เราควรเรียนรู้อะไร เพื่ออยู่ได้ในโลกอนาคต? -บทที่1/2
ในปัจจุบัน ถ้าเราอยากรู้อะไร เราก็ถาม Google ได้...โผล่มาเพียบ .. อ่านกันไม่หวัดไม่ไหว....
ในโลกอนาคต ที่ ข้อมูลมหาศาล (Big data) และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น...คนเราจะอยู่กับเทคโนโลยีในลักษณะไหน งานอะไรจะหายไป อะไรจะเกิดขึ้นใหม่ บ้าง ...คำตอบเรื่อง นี้ยังคลุมเครือ ไม่ชัดเจนนัก...
ต่อไป องค์ความรู้ทุกอย่างที่คนถ่ายทอดจากความจำ แทบจะไม่มีความหมาย... ใครๆ ก็หาเอาจากอินเตอร์เน็ตได้
"The damn knowledge is all on the net!"
"..ในอนาคตอันใกล้ เราเอง อาจจะยืน เป็น ไอ้โง่ตัวนึง (a fool) ต่อหน้า อุปกรณ์ AI ตัวเล็กกว่ามือถือ ที่มันรู้ทุกเรื่อง ทำแทนเราได้เกือบทุกอย่าง..." ปราชญ์ท่านนึงได้เอ่ยไว้
https://youtu.be/SEF4gyNj6yE
แล้ว วิถีแห่งการเรียนรู้ของพวกเราควรจะต้องปรับอย่างไรดี ...แนวทางการศึกษาอะไรที่จะยังใช้ได้ ไม่ล้าสมัย...
คำตอบคือ... แนวทางที่ ตั้งอยู่บนพื้นฐาน ศักยภาพในตัวมนุษย์ ที่ยิ่งใหญ่ ที่อยู่เหนือ AI และเป็นสิ่ง ที่ถือว่าเป็นบรรพบุรุษ ของการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ..
แนวทางที่ว่านี้ ขอสรุปลงเป็น2ข้อใหญ่ๆคือ
1. การ พัฒนาศักยภาพด้าน ร่างกายและจิตใจ... Physical & Mental capabilities และ
2. การศึกษาโดย เน้นที่กระบวนการ Learn "how to learn"
แนวคิดเชิงการศึกษาสองประเด็น นี้เกี่ยวข้องกัน
.... ในบทความ นี้ จะขอพูดถึงข้อ1 กันก่อน..
ในเมือง Isha ได้มีโรงเรียนแนวใหม่ ชื่อ Samskriti ที่วางหลักสูตรเตรียมสร้างเด็กในยุคอนาคต...
เด็กในโรงเรียนนี้ จะเรียนแค่ โยคะ (Yoga), ดนตรีคลาสสิก (Classical music), เต้นรำคลาสสิค (Classical dance), ศิลปะการต่อสู้ (martial arts) และภาษาสันสกฤต กับ ภาษาอังกฤษ (Sanskrit, and English Languages) เท่านั้น ไม่มีเรียนอย่างอื่น..
แต่ เค้ามั่นใจว่า เมื่อเด็กๆโตขึ้น พวกเค้าจะเป็นมนุษย์สุดยอดสำหรับโลกนี้ ที่สามารถทำอะไรก็ได้ อย่างยอดเยี่ยม
ความมั่นใจนี้ เนื่องด้วย วิธี ที่ เค้าเน้น การพัฒนาศักยภาพด้าน ร่างกายและจิตใจ ( Physical & Mental capabilities ) เป็นแก่น
ลองคิดดู ... มนุษย์จะกระทำการใดในโลกนี้ หากสามารถดึงศักยภาพในตัวทั้งหมด ออกมาใช้ได้ มันก็คือที่สุดของความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นได้แล้ว.. จริงมั้ย... นักกีฬา นักดนตรี นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ ฯลฯ มีใครไม่ใช้สองสิ่งนี้บ้าง.. และใครที่ เป็นสุดยอด ในเชิงร่างกาย และจิตใจ ย่อมเป็นผู้ชนะและยืนหยัดอยู่ได้อย่างยาวนาน
เรื่องความรู้ด้านอื่นๆ หาได้ไม่ยาก ทุกคนเข้าถึงได้เหมือนกัน... แต่ ใครที่ถูกฝึกการใช้และควบคุม ร่างกายและจิตใจ มาเป็นแรมปี ย่อมได้เปรียบไปหลายขุม
ในเรื่องการพัฒนาศักยภาพจิตใจ.. ขอขยายความเพิ่มเติมเล็กน้อย... หลายคน น่าจะเคยได้ยินเรื่องการใช้กฎจักรวาล..กฎแรงดึงดูด... ผู้ที่ใช้กฎเหล่านี้อย่างถูกต้องและได้ผล ล้วนต้องฝึก "สมาธิ" กันทั้งนั้น
เพราะ สมาธิ ทำให้เกิด Focus และ Focus แน่นอนว่าเป็นพื้นฐานการเรียนรู้และความสำเร็จในทุกเรื่อง
การใช้กฎจักรวาล ที่เป็นสิ่งที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แต่กลับมีความสำคัญมากในยุคอนาคต... ยิ่งในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ที่เคยเจอ เหตุการณ์ โปรแกรมแฮงค์ เน็ตพัง ฯลฯ รึบางที เราออกจากประชุมแบบ onlineมาแล้ว แต่ใน video record กลับยังขึ้น status เราเป็น joining อยู่...เหมือนผีหลอก...คาดเดาและอธิบายไม่ได้... เทคโนโลยีdigitalที่มันเหมือนเป็นกล่องดำ... จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ... รู้สึกว่า สิ่งเหล่านี้ มันอยู่นอกเหนือการควบคุมแบบจับต้องได้ และเราจะต้องอยู่กับสิ่งเหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต
หาก จักรวาล ควบคุม ในส่วนที่มองไม่เห็นนี้อยู่... การทำสมาธิ ควบคุมfocus และดึง ศักยภาพด้านจิตวิญญาณ ที่ไม่เคยมองเห็นและไม่เคยให้ความสำคัญ ให้ออกมาเป็นพลังบางอย่างที่จูนเข้ากับจักรวาล ให้มาเข้าทางเราได้ มันจะยิ่งสำคัญมากขนาดไหน.. ก็ลองคิดกันดู...
ทางตะวันตกและอินเดีย มีผู้คนสนใจศาสตร์การควบคุมภาวะจิตใจ inner management, how to organize your mind กันมากขึ้นเรื่อยๆ
เราคงต้องรอดูกัน ว่า สิ่งมีชีวิตสุดยอดยุคใหม่ phenomenal creature จะเกิดขึ้นในทวีปใด ประเทศใด
และโลกข้างหน้า ที่มีทั้งมนุษย์ยุคดั้งเดิม และยอดมนุษย์ที่มีพัฒนาการด้านกายและใจดีแล้ว.. จะอยู่ร่วมกัน บนโลกใบนี้ กันอย่างไรต่อไป..
คุณ ..จะ เลือก อยู่แบบไหน ในโลกยุคหน้า !?
https://youtu.be/SEF4gyNj6yE
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
