23 ม.ค. 2022 เวลา 13:48 • ท่องเที่ยว
เขาช้างเผือก,ทองผาภูมิ,กาญจนบุรี⛰
เส้นทางเดินป่าระยะทาง 8 km ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ มุ่งขึ้นสู่จุดพักแรมที่ตั้งอยู่บนสันเขา ทางเดินชันและแคบ จุดที่เลื่องลือกันอย่างสันคมมีด แต่มีคนบอกว่า ”ความท้าทายของเส้นทางนี้น่าจะเริ่มตั้งแต่การจอง” ว่ากันว่าจองยากกว่าเดิน เพราะวันนึงรองรับนักท่องเที่ยวแค่ 60 คน ผมส่งข้อความไปหา “ทีมงานคลุกฝุ่นทัวร์ (facebook)” หลังจากจองวันเสร็จก็ทำได้แค่รอ ให้ทางคลุกฝุ่นทัวร์ช่วยทำการจองให้ และการจองนี้ไม่สามารถการันตีอะไรได้เลย สิ่งที่ทำได้คือ”ลางาน” และ “เฝ้ารอ”
1
ตอนไปถึงฟ้าครึ้มมาเลยยย แต่ถึงสองคนแรกนะ
📍ข้อความหลังจากนี้คือการเล่าให้ได้อ่าน “จะไม่ใช่การรีวิว จะเป็นการเล่าให้ฟัง ให้ได้อ่าน “
ด้วยความที่ว่าอยากไปมาก ผมเอาของมาเช็คตั้งแต่ยังไม่คอนเฟิร์มเลยว่าจะได้เดินหรือไม่ได้เดิน แต่ก็ดีจะได้ร้ว่าขาดเหลืออะไร สรุปว่าของเพียงพอสำหรับการขึ้นเขา แต่เอ๊!!! มีโฆษณา จานซิลิโคลน seatosummit ลอยผ่านเข้ามา เข้าไปดูแล้วก็น่าจะมีประโยชน์เพราะพับเก็บแล้วแบนๆ ไม่เปลืองพื้นที่กระเป๋า อ้าววว!!! ผ้าเช็ดตัวนี่หว่าดูดีน่าสนใจ กดมาอีก โอเคพอ
“ 7 วัน ก่อนวันขึ้นเขา “
มีประกาศแจ้งในกลุ่มไลน์ว่าการจองของผมสำเร็จ นั่นหมายถึง ได้ไป นั่นหมายถึงมีเวลาอีกเจ็ดวันที่จะต้องหาวิธีเดินทาง ผลการจองออกปุ้ปดีใจใหญ่ แต่ต้องใจเย็นๆก่อนนะ เอาอย่างงี้ดีกว่า ผมจะเล่าให้ฟังว่ากระบวนก่อนจองของผมเป็นมายังไง คือผมกับเพื่อนไปเจอ เพจคลุกฝุ่นทัวร์ เห็นว่ามีการจัดทริปเดินเขาช้างเผือก โดยที่เรามีหน้าที่แค่เลือกวันที่อยากจะไปเดินขึ้น แล้วจ่ายเงินให้ทัวร์ โดยหนึ่งวันทางคลุกฝุ่นรับแค่ไม่เกิน12คน เมื่อครบทุกกระบวนการแล้ว ก็รอรอรอ การคอนเฟิร์มจะเกิดขึ้น 7 วันก่อนขึ้นเขา และหากในรอบของเราไม่สามารถจองได้ ทางคลุกฝุ่นทัวร์จะคืนเงินเต็มจำนวน แต่ถ้าจองได้แล้วเราไม่ได้ไปจะไม่มีการคืนเงินใดๆทั้งสิ้น (ติดโควิดเก็บเป็นเครดิต50%สำหรับทริปอื่นๆ)
🚧 ทั้งหมดนี้คืนการยอมจ่ายมากกว่าปกติน้ดหน่อยเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยจอง
ขึ้นรถไฟครั้งแรก
1วันก่อนขึ้นเขา
