Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ว่าด้วยเรื่องจิตวิทยา
•
ติดตาม
31 ธ.ค. 2021 เวลา 07:34 • สุขภาพ
มาทำความรู้จักกับ “โรคประหม่ากังวลต่อหน้าสังคม” (social phobia หรือ social anxiety) กันค่ะทุกคน
โรคประหม่ากังวลต่อหน้าสังคม (social phobia หรือ social anxiety) เป็นความกังวลเมื่อต้องไปอยู่ในสถานการณ์ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกจ้องมองจากผู้อื่น กังวลว่าตนเองอาจทำอะไรที่น่าอับอายขายหน้า มักเป็นสถานการณ์ที่รู้สึกว่า กำลังตกเป็นเป้าสายตาของคนหลายคน เช่น การพูดหน้าชั้น การพูดในที่ประชุม หรือแม้กระทั่งการเดินเข้าไปในที่คนเยอะๆ และ รู้สึกว่าสายตาหลายๆคู่กำลังมองมาก็จะเกิดความประหม่าขึ้นมาอย่างมาก จนผู้ป่วยบางคนไม่กล้าเดินเข้าไปในที่มีคนมากๆเพราะกลัวตกเป็นเป้าสายตา
-ลักษณะอาการ
มีความกลัววิตกกังวลเกิดขึ้นเอง แม้ทราบว่าไม่มีเหตุผลสมควรที่จะกลัวกังวลขนาดนั้นแต่ก็อดกลัวกังวลไม่ได้ และมีอาการทางร่างกาย เช่น ใจสั่น มือสั่น เสียงสั่น เหงื่อแตก ตัวเย็น มือเท้าชา บางคนใจหวิว เหมือนจะเป็นลม ผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการปวดปัสสาวะ หรือ อุจจาระได้
สาเหตุหลักมี 2 ประการ คือ ด้านจิตใจ และ ด้านร่างกาย
1. สาเหตุด้านจิตใจ
•ผลจากอดีต
– เคยมีประสบการณ์อันเลวร้ายในอดีต เช่น เคยพูด หรือ แสดงความคิดเห็นต่อหน้าคนอื่นๆ แล้ว ได้รับการตอบรับที่ไม่ดี หรือ เกิดความรู้สึกอับอาย ประสบการณ์เลวร้ายนั้น กลายเป็นแผลในใจ จนเกิดความรู้สึกฝังใจ
– เคยมีอาการประหม่าตื่นเต้นตอนพูด หรือ แสดงออก แล้วถูกคนจับได้ หรือ เกรงว่าคนจะจับได้ เลยเกิดความประหม่า กังวลขึ้นมาทุกครั้งที่ต้องเจอสถานการณ์แบบเดิม
– เด็กที่เติบโตมาในครอบครัวที่ พ่อแม่มักวิพากษ์วิจารณ์เด็กตลอด จนเด็กรู้สึกขาดความมั่นใจ มองว่าตนเองไม่เป็นที่น่ายอมรับ หรือ พ่อแม่ที่มักทำให้เด็กรู้สึกอับอาย (shame) หรือ เด็กที่เติบโตมากับพ่อแม่ที่แคร์สายตาคนอื่นมากๆ อ่อนไหวต่อการวิพากษ์วิจารณ์จากคนรอบตัวอย่างมาก ยึดถือความคิดเห็น หรือ คำวิพากษ์วิจารณ์ของคนอื่นมาก เด็กก็จะสั่นไหว อ่อนไหว และ แคร์สายตาคนอื่นมากไปด้วยเช่นกัน (ที่เรียกว่า แคร์สื่อมาก)
•ผลจากตัวเอง
– มักมองตนเองในแง่ลบ ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ค่อยเห็นข้อดีของตนเอง ไม่ค่อยเห็นคุณค่าในตนเอง ไม่เชื่อมั่นในศักยภาพของตนเอง มีความคิดกับตนเองในแง่ลบบ่อยๆ เช่น ถ้าฉันแสดงตัวตนของฉันออกไป คนจะต้องปฏิเสธฉันแน่นอน หรือ ความคิดเห็นของฉันไม่ได้เรื่อง เป็นต้น
– มีความคาดหวังกับตัวเองมาก มีมาตรฐานกับตัวเองสูง จนไม่ค่อยรู้สึกพอใจกับตัวเองสักที
– รู้สึกว่าตนเองมีปมด้อยอยู่ตลอด มองว่าตนเองสู้คนอื่นไม่ได้ (inferior)
