📚 รีวิวหนังสือ The Psychology of Money หนังสือจิตวิทยาทางการเงินที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งในตอนนี้ รีวิวให้แบบละเอียดยิบ ชนิดที่คุณไม่ต้องอ่านเอง ! 📚
The Psychology of Money 💵
Timeless lessons on wealth, greed, and happiness
เขียนโดย Morgan Housel
……………..
ถ้าจะให้พูดถึงหนังสือที่เกี่ยวกับด้านการเงิน การลงทุน ก็มีหลายเล่มมาก ๆ ที่มีชื่อโด่งดังและเป็นหนังสือคลาสสิคระดับตำนานที่ไม่ว่าใครก็แนะนำกัน ไม่ว่าจะเป็น Rich Dad Poor Dad หรือจะเป็น The Intelligent Investor
👉🏻 แต่สำหรับหนังสือเล่มนี้ “The Psychology of Money” นั้นแตกต่างกับหนังสือด้านการเงินการลงทุนเล่มอื่น ๆ เพราะเล่มนี้จะพูดถึงเรื่องของ “จิตวิทยา” ที่เกี่ยวกับการเงินการลงทุน
หนังสือได้เล่าเรื่องของคนดังที่ประสบความสำเร็จอย่าง Bill Gates ว่า เมื่อปี 1968 ที่ Bill Gates อายุ 13 ปีนั้นเค้าได้เข้าเรียนในโรงเรียนไฮสคูลที่ชื่อว่า Lakeside school เป็นโรงเรียนเดียวที่มีคอมพิวเตอร์ให้เด็ก ๆ ได้เรียนในขณะนั้น ซึ่งกลายเป็นว่า Bill Gates ได้เรียนแล้วก็หลงใหลในคอมพิวเตอร์มาก ๆ จนอย่างที่เราทราบดีว่าต่อมาเค้าได้ก่อตั้งบริษัทอย่าง Microsoft ขึ้นมา
ดังนั้นการที่ Bill Gates ได้มาเรียนที่โรงเรียนที่มีคอมพิวเตอร์ก็เป็นเหมือนเรื่องโชคด้วยเช่นกัน ซึ่งเค้าเองเคยออกมาให้สัมภาษณ์นะครับว่าถ้าไม่มี Lakeside school ก็ไม่มี Microsoft ในวันนี้ 😲
2
อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือ เราทราบกันว่าตอน Bill Gates ก่อตั้งบริษัท Microsoft นั้นเค้าก่อตั้งร่วมกันกับเพื่อนสนิทของเค้าที่เรียนมาด้วยกันที่ชื่อ Paul Allen แต่จริง ๆ แล้วทั้งสองคนนี้มีเพื่อนที่สนิทด้วยกันในแก๊งค์อีกคนหนึ่งครับที่ชื่อ Kent Evans ซึ่งประสบอุบัติเหตุจากการปีนเขาเสียก่อน ไม่อย่างนั้นเค้าก็น่าจะเป็นอีกคนที่ได้ร่วมก่อตั้ง Microsoft ด้วยกัน ทั้งที่โอกาสที่เด็กที่จบไฮสคูลจะไปเสียชีวิตจากการปีนเขามีแค่ 1 ในล้านเพียงเท่านั้นเอง....
ถามว่าเรื่องนี้บอกอะไรเรากันครับ? 😕
4
ผู้เขียนได้เล่าว่าจะเห็นว่าเรื่องของโชคนั้นมีผลต่อการทำอะไรของเราก็ตาม โดยโชค (Luck) หรือ ความเสี่ยง (risk) นั้นมีความคล้ายคลึงกันมากทีเดียวจากเรื่องที่เล่าข้างต้น ในส่วนของ Bill Gates ก็โชคดีที่ได้เป็น 1 ในล้านคนที่ได้เรียนคอมพิวเตอร์ ในขณะที่ Kent Evans นั้นโชคร้ายที่เป็น 1 ในล้านคนที่ต้องเสียชีวิต
🔊 Warren Buffet ได้เคยพูดถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่า “To make money they didn’t have and didn’t need, they risked what they did have and need. And that’s foolish.”
เค้าบอกมีหนังสือหลายเล่มมากที่ออกมาพูดเรื่องของการทำอย่างไรให้รวยขึ้น (how to get wealthy) แต่ไม่ค่อยมีหนังสือที่พูดถึงว่าทำอย่างไรให้เรารักษาความมั่งคั่งเอาไว้ได้ (how to stay wealthy) ซึ่งเค้าบอกว่าวิธีที่จะทำให้เรารักษาสิ่งนี้เอาไว้ได้คือ ความประหยัด (frugality) และความระแวง (paranoid)
2
ในหนังสือยกตัวอย่างเรื่อง Jesse Livermore ที่เป็นนักลงทุนชื่อดังในตำนานคนหนึ่งที่เราคงเคยได้ยินชื่อ ว่าเค้าเป็นนักลงทุนชื่อดังที่รวยมากจากการลงทุนในช่วงปี 1929 ที่เกิดเหตุการณ์ Great Depression ทำให้ขณะนั้นเค้าเป็นหนึ่งในคนที่รวยที่สุดในโลกเลยครับ
Scott Sagan ศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัย Stanford ได้กล่าวไว้ว่า “Things that have never happened before happen all the time” กล่าวคือ สิ่งที่เราคิดว่าไม่เคยเกิดเลยในอดีตมันเกิดขึ้นตลอดเวลาในปัจจุบันครับ
👉🏻 ในเรื่องของการลงทุนแน่นอนว่าเราจำเป็นต้องมีสิ่งที่ Benjamin Graham บิดาแห่งการลงทุนแบบ Value Investing และผู้เขียนหนังสือ The Intelligent Investor เรียกว่า “Margin of Safety” (MOS) หรือส่วนที่เราต้องเผื่อไว้เพื่อความปลอดภัยนั้นเอง ซึ่งส่วนที่เผื่อนี้ก็สำหรับปัจจัยภายนอกต่าง ๆ หรือตัวแปรต่าง ๆ ที่เราไม่รู้นั่นเอง
เนื่องจากมันมีสิ่งที่เราคิดไม่ถึงหรือไม่รู้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้คือเพิ่มช่องว่างระหว่างที่เราคิดว่าจะเกิดกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริงนั่นเองเพื่อความปลอดภัยและสบายใจครับ ซึ่งการที่เรามีระดับ Margin of Safety ที่เหมาะสมก็จะทำให้เราสามารถทนกับความผันผวนที่เกิดขึ้นตลอดเวลาได้ยาวนานกว่านั่นเองครับ
มนุษย์เรามักจะสนใจหรือตื่นเต้นกับข่าวร้ายมากกว่าข่าวดีครับ เพราะมันตื่นเต้นหวือหวากว่า และการสูญเสียนั้นจะมีผลกับการตัดสินใจของมนุษย์มากกว่าการได้กำไรนะครับ เพราะเราจะพยายามป้องกันการสูญเสียมากกว่าการได้รับประโยชน์ครับ (ใครสนใจอยากอ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมแนะนำหนังสือ Thinking, Fast and Slow ครับ)