ผมเลือกเดินทางด้วยรถไฟ ออกจากสถานี ธนบุรี-กาญจนบุรี รถไฟสายนี้ดันไปไม่ถึงทองผาภูมิหรือหมู่บ้านอีต่อง แต่ไม่ต้องตกใจไปทั้งหมดอยู่ในแผน เพราะตอนจองทริปผมจองกับเพื่อนไว้สองคน(คนอื่นๆในทีมเดียวกันอีก10คน) ออฟมันขับรถยิงยาวมาจาก พังงา มานอนรออยู่ที่เมืองกาญจนบุรี นัดเจอกัน ประมาณ11โมงที่สถานีรถไฟกาญจนบุรี เพื่อเดินทางต่อไปที่หมู่บ้านอีต่อง ให้ทันก่อนบ่ายสามเพราะต้องไปตรวจโควิด เพื่อเอาผลตรวจแนบเอกสารเพื่อเข้าอุทยาน ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงบนเส้นทางเมืองกาญฯ-เหมืองปิล็อก ทางก็ไม่ได้ยาก ช่วงปลายทางก่อนถึง ทางจะโค้งเยอะหน่อย ขับช้าๆ ก็ไม่ได้อันตรายอะไรมากมาย ถึงหมู่บ้านปุ๊ป ผมก็ไปหา อนามัยบ้านอีต่องเป็นอันดับแรก เปิดประตูด้วยความมั่นใจ “สวัสดีครับ มาตรวจโควิดเอาผลไปใช้เข้าอุทยา………บลาๆ……..” หมอเวรตอบ” วันนี้วันอาทิตย์ อนามัยไม่รับตรวจ ทางอุทยานไม่ได้แจ้งเหรอ”
ทางทีมงานน่าจะแจ้งไว้แล้ว แต่พวกผมนั้นแหละที่ไม่ได้อ่านให้ดี แทบทรุดเพราะหมอบอกให้ไปตรวจในเมือง นั่นหมายถึง ไปกลับใช้เวลาอีก 6 ชม. แน่นอนว่าผมกับออฟไม่เลือกแก้ปัญหาด้วยการขับรถไกลแน่นอน ตัดสินใจไปเช็คอินโรงแรมก่อนดีกว่า แล้วโทรปรึกษาทีมงานคลุกฝุ่น
รับสายจากพี่แต้ว แนะนำให้ตรวจออนไลน์ ห้ะ!!!! ตรวจออนไลน์จะมีได้ไง แต่มันมีจริงๆครับทุกคน อันนี้แนะนำเลยครับ ผมมีหน้าที่หาชุดตรวจให้ได้ ซึ่งด้วยน้ำใจของพี่ๆจากทางที่พัก ก็ได้แบ่งขายชุดตรวจมาให้ผม เมื่อได้ชุดตรวจแล้วก็เตรียมตัวโหลดแอป All PharmaSee เพื่อวิดีโอคอลกับหมอ ตลอดการตรวจจะมีหมอดูและให้คำแนะนำ แหละจากได้ผลเป็นลบ ทางหมอ จะออกผลรับรองให้ทางแอพหมอพร้อม อ้าาาา!!!!! สบายใจ เสร็จเรื่องเสร็จราวสักกะที ไปเดินเล่นในหมู่บ้านดีกว่าาาาาา 🌤
เดินได้ครู่นึง ก็ส่งข้อความไปบอกทีมงานว่า ผมรวจเรียบร้อยแล้วนะ และที่ตอบกลับมาคือว่า ปริ้นไปด้วยนะ 55555555 ผมจะปริ้นที่ไหนละครับ !! โถ่ วัดไปเลยดีกว่า ทำไมจะใช้ผลที่อยู่ในแอพไม่ได้ ทำไมต้องปริ้น มีแอพทำไมไม่ใช้แอพว้ะ แต่มีแว้บนึงก็คิด มาตั้งไกลถ้าไม่ได้มีเอกสารแล้วไม่ได้เดิน เสียหายหลายแสน ลองหาเครื่องปริ้นจากทางที่พัก
ที่พัก: ของผมเคยมีนะแต่พังไปแล้ววว 😅 ลองไปหาจากไปรษณีย์หมู่บ้านสิครับ
ไปรษณีย์: ที่นี่ไม่มีหรอกครับเครื่องปริ้น แต่ถ้าไปที่บ้านผู้ใหญ่น่าจะช่วยได้ ร้านค้าตรงนู้นนนน ลองไปถามดูครับ
[ถึงร้านค้าผู้ใหญ่ปุ้ป มองด้วยตาลูกค้าอย่างเยอะ ถามคนไหนดีเนี่ย คนใหญ่คือผู้ใหญ่ คนไหนเมียผู้ใหญ่ หรือจะถามคนที่เสริฟอาหารดี ยืนเกรงใจอยู่นาน มองไกลๆไปเห็น ป้อมตำรวจ ก็เดินไปป้อม ]
ป้อมตำรวจ : ไม่มีหรอกครับ ไม่มี แต่ที่สถานีใหญ่น่าจะมี
🚗 สามทุ่มโดยประมาณ พวกเราสองคนบุกโรงพัก ไฟเปิดอยู่น้อยมาก เปิดประตูเข้าไป ไม่มีตำรวจเวร ไม่มีใครสักคนเดียว ยืนรอคิดว่าคงไปเข้าห้องน้ำ สักครู่ใหญ่ก็ไม่มา เดินไปหาใครสักคนที่บ้านพักดีกว่าเผื่อเขาจะติดต่อได้ สรุปตำรวจคนนั้นนอนพักอยู่ แต่ลุกขึ้นมาช่วยอย่างเต็มใจ ช่วยเต็มที่ แม้ในโรงพักจะมีคอมที่ใช้งานได้เครื่องเดียว แม้ว่าต้องยกเครื่องปริ้นจากนู้นนนนนน มาปริ้นนี่ ก็มีท่าทีเต็มใจ แต่บอกกับผมว่า “อุปกรณ์ที่นี่ไม่ค่อยพร้อมช้าหน่อยนะครับ งี้แหละโรงพักบ้านนอก ใครจะเหลียวแล” โอ้คุยกันเยอะอยู่ ไม่เล่าดีกว่า เดี๋ยวจะยาวเกินไปกว่าจะได้ขึ้นเขา ไปครับปริ้นเสร็จแล้ว นอนนนนน!!!
ตื่น ตี 4:50 เพราะมีนัด 5:30 เข้าห้องน้ำ เอ๊!!!! ไฟดับ ปั๊มน้ำไม่ทำงาน ระบบแก๊สทำน้ำอุ่นไม่ทำงาน ไม่ต้องอาบน้ำสิครับ ล้างหน้าแปรงฟัน มุ่งหน้าไปอุทยานเป้าหมายคือรถตู้ของ ทีมงานคลุกฝุ่นทัวร์ที่มากับลูกทัวร์ 10 คนจาก กทม นัดมาเจอกันที่อุทยาน เพื่อลงทะเบียน ตอน 6:00 แน่นอนว่าคนที่รับลงทะเบียน คือคุณน้าคนนี้ ที่หลายๆคนคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี(ถ้าหาดูคลิปเขาช้างเผือกเยอะๆ) คุ้นหน้ามาก จำเสียงได้แม้ไม่เคยเจอกันตัวเป็นๆมาก่อน หลังจากลงทะเบียนเสร็จพอมีเวลาก่อนออกเดิน ผมกับออฟกลับไปที่พักเพื่อย้ายของออกไปเก็บในรถ และหวังว่าจะอาบน้ำ ไปถึงน้ำยังเป็นสภาพเดิม ออฟบอกว่า กูอาบได้ อาบได้ก็อาบเลย ผมไม่อาบ 5555555 อาบทำไมเมื่อคืนอาบแล้ว ไม่สกปรกหรอกกกก!!!!!!
ก่อนถึงป้ายยินดีต้อนรับ
เอาละครับ!!!! สารภาพตรงนี้เลย ตั้งแต่เดินเสร็จขี้เกียจมาหลายวัน วันนี้มีพลังงานบางอย่าง ดันผมลุกขึ้นมาเขียน ไปครับเราเล่าแบบขี้เกียจๆมานาน ณ บัดนี้เรามาถึงตีนเขากันแล้ว ไปลุยกันครับบบบบบบบ!!!!!!
ตามสไตล์คนติดกาแฟแหละครับหาร้านกาแฟก่อน พี่แต้ว(คลุกฝุ่น)บอกว่ามานี่ๆตามเจ๊มา เดี๋ยวแนะนำร้านเด็ดให้ ไปปุ้ปคนเยอะไม่ทันตามนัดแน่ งั้นก็ต้องอีกร้านแหละ เด็ดเหมือนกันแหละมั้ง (แล้วแต่ชอบนะครับเรื่องกาแฟตัดสินกันยาก)
รวมตัวกันที่ป้ายในหมู่บ้าน ป้าย 8 กิโล เขาช้างเผือก พวกเราทีมงานลูกทัวร์ 12 คน และอีกสามสี่คนที่มาพร้อมกัน พร้อมด้วยพี่เจ้าหน้าที่หนึ่งคนถ้วน
ออกเดินทางเป็นชุดแรก ลงจากหมูบ้าน ลัดเลาะเข้าป่า เดินเป็นแถวเรียงหนึ่งระเบียบเรียบร้อย ไม่แตกแถว ไม่มีพัก จนกระทั่งไปถึง ป้ายยินดีต้อนรับ สู่เขาช้างเผือกผมดูมาเยอะผมรู้ว่าเดี๋ยวจะได้พัก สบายๆ ถึงตรงนั้นีเจ้าหน้าที่รอเช็คชื่อ
...นายทวีสิน : ค้าบบบบบบ โอเคถ่ายรูปรวมหน่อย อ้าวไม่มีไอออฟเพื่อนผมอยู่ไหน อ่อนั่งเอาพลาสเตอร์ยาติดข้อเท้ากันรองเท้ากัด อดถ่ายรูปเลย แชะๆๆ เจ้าหน้าที่บอกว่า เชิญเลยครับเดินตามสบายตามกำลังเลยครับ ให้ทายคนที่จะออกคนแรกคือใคร ทายสิ ทายยยย 5555555 ไม่ใช่ผม แต่เป็นเจ๊แต้ว หัวทริปของเรา เดินออกไปก่อนเลยและ ตะโกนว่า มาๆๆๆ เรียกใครก็ไม่รู้
ออฟติดพลาสเตอร์เสร็จเริ่มออกกลางๆ เดินไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ สองคน สักครู่เดียวมองเห็นด้านหน้า แต่ตามอยู่นานไม่ถึงสักที ระหว่างเดิน ผมว่าทางราบๆผมเดินด้วยความเร็ว ปกติที่เดินทั่วไปตอนที่ไม่มีกระเป๋า ช่วงออกเดินแรกๆ คือการเดินไปจัดกระเป๋าไปให้เข้าที่เข้าทางเดินได้สะดวก เดินไปสักพกเครื่องร้อน เดินเร็วขึ้นหน่อยนึง หน่อยเดียวเท่านั้น ก็ไปทันพี่ด้านหน้า
Step up
เจอเนินขึ้นซึมๆ ผมพยายามไม่เร่งไม่ดันเดิน เพราะรู้ว่าตัวเองไม่ได้แรงขาดีเหมือนแต่ก่อน ก้าวสั้นๆถี่ๆ เผื่อใจเอาไว้เจอทางโหดๆ ที่ไหนได้ ขึ้นๆลงๆ ไม่เหนื่อยมากกลายเป็นสนุกฉย อากาศก็เย็นๆ เหงื่อออกหน่อยๆ เจอลมพัด สบายใจเฉิบ หยุดพักแปปเดียว เหงื่อแห้ง เดินต่อ
อ้าวเจอทางลงซึมๆ ก็คิดถึงเพื่อนๆที่ไปเดินเขาลูกก่อน(เขาพระเหมน)ด้วยกัน ขากลับจากเขา พวกเราวิ่งหนีฝนด้วยกัน เอาวะ วิ่งสักหน่อยสนุกๆ สัก 2-300 เมตร ถึงกอไผ่อะไรสักอย่างหยุดพัก รอออฟ จริงๆคือเหนื่อยต้องหยุด แล้วเราก็เดินไปถึงครึ่งทางจนเจอ เจ๊แต้วของเรา