– ขาดความมั่นคงจากภายใน ต้องการการเติมเต็มจากคนภายนอกอย่างมาก จึงสั่นไหว กับสายตาคนอื่นอย่างมาก
– คนที่มีลักษณะวิตกกังวลง่ายอยู่เดิม และ มักชอบคิดเรื่องต่างๆไปล่วงหน้า โดยเฉพาะมักคิดไปในแง่ลบ
2. สาเหตุด้านร่างกาย
-ผลด้านพันธุกรรม พบว่าในญาติพี่น้องของผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ มีโอกาสเป็นมากกว่าคนทั่วไป 2-3 เท่า
-ผลจากสารสื่อประสาทในสมอง ที่เกี่ยวข้องกับความวิตกกังวลหลั่งผิดปกติ ทำให้เกิดความกลัวกังวลง่ายกว่าคนทั่วไป จนเกิดอาการกังวลขึ้นทั้งทางร่ายกายและทางจิตใจไวกว่าปกติ
การรักษา
1. การรักษาด้านจิตใจ
•พฤติกรรมบำบัด
– การรักษาโดยการเผชิญสิ่งที่กลัว (exposure therapy)
– การใช้เทคนิกผ่อนคลาย (relaxation technique) เช่น นั่งหรือยืนในท่า ที่สบายๆ หายใจเข้าออกช้าๆลึกๆ ไปเรื่อยๆ สัก 3-5 นาที หรือ อาจถึง 10 นาที หรือ มากกว่านี้ได้ ซึ่งวิธีการนี้หลายคนจะรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเกิดความสงบมากขึ้น จากร่างกายที่ผ่อนคลายมากขึ้น และ จิตใจที่สงบมากขึ้นทำให้รู้สึกมั่นคงจากภายในมากขึ้นหรือ การจินตนาการถึงสิ่งที่ดี
– การจินตนาการ สถานการณ์จำลอง ที่ตนมักกลัว เพื่อสร้างความคุ้นชินเพื่อลดความกลัวกังวล
และ ถ้ามีการบันทึกความก้าวหน้าของการเผชิญสถานการณ์ที่กลัว จะยิ่งเป็นขวัญและกำลังใจให้กับตนเองได้มากขึ้น
•การปรับวิธีคิด
ปรับวิธีคิดที่มองตนเอง หรือ สถานการณ์ต่างๆรอบตัวแย่เกินจริงไปมาก จนเกิดความวิตกกังวล หรือ มักแปลความสิ่งต่างๆไปในแง่ลบมากเกินไป การรักษาปรับวิธีคิด หรือ วิธีแปลความสิ่งต่างๆให้เหมาะสมตามความเป็นจริง ให้กลับมามองเห็นสิ่งดีๆ เห็นศักยภาพในตนเอง หรือ แปลความสถานการณ์รอบข้างได้อย่างถูกต้องเหมาะสมตามความเป็นจริง
•การทำจิตบำบัด
การทำจิตบำบัดแบบเชิงลึก เพื่อหาที่มาและช่วยแก้ไขปมขัดแย้ง ในจิตใจ ซึ่ง รักษาโดยจิตแพทย์ หรือ นักจิตวิทยาคลินิค เพื่อให้กลับมารักและยอมรับตัวเองได้อย่างแท้จริง เกิดความรู้สึกมั่นคงขึ้นภายใน จะลดความสั่นไหวต่อสิ่งแวดล้อมภายนอกลงไปอย่างมาก
2. การรักษาด้านร่างกาย มียาที่ใช้รักษาหลายชนิด
•(การใช้ยารักษาควรอยู่ในการดูแลของแพทย์)
เช่น
กลุ่มยาต้านเศร้า เช่น Serotonon-Specific Reuptake Inhibitors (SSRI)
กลุ่มยาคลายกังวล เช่น ยากลุ่ม benzodiazepine
และ ยาในกลุ่ม beta-adrenergic antagonist เช่น propranolol ใช้ในลดอาการประหม่าทางร่างกาย เช่น ใจสั่น มือสั่น เสียงสั่น เป็นต้น
//ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านนะคะ☺️//
𝘽𝙡𝙤𝙘𝙠𝙙𝙞𝙩 :
https://www.blockdit.com/newworld
เเหล่งข้อมูล :
http://www.tsad.or.th/register_desk/event/25
1 บันทึก
2
4
1
2
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย