29 ธ.ค. 2021 เวลา 15:27 • ท่องเที่ยว
เขาหัวซาน สุดยอดขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ของเมืองจีนที่มีเส้นทางที่อันตรายที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
เมื่อปี 2019 ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวเมืองจีน ตอนนั้นเป็นช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิบนพื้นราบต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียสหลายเมือง ที่เมืองซีอานที่ผมไปพักอยู่หลายวันก็เช่นกันครับ
เช้าวันนั้นผมเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงออกจากเมืองซีอานในช่วงสาย มุ่งหน้าสู่เมืองหัวซาน เพื่อจะไปพิชิตขุนเขาอันศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 5 ของประเทศจีน
เมืองหัวซานเป็นเมืองเล็กๆ ซึ่งการเดินทางไปยังเขาหัวซานนั้น ต้องเหมารถแท็กซี่จากสถานีรถไฟความเร็วสูงไป ใช้เวลาเดินทางไม่นานนัก ก็เดินทางมาถึงยังจุดบริการนักท่องเที่ยว
ที่ตรงนี้ เป็นจุดขายตั๋วรถโดยสารและตั๋วกระเช้าเข้าชมเขาหัวซาน ซึ่งการเดินทางไปขึ้นกระเช้านั้นมีให้เลือก 2 ทาง คือ กระเช้าทางฝั่งทิศเหนือ และกระเช้าทางฝั่งทิศตะวันตก (ไกลกว่า)
ค่าขึ้นลงกระเช้าทางเหนือจะอยู่ที่ 45 หยวนต่อเที่ยว ส่วนค่าขึ้นลงกระเช้าทางตะวันตกจะอยู่ที่ 120 หยวนต่อเที่ยว ยังมีค่ารถบัสไปอีก รถบัสไปทางเหนือราคา 20 หยวน/เที่ยว รถบัสไปทางตะวันตกราคา 40 หยวน/เที่ยว เพราะเดินทางไกลกว่านั่นเอง
แต่การเดินทางไปขึ้นกระเช้าทางทิศเหนือนั้น ถึงแม้จะใกล้และราคาถูกกว่า แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการเดินทางบนเขาที่ยากและชันกว่า เพราะทางส่วนใหญ่เป็นทางขึ้นเขาล้วนๆ เลย
ลืมบอกไปว่าบนเขาหัวซานนั้นประกอบด้วย 5 ยอดเขา ตามทิศทั้ง 4 ทิศและทิศตรงกลาง รวมกันเป็น 5 ยอด ลักษณะคล้ายกับเงินก้อนหยวนเปาโบราณของจีน
คนส่วนมากมักจะเลือกขึ้นกระเช้าทางทิศตะวันตกมากกว่า เนื่องจากเป็นเส้นทางใหม่ กระเช้าก็ใหม่กว่า แถมยังใกล้กับยอดที่สูงที่สุด คือ ยอดเขาทางทิศใต้ หรือ ยอดห่านป่าโรย นั่นเอง
ยอดเขาทางทิศใต้ที่สูงที่สุดบนเขาหัวซาน
คำแนะนำสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลามากนัก ควรขึ้นทางด้านตะวันตกและลงทางด้านเหนือ เนื่องจากทางจะเดินง่ายกว่า จากด้านตะวันตกมาลงทางเหนือเป็นทางลงเขาล้วนๆ ไม่ต้องเดินขึ้นเขาให้เหนื่อย
แต่คุณก็อาจจะพลาดเส้นทาง "สันหลังมังกรเขียว" ซึ่งถือเป็นไฮไลท์อีกหนึ่งสถานที่บนเขาหัวซาน ที่ต้องเดินทางจากยอดทางทิศเหนือถึงจะผ่านเส้นทางนี้เท่านั้น
ความชันและความเสียวสุดท้าทายของสันเขามังกรเขียว
อีกหนึ่งไฮไลท์ก็คงไม่พ้นทางเดินริมหน้าผา และการไต่เขาไปตามบันไดลิง เพื่อขึ้นไปยังจุดต่างๆ บนเขาหัวซาน เขาหัวซานนั้นติดอันดับต้นๆ ของทางเดินที่อันตรายที่สุดในโลก ซึ่งมีคนเคยตกลงมาตายแล้วด้วย (รวมถึงมีคนไปกระโดดฆ่าตัวตายด้วย)
ทางเดินจากยอดทิศเหนือไปยังยอดอื่นๆ นั้น มีระยะทางค่อนข้างห่างไกลมาก ต้องเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ มีความยากพอสมควร แถมการที่ต้องเดินในฤดูหนาว ซึ่งมีหิมะตกและมีน้ำแข็ง ก็ยิ่งทำให้ทางเดินค่อนข้างลื่นมาก เป็นอุปสรรคในการเดินมากอีกเหมือนกัน
วันนั้นหนาวมาก อุณหภูมิบนยอดเขาติดลบ 5 องศาเซลเซียส แต่เนื่องจากต้องใช้พละกำลังในการเดินมหาศาล ทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมาเอง การมาปีนเขาในหน้าหนาวเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ทำให้เราไม่เหนื่อยมากนัก เดินได้เรื่อยๆ ทั้งวัน
ผมใช้เวลาอยู่บนเขาหัวซานประมาณ 5 ชั่วโมง สามารถพิชิตได้ครบทุกยอดเลย ได้แก่ ยอดทิศเหนือ ยอดตรงกลาง ยอดทิศใต้ ยอดทิศตะวันออก และยอดทางทิศตะวันตก จากนั้นเดินก็วนกลับมาทางยอดทิศเหนือเพื่อลงกะเช้าและต่อรถบัสกลับมายังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้คิดไว้ก็คือ บนเขาหัวซานนั้นมีแมวเยอะมากอย่างไม่น่าเชื่อ ผมเดินไปตรงไหนก็เจอแต่แมว บนเขาท่ามกลางอากาศหนาวเย็นจัดขนาดนั้น แต่บรรดาแมวๆ ก็ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้แบบสบายๆ เลย นอกจากนี้ก็ยังมีน้องหมาด้วยนะ แต่ไม่เยอะเท่ากับแมว
ก่อนหน้านี้ผมก็รู้จักเขาหัวซาน จากการดูหนังจีนกําลังภายใน ที่มักจะพูดถึงบรรดายอดชาวยุทธจักร มักจะมาฝึกฝนวรยุทธวิชากระบี่บนเขาแห่งนี้ หรือไม่ก็เป็นที่บำเพ็ญศีลของบรรดาเหล่านักพรตนักบวชของจีน ไม่คิดเลยว่า จะมีแมวมาฝึกวรยุทธบนยอดเขาแห่งนี้จำนวนมากไม่แพ้กัน ...ฮาาา
โฆษณา