เริ่มมีแดดอุ่นๆ หญ้าเหลืองๆ เริ่มร้อน แต่ลมก็หนาวอยู่ดี สบายได้อยู่ ไอ้ปัญหาของผมเลยทริปนี้คือ ไอ้แดดอุ่นๆ กับ ลมหนาวๆนี่แหละที่หลอกผมว่า อากาศสบาย ไม่ต้องใส่หรอกปลอกแขน สุดท้ายแขนไหม้ คอไฟม้ จมูกลอก "ตอนกลางคืนคิดไปเองว่า โห อากาศหน้าจนหน้าแดงจมูกแดงเลย สุดวะ (แบบต่างชาติลุยหิมะ) ที่ไหนได้มาคิดได้ตอนหลังว่า แดดเผา "
2
แบรนด์กระเป๋าเอารูปนี้ไปแชร์ด้วยแหละ (หัวโล่งจังไม่มีหมวกเล้ยยยย)
นี่แหละ ผมเห็นคนไปแล้วชอบถ่ายตอนเดินลง ไอผมก็อยากจะถ่ายให้มันสวยๆ อย่างที่คนอื่นถ่ายกันบ้าง มุมนู้นมุมนี้ ก็ดูมาบ้างงงง คิดดูว่าเด็กชายๆ สองคนยืนผลัดกันถ่ายรูป โอ้พอเลยๆ เดินลงไปกางเต็นท์ดีกว่า
ถ่ายจนถึงขั้นที่ แถวบ้านเรียกว่า ปล้ำตัว พูดกันกับออฟว่า ปล่อยให้เขาสงสัยแล้วมาดูเองบ้างดีกว่า 🌻 สำหรับผมภูมิประเทศที่ต่างไปจากภาคใต้ที่นี่ทำผมตื่นตามากๆ และถ้าใครจะบอกว่าภาพไม่สวยก็ได้ แต่ผมเห็นด้วยตาจริงๆแล้วว่ามันสวย มีโอกาสก็ลองไปสัมผัสดูนะครับ ผมถ่ายมาให้ดูได้ประมาณนี้แหละ
ไปครับลงไปกางเต็นท์กัน ยังไม่มีคนมา ลานเป็นของเรา เราเลือกได้ เพราะะมีแค่ลูกหาบที่หาบของ ของทีมเรามาถึงแค่นั้น ประชาชนท่านอื่นยังไม่มา 🤣
มีรูปอีกเยอะเลย เอาไปแค่นี้นะ
แม่เจ้าโว้ย ถึงประมาณ 11 โมงมีอาหารติดตัวคือ หมูปิ้งสองไม้ข้าวเหนียวหนึ่งห่อ หิวไม่ไหว ซัดเข้าไป หมดแล้วก็ยังไม่อิ่ม แต่จะกินอะไรละ ไปหาที่นอนที่ดีกว่า แดดก็ร้อน ต้นไม้ก็น้อย นอนในเต็นก็ไม่โดนลม แถมเต็นท์ผมไม่กันแสง สรุปมานั่งเอ๋ออยู่ใต้ต้นไม้ รอเวลาให้ถึงบ่ายสาม ทางเจ้าหน้าที่จะเริ่มแนะนำ และนำทางไปสู่จุดสูงสุดเขาช้างเผือก ผ่านสันคมมีด สบายๆ ก่อนขึ้นเขาถามว่าใครกลัวความสูงบ้าง แน่นอน ผมไม่ยอมรับหรอก 555555 คนเยอะเขิล สูงมากและแคบ สวยยยยย ระหว่างเดินถ้าจะมองผมต้องหลุด แล้วมองวิว ถ้าจะเดินต้องก้มดูทาง ถือว่าเซฟๆ แต่จริงๆแล้วถ้าเดินแล้วมองลงไป ขามันจะเสียววูบ วูบๆๆ 55555 แต่ก็เดินไม่ยอมหยุดหรอก เดี๋ยวคนอื่นรู้ว่ากลัว
การเดินขึ้นสันคมีดของเราจะมีทั้งพี่เจ้าหน้าที่ และพี่ๆ ลูกหาบหลายๆคน อยู่ประจำตำแหน่งที่จุดเสี่ยง จุดอันตราย ต้องขอบคุณพี่ๆเขานะครับ จังหวะปีนลงนี่มองจุดเหยียบไม่เห็น ต้องพึ่งพี่เขาจริงๆ ขอบคุณครับ
นั่นแหละครับ เจ๊แต้ว
คนสุดท้ายเดินมาถึงจุดถ่ายรูปกับป้าย ผมก็เดินลงทันที เพราะมาถึงนานแล้ว ร้อน ไม่ดูแล้ววิว จะไปกินข้าว เดินลงไปถึงจุดแคมป์ก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะเจ๊แต้ว นั่งทำกับข้าววว และหน้าที่ของผมเมื่อมาถึงคือ นั่งไล่แมลงวัน 555555 รอทุกคนลงมาพร้อมหน้าพร้อมตา สิบสิงสิบสามคน ก็เริ่มล้อมวงทานมื้อค่ำ ..คิดในใจ.. น้อยจังวะ จะพอมั้ยวะ ถ้ากินเยอะเอาเปรียบพี่ๆมั้ยวะ .... สุดท้ายเหลือเยอะแยะไปหมด ประเมินปริมาณอาหารตอนหิว ก็มองว่ามันน้อย กินเสร็จก็พี่คนอื่นๆ แยกย้ายใส่ชุดกันหนาว แยกไปอาบน้ำแห้ง แล้วพวกเราก็กลับมาล้อมวงกันอีกครั้ง เหมือนกิจกรรมรอบกองไฟ เปิดประเด็นด้วยการแนะนำตัว ซึ่งแน่นอน ผมสองคนออฟ อายุน้อยสุด และดูเหมือนว่าคนอื่นจะมาพักผ่อนจากงานที่เหนื่อยล้า แต่ละคนโอ้โห ประสบการณ์เยอะแยะมากมาย ในนอกประเทศ ชอบทำกกิจกรรมนู้นนี่นั่น แปลกๆ รู้สึกได้เห็นโลกกว้างขึ้นอีกหน่อยนึงจากการล้อมวงครั้งนี้
และทีเด็ดที่ผมสนใจคือ พี่แต้ว หัวหน้าทีมของเรา ซึ่งเป็นทีมงานของ คลุกฝุ่นทัวร์ สิ่งแรกที่ผมคิดผิดคือ คิดว่าคบุกฝุ่นเป็นทัวร์ธรรมดาๆ แต่ที่ไหนได้ กว้างขวาง ระดับมีทัวร์ต่างประเทศ และอย่างที่สองที่คิดผิดคือ คิดว่าเจ๊แต้วเป็นผู้หญิงธรรมดา แกบอกว่า แกเคยเจ็บจากวิ่งเทรลเพราะ เพิ่มระยะไปเล่นระยะ 70km แกบอกว่ามันเกินตัวไป โดยเพื่อนเชียร์ ถึงจะจบ 50km มาหลายรอบมากๆแล้วก็เหอะ กราบบบบ จบมาแล้วหลายรอบบบบบ เจ๊สุดยอดดด คารวะ อีกทั้งแกมีงานประจำทำวิจัยอะไรสักอย่างน่าจะเรียนอยู่ ว่างจากงานประจำก็มาเป็นไกด์ทัวร์ เท่มากแถมยังได้เที่ยว ได้เงิน อิอิ อันนี้สำคัญ ​ทุกคนเล่าให้ฟังค่อนข้างลึกมากถึงอาชีพ เรื่องส่วนตัว ยกเว้นผมกับออฟไม่มีอะไรจะเล่าจริงๆ เอ้ะหรือจริงๆมีแต่ไม่เล่า 555555 เรื่องออฟมีเยอะ ใครสนิทก็รู้กันดีว่าชายผู้นี้เชี่ยวชาญเรื่องอะไร พอๆๆ
แชะ
แต่ละคนเริ่มพอ ผมแยกออกไปล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมจะเข้านอน ก่อนเข้านอน โชคดีเจอพี่มุ่ง กำลังนั่งถ่ายรูป ถ่ายรูปกับดาว และชวนผมไปถ่ายถ่ายด้วย ขอบคุณครับ ไม่มีปฏิเสธอยู่แล้ว ได้มาสองภาพ ขอบคุณครับ
แสงเช้า ดีมักกกกก
เช้าแล้ว ผมตั้งนาฬิกาปลุกประมาณ 7 โมงเช้า เพราะคิดไว้ว่าตื่นก็ดูวิว ไม่ตื่นก็ไม่ต้องดูจะได้นอนเต็มที่ สุดท้าย ตีห้ากว่าๆ นาฬิกาเสียงที่คุ้นเคยดังแต่ไม่ใช่ของผม ไม่รู้ของใคร อย่างกับหนังตลก คนตั้งไม่ตื่นตื่นคนตื่นไม่ได้ตั้ง ก็ยังดี ขอบคุณนะครับที่ปลุกผมขึ้นมาดูท้องฟ้ายามเช้า บนเขาช้างเผือก มันต่างจากที่เคยเจอนะ คงไม่คิดไปเอง ทั้งแสงและบรรยากาศ เห้ออออ ดีจัง
ล้างหน้าแปรง เก็บของ โห ยุ่งใช่ได้ ผมไม่เคยเล่าให้ฟังใช่มั้ยว่าเครื่องนอนผมีอะไรบ้าง 1.ต้องไล่ผมหมอนรองนอน ม้วนใส่ถุง 2.แผ่นรองนอน ตัวนี้กินเวลาใช้ได้เพราะกว่าจะ ไล่หมดก็ใช้เวลาหลายรอบอยู่นะ 3.ถุงนอน ต้องม้วนให้เล็กเหมือนเดิน ตำแหน่งในกระเป๋าจะได้ไม่เพี้ยน 4.เต็นท์ อันนี้เก็บไม่ยากแต่ต้องเก็บแยก แต่พี่ลูกหาบแกใจดีช่วยเก็บ แกก็ไม่สนใจสเต็ปผมเลย แกก็มาสอนผมว่าเนี่ยๆ ใส่รวมกันไปเลย บลาๆๆ แกร่ายสอนผมยาวผมก็ไม่กล้าขัด กลัวจะเสียน้ำใจ ก็เลยยัดใส่เป๋าไปทั้งใญ่ๆแหละ แล้วค่อยจัดส่วนอื่นของเป๋าใหม่ประมาณ 7.40 น.
มื้อเช้าสุดหรู
เดินลง เอ้อ อันนี้ผมบอกเลยว่าจะเรียกว่าเดินลงก็ไม่ถูกทั้งหมดต้องเรียกว่าเดินกลับ เพราะทางกลับ สองร้อยเมตรแรกเราต้องปีนกลับขึ้นไป ถ้าจำได้วิวตอนมาถึงที่มองเห็นลาน เราก็ต้องเดินกลับขึ้นไปตรงนั้นแหละ เห้อ คิดไว้ว่าจะวิ่งรำลึกเขาเหมนสักหน่อย สุดท้ายโดนตัดกำลัง ได้แค่เดินแบบเร็วๆสับไปเรื่อยๆ น่าจะล้าเกินไป กินน้ำน้อย เดินสักครู่ก็ตามทันคนที่ออกมากก่อน คนแล้วคนเล่า เมื่อใกล้ถึง ป้ายยินดีต้อนรับ ก็ได้เจอกับนั่งท่องเที่ยวชุดใหม่ที่พึ่งจะเดินสวนขึ้นมา ทักทายเหมือนเดิม จะหญิงหรือชาย ทักทายทุกคน หวัดดีค้าบๆๆๆ ยิ่งคนไหนทรงวิ่ง เราจะรู้ๆกัน ด้วยเครื่องแต่งกาย ก็ทักทายยิ้มแย้มเป็นพิเศษ
ถึงหมู่บ้าน ขอโค้กก่อนเลยครับ ขอโค้กกกก ตอนแรกเพื่อนที่เคยมาแนะนำว่า อาบน้ำที่โรงเรียนก็ได้ แต่ผมมาถึงก่อนใครๆ ไม่มีตัวเปิด ผมก็ไม่กล้าไปอาบน้ำ ในห้องน้ำของน้องๆ เพราะว่า เป็นวันเปิดเรียน ก็เลยคุยกับออฟว่า จะไปอาบที่อุทยาน กินน้ำกินท่าให้เสร็จ โยนของเข้าหลังรถ รีบแว๊นจะไปอุทยาน เพื่อว่าเราจะได้เป็นคนแรกๆ ไม่ต้องไปต่อคิวแย่งอาบน้ำ ทิ้งมื้อเที่ยงจากทัวร์ไป เพราะเราสองคนรีบไปต่อ เพื่อไม่ให้ถึงจุดหมายต่อไปล่าช้า ใจจริงผมก็อยากอยู่กินมื้อเที่ยง เพื่อได้บอกลาพี่ๆอย่างเป็นทางการสักหน่อย ยังไม่ได้ขอบคุณพี่แต้วเลย ถ้าเกิดบังเอิญ พี่มุ่งเข้ามาอ่าน ฝากบอกพี่ๆด้วยนะครับ ว่ายินดีอย่างยิ่งที่ได้พูดคุย รับประสบการ์จากพี่ๆ ถ้ามีโอกาสก็ "ไว้เจอกันในป่านะครับ"
โล่งโจ้ง
เห้ย ยังไม่เคยแวะน้ำตก แวะน้ำตกก่อนดีกว่าเผื่อจะมีที่อาบน้ำ สุดท้ายเดินไปดูน้ำตก ดูจนพอใจก็เดินกลับมาห้องน้ำด้านหน้า อาบน้ำ น้ำเย็นมาก สบายมาก สุดๆ ได้อาบน้ำ แต่ห้องน้ำก็สยิวไปหน่อยนะไม่มีประตู และผมไม่อยากให้ กกน.เปียก ทำไงงดีว้าาาา สุดท้ายผลลัพธ์คือ ไม่มีเสื้อผ้าเปียก 55555 (ไม่ยากเลย แต่ใจต้องเด็ด) เสร็จแล้ว จัดลูกชิ้นไปสองสามไม้ เดินทางกันต่อ
ออฟ
ภูกระโจมทอง,ตีนเขากระโจม
ขอปิดท้ายด้วยภาพการพักผ่อน กางเต็นท์ที่สวนผึ้ง มาที่นี่เพราะกินเบียร์ได้ เอ้ย เพระาราชบุรีเป็นทางผ่านลงใต้อยู่แล้ว ก็เลยพักรถพักคน ให้ออฟแว๊นเดียวกลับบ้าน ส่วนนผมกลับเข้ากทม. จบบริบูรณ์
เดี๋ยว ขอแปะ ข้อมูลทางเทคนิคสักหน่อยนะครับ
ขาไปและขากลับ
ขาไปผมเริ่มกดนาฬิกาจาก ป้ายยินดีต้อนรับไปถึงลายกางเต็นท์ ระยะทาง 5.76km 1:52hr.
ขากลับผมเริ่มจากจุดกางเต็นท์กลับจนถึงป้าย8กม.เขาช้างเผือก ที่ปักอยู่กลางหมู่บ้าน ระยะทาง 7.05km 1:54hr.
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะครับ ผมก็อาจจะเล่าสนุกบ้างไม่สนุกบ้าง รอบนี้เขียนช้าด้วย กว่าจะเขียนเสร็จก็เกือบเดือน วันนี้จังหวะดีวันหยุด จบปิดทริปกันสักที ยังไงก็หาตังเที่ยวกันต่อ
ผมพกกาแฟถุงดริป ที่ทำไปเองจากห้อง กะว่าจะถ่ายรูปสวยๆ ไว้ใช้ขายเป็นโปรดักส์ใหม่สำหรับ คนที่อยากดริปกาแฟที่แคมป์ สะดวกสบาย มีแค่น้ำร้อนกับแก้ว ใครอยากซื้อ บอกได้นะครับ ส่วนจะถ่ายรูปโปรดักส์ ก็คงต้องถ่ายเขาลูกหน้า เอ้าขายของเฉยยย 555555 หาเงินสักหน่อยครับ อยากอัพอุปกรณ์ 🥰
ถึงแล้ว ถึงของจริง
สวยจัง พร้อมเพย์เบอร์โทรนะครับ 555555
โฆษณา