31 ธ.ค. 2021 เวลา 11:36 • ประวัติศาสตร์
ต้องขอถาม ผู้ตั้งคำถามที่โยงไปเกี่ยวข้องศาสนา ศาสนานั้นเป็นเรื่องจิตเรื่องใจ ผู้ที่มีคำถามลองถามใจตัวเอง มีความเข้าใจมั้ย มีการประพฤติปฏิบัติ เรื่องราวของศาสนามั้ย ลองมาดูคำพูดองค์หนึ่งท่านพูดให้ฟัง
...การทำบุญทุกครั้ง การประพฤติปฏิบัติกระทำทุกครั้ง เข้าไปในสถานที่..ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เค้าเรียก..วัดเกิดขึ้น เข้าไปทำไม ทุกคนจะตอบเป็นเสียงเดียว ..ต้องการบุญ...ต้องการบารมี แล้วเข้าไป..เดิน..เดินถนนหนทาง ก็ลุกลี้ลุกลน ไม่ระมัดระวัง อยากจะทิ้งอะไร ก็ทิ้งไป แล้วถามว่า ญาติโยม เค้าสร้างไว้ เค้าต้องการบุญ แล้วเราเอาของไปทิ้ง..เลอะเทอะเปรอะเปื้อนหมดภายในวัด แล้วเป็นยังไง ..เราก็ไปสร้างกรรม
...พอจะสร้างบุญสร้างกุศล ก็เรียกร้อง...แต่กรรม
...พอประพฤติปฏิบัติธรรม ..จิตใจก็ว้าวุ่นอยู่กับกรรม ไม่ได้ไปไหน
...เราไปเพื่อจะไปทิ้งกรรม..แต่ไปสร้างกรรม
...วาจาของเราเปล่งออกไป ก็ไม่รู้จัก..เสียงที่แผดเผา ..ออก..เป็นเสียงอะไรก็ไม่รู้..เกิดขึ้น
...เสียงของที่เป็นธรรม ที่เกิดขึ้น ..เพื่อจะหลีกหนี ..เรื่องราวของกรรม..ไม่นำเอามาใช้ กลับเอาเสียงอะไร ก็ไม่รู้ เข้ามา เสียงสิงสาราสัตว์ต่างๆ
...แม้แต่..นั่ง..ประพฤติปฏิบัติ..กราบไหว้ พระ..ประพฤติปฏิบัติ..ทำบุญ..ก็เอากายลิงไปทำ
...แล้วเราล่ะ ไหนล่ะจิตของเรา
...จิตของเราต้องการ..กายที่เป็นบุญ..เป็นบารมี ทำไมไม่ทำ
...นี่แหละ เค้าว่า..เข้าวัดไม่เป็น ..ไปหาสถานที่...ที่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เค้าก็สร้างบุญ สร้างบารมี
...แต่เราไปสร้างอะไร..ไปสร้างกรรม ..แล้วพอไปทำแล้วเป็นยังไง ยิ่งเป็นผู้บวช เป็นผู้ถือศีลกินเจ หรือว่า เป็นผู้ที่บวชเป็นพระเป็นชี อุบาสกอุบาสิกา ยิ่งไปใหญ่เลย จากโทษที่จะมีความผิด ที่จะมีความผิดจากหนึ่ง ที่เค้าบอกว่า ปรับหนึ่ง ทำผิดหรือ เค้าตีเราเท่าไหร่ ห้าทีสิบที แต่ถ้าไปอยู่นอกวัด อยู่นอกสถานที่ เค้าก็ตีเราที ..ทีเดียว หรือ เค้า ให้อภัยก็ได้ แต่ว่าไปที่นั้น ...ไม่มีคำว่า ยกเว้น ไม่มีการให้อภัย ถูกตีอยู่ตลอด
เพราะฉะนั้น เราไปอยากจะไปสร้างบุญ ไปถือศีลปฏิบัติธรรม ต้องทำให้ได้ ..เราต้องการไปเอา สิ่งที่เป็นบุญกุศลบารมี หนีความทุกข์ของตัวเอง ไม่ได้เอาไปให้ใครเลย เราตั้งใจไป ให้มันหมดทุกข์ แต่ไปสร้างทุกข์ ให้แก่ตัวเอง สร้างเข้าๆ พอออกมาจากวัด จากสถานที่..ที่เราไปสร้างบุญกุศลบารมี ออกมาจากสถานที่นั้น ไปถึงบ้านถึงช่อง เกิดมีโชคมีลาภ ..เราอธิษฐานอย่างนั้น เราก็ได้อย่างนั้น เกิดขึ้น..เราก็จมไปเฝ้ากับทรัพย์สินเงินทอง ยศฐานบรรดาศักดิ์ ที่..มันปรนเปรอมาให้แก่เรา เราก็จมอยู่ตรงนั้น แล้วเค้าช่วยอะไรเราได้ เค้าช่วยเรา..คำว่าโลภโกรธหลงได้มั้ย เมื่อช่วยไม่ได้ เราปรารถนาไปทำไม เราต้องการพ้นทุกข์ แล้วได้เงินทองที่อยู่ ที่อาศัย มันอยู่กับเรามากน้อยแค่ไหน เดี๋ยว ..มันก็จากเราไป แม้แต่สังขารของเรา มันก็เปลี่ยนไปเรื่อย
เรื่องราวของศาสนาที่แท้จริง เค้าชี้ไปที่การประพฤติปฏิบัติ คนที่เข้าวัดมันมีน้อย คนปฏิบัติยิ่งน้อย คนที่เพียรปฏิบัติตามรอยองค์พระสิทธัตถะ ตามรอยพระพุทธเจ้าหาไม่เจอเลย
เรื่องการคอรัปชั่น มันอยู่ในวงการอะไรล่ะ ที่เสาะแสวงหากำไร ที่แสวงหาผลประโยชน์ แสวงหาลาภ ยศฐานบรรดาศักดิ์ แสวงหาคำสรรเสริญเยินยอ เพราะคนมีกิเลสโลภโกรธหลง ทำตามกิเลสในตนเป็นผู้กระทำกรรมนั้นขึ้น ไม่ได้ไปเกี่ยวกับศาสนาที่เป็นเหมือนนามธรรม ศาสนาเป็นเพียงชี้เรื่องราวโลภโกรธหลง มันทำให้เกิดอะไรขึ้นมาบ้าง เป็นโทษอย่างไรบ้าง ทำให้มีกรรมอย่างไร ชี้เหตุผลให้ คำสอนดีๆ คำสอนดีๆ คนฟังเอาคิดพิจารณาก็มี คนไม่สนใจก็มี เหมือนกับคนเรียนหนังสือนั้นแหละ เมื่อไม่มีคนประพฤติปฏิบัติธรรมตาม ร่องรอยดีๆ มันก็ย่อมสูญหาย มันจึงมีแต่เรื่องราวการเอาศาสนามาขายกิน(เยี่ยงอย่างเดรัจฉาน ที่จริงมันเป็นเสียงที่ลอยกึกก้องขึ้นมาว่า คนยุคนี้เอาศาสนาขององค์พระสัมสัมพุทธเจ้าไปหากินเยี่ยงอย่างเดรัจฉาน แล้วไปดูว่าจริงหรือไม่) ทำให้คนอื่นหลงงมงาย ซึ่งไม่ใช่คำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย
ผ้ากาสาวพัสตร์ ไม่ใช่สิ่งที่มาห่มเล่น ห่มไม่ดีสิ่งที่ได้ มีแต่คำว่า เลือดกับหนองเท่านั้นเอง
จำได้ว่า สมัยก่อน พระก็เทศน์ สอนเรื่องราวของกรรม เรื่องราวชาดก แต่มาสมัยที่มุ่งมั่นพัฒนา เหล่านักเศรษฐศาสตร์หัวนอก บอกว่าศาสนาสอนให้คนเกรงกลัว ไม่ฆ่าไก่ เลี้ยงไก่ ทำใหญ่โต เค้าก็มีการขอให้พระหยุดสอนเรื่องราวเหล่านี้ ลองไปค้นๆดูว่ามีจริงมั้ย ความคิดแบบนี้ แล้วก็มีคำว่าพระพัฒนา พัฒนาอะไรของมัน.. วัดพัฒนา…พัฒนาไปทางไหน แค่ต้องการอะไร ?? ทุกคนก็มีปัญญารู้จักดีชั่ว ก็ขอให้ทำเรื่องดีๆ ที่ชั่วๆอย่าไปทำ
มันก็เลยมีแต่เรื่องพระจูงผี หาพระจูงคนไม่มี มีแต่เรื่องราวมุ่งมั่นหาเงินหาทอง วัตถุปัจจัย อะไรมากมายเกิดมากับคำว่าพัฒนา ทำวัดให้เป็นสวนสนุกท่องเที่ยวก็มี มีเสี่ยงทายโชคลาภ มันพัฒนาอะไร ??? คนที่ถวายที่สร้างวัด เค้าต้องการบุญ เค้าไม่ได้ต้องการสวนสนุกนะ ผิดวัตถุประสงค์ของคนที่ถวายที่สร้างวัด คนถวายเค้าต้องการบุญ เป็นหลักฐานบุญ ไปคิดยักยอกครอบครองใช่หรือไม่ ไปทำสถานเค้าเป็นสถานที่อะไรกัน ไปอาศัยกินนอนดัดแปลงสถานที่สร้างบุญกุศล เป็นสถานที่ที่จมอยู่กับคำว่าโลภโกรธหลง แล้วจิตใจจะพัฒนาขึ้นได้หรือ??? ต้องไตร่ตรองกรองหาเหตุผลให้ดี
พัฒนานั้น มันเกิดขึ้น ต้องทำลายสิ่งหนึ่ง ให้เกิดอีกสิ่งหนึ่ง พัฒนาที่ไม่มีการกลั่นกรองสิ่งดี มันก็คือการทำลาย แล้วสมัยก่อนวัดนั้นเป็นของชุมชน เจ้าอาวาสทำไม่ดี ก็อยู่ไม่ได้ เจ้าอาวาสมรณะภาพ ชาวบ้านก็คัดกรองกัน ไปนิมนต์พระดีๆมาเป็นเจ้าอาวาส ซึ่งมันแตกต่างจากสมันนี้ ที่ทำกันเหมือนแต่งปลัดนายอำเภอ ชาวบ้านเค้ารู้จักใครดีใครชั่วดี แต่สมัยนี้ นักบวชดีๆ หาอยากเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร สมัยนี้นักบวชคงต้องไปเรียนบัญชี กำไรขาดทุน ทำตามยุคสมัย ที่เค้าว่าถูกต้อง มันแปลกประหลาด มันจึงมีคำพูดว่าอยากตกนรก ก็เป็นเจ้าอาวาส แล้วเราก็ไปสังเกตเอาเอง ว่าจริงมั้ย ใครทำดีก็ขออนุโมทนาด้วย
แต่ก็นั่นแหละ ปัจจัยมันมากมาย ก็จมเฝ้าสมบัติวัด บุญกุศลที่ชาวบ้านหามาด้วยแรงกายเหนื่อยยาก กราบไหว้แล้วน้อมถวาย คนไหนถวายน้อย ก็ไม่สนใจยิ่งยโส คนไหนใหญ่ร่ำรวยก็ประจบประแจง ที่จริงแล้วคำว่าพระนั้น ไม่มีชนชั้นวรรณะ ไม่เอาเรื่องราวทรัพย์สมบัติยศสรรเสริญมาครองจิตครองใจให้มันหนัก จมไปกับโลกโกรธหลงไม่รู้ตัว กรรมใครมันหนักกว่ากัน
มีเรื่องหนึ่งที่ค้างคาใจ คือเรื่องใครเจอทวีปอเมริกา เค้าเจอแผ่นดินเปล่า ลอยน้ำหรือไง ชนท้องถิ่นไม่มีหรือไง ถ้ามี เค้าอยู่กันอย่างไร ทำไมหายไปไหนหมด เคยถามเรื่องนี่กับพระที่นับถือ ท่านบอกว่าพวกฝรั่ง นั้นเปรียบเหมือนยักษ์อสูร ไปที่ไหน ก็ไปทำลายเค้าไปหมด เที่ยวทำลายวัฒนธรรมประเพณีเค้าไปทั่ว ยึดทรัพย์ปัจจัยมาอยู่ในอำนาจตน แล้วเราก็ไปดูร่องรอยประวัติศาสตร์ว่าจริงมั้ย
โฆษณา