[Bnomics] เส้นทางสู่ Mass Adoption ของสกุลเงินคริปโต ทั่วโลกให้การยอมรับมากขึ้น ในปัจจุบันสกุลเงินคริปโตกำลังได้รับการยอมรับมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยมีอัตราการ Adoption เพิ่มขึ้นมากกว่า 23 เท่านับตั้งแต่

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

•

4 ม.ค. 2022 เวลา 01:08 • คริปโทเคอร์เรนซี

เส้นทางสู่ Mass Adoption ของสกุลเงินคริปโต ทั่วโลกให้การยอมรับมากขึ้น

ในปัจจุบันสกุลเงินคริปโตกำลังได้รับการยอมรับมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยมีอัตราการ Adoption เพิ่มขึ้นมากกว่า 23 เท่านับตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2562 และเพิ่มขึ้น 8.8 เท่าจากปีที่แล้ว ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ Chainalysis

Chainalysis เป็นเว็บไซต์ที่จัดทำดัชนี Global Crypto Adoption ซึ่งจัดอันดับ 154 ประเทศตามตัวชี้วัด เช่น จำนวนครั้งในการใช้งานสกุลเงินคริปโตของประชาชนทั่วไป และปริมาณของสกุลเงินคริปโตที่ใช้ในการทำธุรกรรมเมื่อนำไปเทียบกับความมั่งคั่งโดยเฉลี่ย โดยดัชนีนี้จัดทำขึ้นเพื่อติดตามอัตราการ Adoption สกุลเงินคริปโตของบุคคลทั่วไป และให้ความสำคัญเกี่ยวกับการใช้งานด้านการทำธุรกรรมและการออม มากกว่าการซื้อขายเพื่อเก็งกำไร

ตามรายงานบนเว็บไซต์ในปี 2564 ประเทศส่วนใหญ่ที่ติด 20 อันดับแรก (มีอัตราการ Adoption สูง) คือ กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ซึ่งรวมถึงประเทศ เวียดนาม อินเดีย และไทย โดยปีที่แล้วจีนและอเมริกาอยู่ในอันดับที่ 4 และ 6 ตามลำดับ แต่ในปีนี้ลำดับตกลงทั้งคู่ โดยมาอยู่ที่อันดับ 13 และ 8 ตามลำดับ การที่จีนอันดับลดลงอย่างรวดเร็วในปีนี้เป็นผลมาจากความพยายามของรัฐบาลจีนในการปราบปรามการซื้อขายและการทำเหมืองสกุลเงินดิจิทัลในช่วงที่ผ่านมา

ข้อมูลจาก Chainalysis ยังระบุอีกว่าอัตราการ Adoption ปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ด้วยสาเหตุบางประการ ประการแรก คนจำนวนมากหันมาใช้สกุลเงินคริปโต เนื่องจากต้องการที่จะเก็บออมเงินของพวกเขา และป้องกันมูลค่าไม่ให้ลดลงตามการอ่อนค่าของสกุลเงินท้องถิ่น ประการที่สอง

เมื่อเปรียบเทียบอัตราการ Adoption กับค่า PPP per capita และจำนวนประชากรที่ใช้งานอินเทอร์เน็ต กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่บางประเทศ เช่น เคนยา ไนจีเรีย เวียดนาม และเวเนซุเอลา มีอัตราการ Adoption ที่สูงมาก เนื่องจากมีปริมาณการซื้อขายจำนวนมากบนระบบ peer-to-peer (P2P) นอกจากนั้นแล้ว คนจำนวนมากในประเทศดังกล่าวพึ่งพาการแลกเปลี่ยนสกุลเงินแบบ P2P เป็นช่องทางหลัก เนื่องจากขาดโอกาสในการเข้าถึง Centralized Exchange

Adoption rates ของสกุลเงินคริปโต

📌 มูลค่าตลาด

อ้างอิงจากเว็บไซต์ CoinGecko ที่ติดตามข้อมูลสกุลเงินคริปโตกว่า 12,000 เหรียญ มูลค่าตลาดสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลก ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2564 นี้ มาอยู่ที่ประมาณ 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ วันที่ 29 ธันวาคม 2564

สกุลเงิน Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก มีส่วนแบ่งตลาด ลดลงจาก 70% ช่วงต้นปีนี้ มาเป็น 40% ในตอนนี้ เนื่องจากสกุลเงินอื่น ๆ หรือ Alt-coins เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น โดย Alt-coins หมายถึงสกุลเงินอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ Bitcoin โดยเหรียญดังกล่าวส่วนใหญ่จะมีการพัฒนาให้มีรูปแบบการทำงานที่ดีขึ้นกว่า Bitcoin และลดช่องว่างในการทำงานต่าง ๆ ของสกุลเงินดิจิทัลในยุคเริ่มต้น

Alt-coins สามารถแบ่งออกได้เป็นจำนวนหลายประเภท ประเภทแพลตฟอร์มเทคโนโลยี ตัวอย่างเช่น ระบบ Blockchain ของ Ethereum ที่สามารถสร้างสกุลเงิน Ether (ETH) ขึ้นมา และทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการพัฒนาระบบ DeFi (Decentralized Finance) นอกจากนั้น ยังมี Stablecoins ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่เชื่อมโยงมูลค่าไว้กับสินค้าโภคภัณฑ์หรือสกุลเงินในโลกความเป็นจริง เช่น Tether (USDT) และ USD Coin (USDC) และอย่างสุดท้ายสกุลเงินมีม ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างมาจากมีมทางอินเทอร์เน็ต หรือมีเรื่องตลกขบขันในลักษณะอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น Dogecoin (DOGE) และ Shiba Inu (SHIB)

Dogecoin ได้รับอิทธิพลมาจากมีม Doge ซึ่งสร้างขึ้นจากภาพถ่ายของสุนัขสายพันธุ์ Shiba Inu โดยทั่วไปแล้วเหรียญมีมนั้นไม่ได้มีจุดประสงค์ในการสร้างที่แน่ชัดนัก แต่มูลค่าอาจพุ่งขึ้นสูงขึ้นเมื่อคนดังหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงบนโลกออนไลน์ โปรโมทเหรียญดังกล่าว และมูลค่าเหรียญมีมสามารถพุ่งขึ้นสูงเช่นเดียวกับ Dogecoin แต่ก็อาจดิ่งลงอย่างรวดเร็วได้เช่นกันหาก Community นั้น ๆ เริ่มหมดความสนใจในเหรียญนั้นๆ

มูลค่าตลาดคริปโต

📌 ประเทศไทย

ในประเทศไทย การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมีการเติบโตขึ้นมากในปี 2564 โดยนักลงทุนต่างมีความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในสกุลเงินคริปโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 5.2% ของประชากรไทยทั้งหมดที่ถือครองสินทรัพย์ประเภทนี้ และมีผู้เปิดบัญชีซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ 400,000 บัญชีต่อเดือน สูงสุดอยู่ที่ 634,000 บัญชี ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พบว่ามีมูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมากถึง 6.62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (2.2 แสนล้านบาท) ในเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้นจากเพียง 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2563 ธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าการที่สกุลเงินดิจิทัลได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่มีแนวโน้มได้ผลตอบแทนสูงกว่าอย่างสกุลเงินคริปโตเพิ่มมากขึ้น

เมื่อไม่นานมานี้ มีธุรกิจจำนวนมากได้ร่วมมือกับบริษัทแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมีเป้าหมายเพื่อที่จะพัฒนาบริษัทให้มีการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มมากขึ้น และเพื่อยกระดับประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลในทวีปเอเชีย โดยห้างสรรพสินค้าเจ้าใหญ่อย่างเดอะมอลล์ ก็ได้เพิ่มช่องทางให้กับลูกค้าโดยการเปิดรับการชำระเงินผ่าน 7 สกุลเงินคริปโต เช่น Bitcoin (BTC) และ Ether (ETH) เพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ

นอกจากนั้น รัฐบาลไทยกำลังพยายามที่จะส่งเสริมให้มีการใช้สกุลเงินดิจิทัลในธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ถือสกุลเงินคริปโต และช่วยกู้คืนรายได้จากการท่องเที่ยวบางส่วนที่สูญเสียไปมากถึง 8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงระยะเวลากว่า 2 ปีของการแพร่บาดระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 โดยในขณะนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้วางแผนที่จะพัฒนาเหรียญและกระเป๋าคริปโตขึ้นเองเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่นักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประเทศไทยยังไม่ยอมรับสกุลเงินดิจิทัลว่าเป็นสกุลเงินที่ถูกกฎหมาย จึงอาจจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะก่อนที่สกุลเงินดิจิทัลจะถูกนำมาใช้ในการเดินทางได้จริง

มูลค่าการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลของไทยทำสถิติสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2564

ราคาหุ้นของบริษัท จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารโทรคมนาคมของไทย ได้ปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 7,000% ในปีนี้ เนื่องจากความนิยมของสกุลเงินคริปโตที่เพิ่มขึ้น และหลังจากที่บริษัทได้ประกาศถึงแผนจัดตั้งเหมือง Bitcoin ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และทางบริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจการขุด Bitcoin คิดเป็นสัดส่วนถึง 80% ของมูลค่ารายได้รวมของบริษัทภายในสิ้นปี 2565

เนื่องจากหลายบริษัทเริ่มเปิดรับสกุลเงินดิจิทัลในรูปแบบของการชำระเงินและหันมาดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ประเภทนี้มากขึ้น ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ราคามีความผันผวนสูง อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากการฟอกเงินและการโจรกรรมทางไซเบอร์ นายกรัฐมนตรีก็มีความกังวลเช่นกัน เกี่ยวกับการลงทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มนักลงทุนวัยรุ่น ซึ่งจำนวนมากกว่าครึ่งของผู้ที่ถือสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด 1.49 ล้านคนในตอนนี้ มีอายุต่ำกว่า 30 ปี

ด้วยเหตุนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังหารืออร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อวางแผนที่จะควบคุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในการชำระเงินซื้อสินค้าและบริการ ในระยะข้างหน้า เราควรจับตาดูกันต่อไปว่าข้อบังคับที่ออกมาจะส่งผลกับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างไร แต่แน่นอนว่ากฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและครอบคลุมมากยิ่งขึ้นในอนาคตจะช่วยให้ระบบการเงินของประเทศไทยมีความมั่นคงมากขึ้น

ราคาหุ้นบริษัท Jasmine Technology พุ่งขึ้นสูงหลังการประกาศแผนลงทุนเหมืองขุดคริปโต

Bangkok Bank Post ฉบับวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2565

⏬ Download PDF File

https://www.bnomics.co/wp-content/uploads/2022/01/BBL-Jan1.png

#Cryptocurrency #Mass_Adoption

#Bnomics #Global_Economic_Update #เศรษฐศาสตร์เป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน

ผู้เขียน :

ธีระภูมิ วุฒิปราโมทย์ Economist, Bnomics

ศศิชา เป่าแตรสังข์ Economist, Bnomics

ภาพประกอบ :

ชนากานต์ วรสุข Graphic Designer, Bnomics

▶︎ ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่