีกครั้ง
แต่เมื่อได้ลงมือทำไปแล้ว ผมก็พบว่า ถ้าจะลองทำตัวของผมก็พอทำได้ครับ ถึงแม้จะไม่ได้ดีมากแต่ก็พอจะเอาตัวรอดได้ในการทำสิ่งใหม่ ฉะนั้น สิ่งที่ผมอยากจะขออนุญาตบอกกับผู้อ่านที่น่ารัก ก็คือ ถ้าหากคุณกำลังอยากลองทำสิ่งใหม่แต่ยังมีความกังวลว่าจะล้มเหลว ผมขอให้คุณลองทำมันดูครับ จะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยคุณจะไม่เสียใจเลยครับ เพราะคุณได้เริ่มลองลงมือทำไปแล้วนั่นเอง และนั่นอาจจะเป็น "รุ่งอรุณแห่งการเปลี่ยนแปลง" ของคุณก็เป็นได้ครับ
สุดท้ายนี้ ผม Kakommz ต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่กับ Book Review By Kakommz ครั้งหน้า สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
About Fact
ชื่อหนังสือ : รุ่งอรุณแห่งการเปลี่ยนแปลง Defining Moment
ผู้เขียน : รวิศ หาญอุตสาหะ
ราคา : 249 บาท
หมวดหมู่ : จิตวิทยาพัฒนาตัวเอง
สำนักพิมพ์ : KOOB
Cr. : ภาพถ่ายโดยผู้เขียน
ภาพหน้าปกโดยผู้เขียน
บทความ Book Review อื่นๆ ที่น่าสนใจของผู้เขียน
- Book Review By Kakommz : THE LOST SKILL ทักษะที่หายไปในศตวรรษที่ 21
https://www.blockdit.com/posts/61ab67a7dc05180cae18eff9
- Book Review By Kakommz : ชีวิตติดปีก ด้วยศิลปะแห่งการ "ช่างแ_่ง" THE SUBTLE ART OF NOT GIVING A F*CK
https://www.blockdit.com/posts/61a88659cb3e0b0cb0e5d249
- Book Review By Kakommz : The Why Café คาเฟ่สำหรับคนหลงทาง
https://www.blockdit.com/posts/617e3415c546370caae7eba9
- Book Review By Kakommz : หัดขวางโลกบ้างก็ไม่เลวนะ EVIL PLANS
https://www.blockdit.com/posts/6144aabd2802610fe1cd4d98
- Book Review By Kakommz : START WITH WHY ทำไมต้องเริ่มด้วย "ทำไม"
https://www.blockdit.com/posts/61327158877f3d103698560b
- Book Review By Kakommz : SUPER LEVEL กลยุทธ์สร้างความต่างขั้นเทพ
https://www.blockdit.com/posts/60ec020e4e43d50c9afa1bed
- Book Review By Kakommz : นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ
https://www.blockdit.com/posts/60bc85c49e48070c644a9afe
- Book Review By Kakommz : ช่างหัวคุณสิครับ! IGNORE EVERYBODY
https://www.blockdit.com/posts/60ae788ef9d4510c9ceac1cf
- Book Review By Kakommz : คนทำงานเร็วทำอะไรตอนที่เราไม่เห็น
https://www.blockdit.com/posts/6093f32bffd86133e88384f1
- Book Review By Kakommz : SUPER PRODUCTIVE
https://www.blockdit.com/posts/608c02fe9c630311e0228074
- Book Review By Kakommz : เป็นเราคือพิเศษ
https://www.blockdit.com/posts/6084927974fe930c5608ed49
- Book Review By Kakommz : รื้อ สร้าง ต่าง โต REINVENT
https://www.blockdit.com/posts/605e0dd223471b0c30cc6c6d
- Book Review : Future Mindset เมื่อวิธีคิดที่คุณมี ใช้กับงานในวันพรุ่งนี้ไม่ได้
https://www.blockdit.com/posts/6049f019a5c1d52f0319bd07
- Review Book : โลกนี้สอนให้รู้ว่า...
https://www.blockdit.com/posts/6027a0784a6d450bb2a78037
- Review Book : Speech Secret เทคนิคการพูด เพื่อความสำเร็จก้าวหน้า
https://www.blockdit.com/posts/601790dd0c108e0bb3832547
ช่วง แอบขายของ ของ Kakommz
สามารถร่วมอุดหนุนและเป็นเจ้าของสติกเกอร์ไลน์สุดน่ารัก
[Komjung The Series 1] ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่
https://line.me/S/sticker/13337889/?lang=en&ref=gnsh_stickerDetail
สามารถติดตาม Kakommz ได้ที่
Facebook :
https://m.facebook.com/Kakommz/
Instagram :
https://instagram.com/kakommzlife
Blockdit :
https://www.blockdit.com/kakommz
TrueID In-Trend :
https://creators.trueid.net/@Kakommz
Line :
https://timeline.line.me/user/_dW-yhdWCml2GiDBTSCgpqQ_TJ7lUoNo7oCdFzQc
StoryLog :
https://storylog.co/Kakommz
YouTube :
https://youtube.com/channel/UCBrut7T6931pUEH4rarTHyQ
2 บันทึก
3
2
8
2
3
2
8
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย