2 ม.ค. 2022 เวลา 23:32 • หุ้น & เศรษฐกิจ
😎 [Special Scoop] เทียบผลตอบแทนหากคุณลงทุน 1,000 บาทเมื่อต้นปี มูลค่ากลายเป็นเท่าไรตอนสิ้นปี 2021? 📈📆
⭐ แม้ว่าในโลกปี 2021 สภาพเศรษฐกิจรวม ๆ จะไม่สดใสเท่าไรเพราะโควิดก็ยังไม่จบสิ้นไป แต่เนื่องจากมีโควิดและประเทศต่าง ๆ ก็เริ่มจะเปิดประเทศและฟื้นคืนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ตลาดการเงินเลยฟื้นแล้ว และก็บอกได้เลยว่าปีนี้ตลาดการเงินน่าจะเรียกได้ว่าเป็น “ขาขึ้น” แน่ ๆ เพราะแทบไม่มีสินทรัพย์อะไรในโลกที่จะติดลบเลยในรอบปีที่ผ่านมา
⭐ แต่ทีนี้ผลตอบแทนมันก็ต่างกันไป เราก็เลยอยากจะเทียบให้ดูว่าถ้าคุณลงทุนด้วยเงิน 1,000 บาทตอนต้นปีกับสินทรัพย์ต่างที่กัน ผลตอบแทนจะต่างกันยังไง
⭐ อย่างแรกเลย ถ้าคุณลงทุนทองผ่านการลงทุนในกองทุนรวมทองคำ คุณก็จะได้กำไรสัก 3.5% ซึ่งก็เรียกว่าก็ยังดีกว่าเอาเงินไป “ฝากประจำ” กับธนาคารที่ทุกวันนี้ดอกเบี้ยต่ำเตี้ยเรี่ยดินเหลือเกิน
⭐ ต่อมา ถ้าคุณลงทุนในกองทุนรวมดัชนีหุ้นไทย (ดัชนี SET50) คุณก็จะได้ผลตอบแทนประมาณ 6.8% ซึ่งนี่คือเรียกได้ว่าพอใช้ได้แล้วสำหรับตลาดหุ้นไทยที่ซบเซาและแกว่งอยู่กับที่มายาวนาน
⭐ ทีนี้ มันก็จะมีเซียนบางคนบอกว่า ใครให้ไปซื้อดัชนีหุ้นไทยรวม ๆ ต้องเลือกหุ้นเป็นตัว ๆ สิถึงจะผลตอบแทนดี ปัญหาคือใครมันจะเลือกถูกและไอ้เงื่อนไข “ต้องเลือกให้ถูก” นี่ถ้ามันทำกันได้ง่าย ๆ ป่านนี้คนมันก็คงรวยกันหมดแล้ว
⭐ นี่เลยทำให้ “เซียนหุ้น” อย่าง Warren Buffett เคยให้คำแนะนำอันลือลั่นว่าถ้าคุณไม่ใช่เซียน คุณควรจะซื้อแบบถัวเฉลี่ยไปทั้งตลาดตามสัดส่วนของดัชนี อย่าไปมั่นใจเลือกหุ้นเป็นตัว ๆ ซึ่งการลงทุนแบบนี้ในทางปฏิบัติก็คือการซื้อกองทุน ETF ที่ลงทุนแบบดัชนี S&P500 ซึ่งเป็นการกระจายการลงทุนในบริษัทอเมริกัน 500 บริษัทที่มูลค่าสูงสุดในตลาดหุ้นอเมริกา (ทั้งนี้การลงทุนแบบนี้เอาจริง ๆ ในไทยเราลงทุนใน “กองทุนรวมต่างประเทศ” ผ่านพวกกองทุนรวมในไทยของธนาคารต่าง ๆ ได้สบาย และตอนนี้เราลงทุนแบบนี้ได้แทบในแอปทุกธนาคารแล้ว)
⭐ ถ้าลงทุนแบบนี้ที่ถือเป็น “มาตรฐานการลงทุน” ซึ่งปัจจุบันในปีนี้ทั้งปีก็ยังได้ผลตอบแทนเกือบ 50% อยู่ มันเป็นการลงทุนแบบที่เขาเรียกว่า “เชิงรับ” (Passive) ที่ “สิ้นคิด แต่ผลตอบแทนดี” และน่าจะดีกว่าไปจิ้มหุ้นมั่ว ๆ แบบคนไม่มีความรู้แน่ ๆ
⭐ ทีนี้ในขณะที่ “วงการหุ้น” ในโลก ผลตอบแทนในปีนี้คือหลักหลายสิบ % คือปกติ แต่นั่นคือผลการตอบแทนที่ดีที่สุดแล้วเหรอ?
⭐ โลกก่อนหน้านี้ เขาก็คงจะบอกกันว่านี่แหละ ดีที่สุดแล้ว แต่นั่นคือยุคก่อนที่คริปโตจะ “ได้รับการยอมรับ” ว่าเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนได้ และในปี 2021 นี้ที่นักการเงินกระโดดเข้ามาแจมในคริปโตกันเป็นปกติแล้ว เราก็อาจต้องนับคริปโตเข้าไปในสารบบการลงทุนด้วย เพราะต้องเอาพวกผลตอบแทนของพวกคริปโตมาเปรียบกับหุ้นด้วย
แล้วหุ้นเทียบกับคริปโตนี่เป็นยังไง?
⭐ อยากได้เทียบกันแบบเบสิคก่อน เพราะลงทุนแบบ “อนุรักษ์นิยม” สุดในโลกคริปโตคือซื้อ Bitcoin แล้วถือยาว ๆ เรายังได้ผลตอบแทนเกิน 80% เลยตอนสิ้นปี ขนาดร่วงจาก “นิวไฮ” ตอนกลางปีมาอย่างเยอะแล้วนะครับ
⭐ หรือจริง ๆ ถ้าเทียบกับ Ethereum ที่โตสุด ๆ ในปีนี้เพราะกระแส DeFi และ NFT ที่ใช้ Ethereum เป็นฐาน เราก็จะพบว่าผลตอบแทน 400% ทั้งปีนี่น่าจะเทียบกับ “หุ้นเทพ ๆ” สักตัวนึงเลย ซึ่งพวก Cardano ที่เขาบ่น ๆ กัน หรือ กระทั่ง Binance Coin ที่ว่ากันตรง ๆ ว่าได้ผลตอบแทนกัน 700% หรือ 1,400% นี่ก็พอ ๆ กับหุ้นระดับเทพ ๆ สักตัวในตลาดโลกทั้งนั้น
⭐ ซึ่งหุ้นบ้าอะไรโตขนาดนี้ทั้งปีก็แน่นอนน่าจะได้ลงคอลัมน์พิเศษใน Bloomberg แน่ ๆ แต่พอเป็นคริปโตทำแบบเดียวกันได้สื่อการเงินกระแสหลักก็กลับไม่เหลียวแลเท่าไร (โอเค ยกเว้น Dogecoin ไว้สักเหรียญที่ได้อานิสงส์จาก Elon Musk พวกสื่อเลยพูดถึง)
...ซึ่งว่ากันตรง ๆ ปีนี้แค่พวกสื่อการเงินกระแสหลักเลิกด่าว่าคริปโตเป็นแชร์ลูกโซ่นี่ก็น่าดีใจแล้วครับ ไม่ต้องถึงกับชมหรอก
⭐ แต่ถามว่าผลตอบแทนคริปโตมันจบแค่นี้มั้ย? คำตอบคือไม่ใช่ เพราะ “ของจริง” ของผลตอบแทนคือพวกเหรียญระดับรอง ๆ ที่ก้าวจากไหนก็ไม่รู้ กลายมาเป็นเหรียญ Top 10 ของตลาดในปีนี้ หรือกระทั่งเหรียญที่ไม่ได้เป็นเหรียญชั้นนำของตลาดรวม ๆ แต่เป็นเหรียญชั้นนำในหมวดหมู่ตัวเองก็ผลตอบแทนดีเช่นกัน พวกแรกก็ได้แก่พวก “นักฆ่า Ethereum” หน้าใหม่อย่าง Solana และ Terra ซึ่งก็โหดกันจริง ๆ โตกันเกิน 10,000% เรียกได้ว่าถ้าลงต้นปีไปพันนึง ถึงสิ้นปีกลายเป็นแสนนึงแบบขำ ๆ เลย ซึ่งเหรียญของ “เกมคริปโต” ที่ชื่อดังสุดอย่าง Axie Infinity ก็ทำได้ในระดับเดียวกันคือเกิน 10,000%
⭐ คือจะเห็นว่าผลตอบแทนมันบ้าบอมาก ๆ และนี่เลยเป็น “ของจริง” และเป็น “The Next Bitcoin” ที่เขาตามหากัน แต่ก็บอกเลยว่าโหดกว่า Bitcoin เยอะ เพราะก็ไม่น่ามีปีไหนที่ Bitcoin ขึ้นมาได้ถึง 10,000% หรือมูลค่าเพิ่มเป็นร้อยเท่าตัวแบบเหรียญพวกนี้ (เอาจริง ๆ Bitcoin ไม่เคยขึ้นปีเดียวถึง 1,000% ด้วยซ้ำ)
⭐ แน่นอน หลายคนก็เริ่ม “รู้อะไร ไม่สู้รู้งี้” แล้วพอเห็นตัวเลขโหด ๆ งี้ แต่ประเด็นก็คือ ถ้าตลาดคริปโตยังขยายไม่จบ เราก็หวังว่าจะมี “The Next Solana” ยัน “The Next Axie Infinity” ได้ เพียงแต่เรา “เล็ง” ถูกไหมล่ะว่าอะไรคือเทรนด์ใหญ่ต่อไปของคริปโต และเหรียญอะไรจะเป็นศูนย์กลางของเทรนด์ที่ว่า ซึ่งเราก็ต้องเร็วพอจะไปซื้อมันเอาไว้ตั้งแต่มันยังไม่มีราคา
⭐ ...แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็อย่าทะลึ่ง “มั่นใจเกินไป” ไป “ลงหมดหน้าตัก” หรือไป All In กับเหรียญอะไรนะครับ ผลตอบแทนสุดโหดของเหรียญพวกนี้มันหมายความว่า ถ้าเราลงมั่ว ๆ ไปสัก 10 เหรียญ แค่เหรียญเดียวมันขยายเป็น 10,000% เราก็กำไรไม่รู้เรื่องแล้ว อีก 9 เหรียญถึงมันจะไม่เพิ่มมูลค่าไปไหน หรือเจ๊งไประดับมูลค่าเป็น 0 เราก็ชิล ๆ
⭐ และจริง ๆ พวกที่ได้กำไรดี ๆ ในปีนี้จากการถือยาว ๆ เขาก็ทำกันแบบนี้นี่แหละ เขากระจายไปหลาย ๆ เหรียญที่ดูหน่วยก้านดี เพื่อหวังว่าสักวันเหรียญมันจะเป็นอย่าง Solana หรือ Terra และแน่นอน เขาก็ไม่ได้ใจร้อนขายตอนมันเพิ่มมาเป็น 4-5 เท่าตัวครับ เพราะถ้าหวังอะไรที่เสี่ยงระดับนี้มูลค่าเพิ่มไปหลายสิบเท่าน่าจะเป็นขั้นต่ำของความคาดหวัง และถ้ามันไปต่อได้และใจเย็นพอ ก็จะได้กำไรเป็นร้อยเท่าน่ะแหละ (ซึ่งก็ต้อง “ใจเย็น” จริง เพราะระหว่างทาง มูลค่าร่วงแบบหลายสิบ % ในวันเดียวก็ปกติมากของเหรียญที่พุ่งขึ้นเร็ว ๆ พวกนี้)
⭐ สุดท้าย ใครได้กำไรไปงาม ๆ ในปีนี้ก็ยินดีด้วยครับ ส่วนใครที่ยังไม่ได้ ในปี 2022 คริปโตก็ยังดูมีอนาคตไม่น้อย ภาพตอนนี้ชัดแล้วว่าถ้า “อนุรักษ์นิยม” หน่อยก็ควรจะลงทุนกับ Bitcoin ที่มูลค่าเสถียรแล้ว ไม่มีแกว่งลงในวันเดียวหลายสิบ % ให้หวาดเสียว และก็ไต่ขึ้นไปช้า ๆ กับสภาพตลาดรวม ๆ ส่วนถ้าจะลุ้นอะไรมันส์ ๆ แบบพวกเหรียญใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาเป็น Top 10 ของตลาดและมูลค่าขึ้นไป 10,000% ในปีเดียวก็กระจายไปหลาย ๆ เหรียญครับ ถ้าเราตามเทคโนโลยีและตลาดพอควร เราน่าจะลงถูกสักเหรียญนั่นแหละ
⬇️⬇️⬇️
สยามคริปโตยืนหนึ่ง: รู้จริง ลึกจัด ชัดเรื่องคริปโต📍
อย่าลืมตั้งค่า ⭐️รายการโปรด⭐️เพื่อไม่พลาดทุกข่าววงการคริปโต
#siamcrypto #news #สยามคริปโต #ข่าว
โฆษณา