Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
P
Paul ANG
•
ติดตาม
4 ม.ค. 2022 เวลา 03:02 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
ปี ๒๐๑๕ อู๋ ฉี หลง (吴奇隆) แต่งงานกับ หลิว ซือ ซือ (刘诗诗) ที่อายุน้อยกว่าเขา ๑๗ ปี
หลังจากแต่งงานแล้ว ทั้งสองอยากย้ายไปใช้ชีวิตตามลำพังเพียงสองคน
ทว่า คุณแม่ ของ อู๋ฉีหลง ไม่เห็นด้วย และยังกล่าวว่า
"คิดย้ายออกไปอยู่กันเอง ก็ซื้อบ้านให้แม่กับพี่น้องก่อน !!"
เพื่อตัดปัญหา อู๋ฉีหลง กัดฟันซื้อบ้านทั้งหมด ๔ หลัง
หลังหนึ่งสำหรับตัวเขากับภรรยา อีกสามหลังสำหรับ คุณพ่อคุณแม่ พี่ชาย และน้องชาย !!
พอซื้อครบสี่หลัง จึงสามารถย้ายออกไปอยู่กันตามลำพังสามีภรรยา
เดิมที อู๋ฉีหลง เกิดในครอบครัวร่ำรวยรุ่นที่สอง โดยเขาเป็นลูกชายคนกลาง มีพี่ชายและน้องชาย
คุณพ่อคุณแม่อบรมเลี้ยงดูเขาอย่างดีมาแต่เด็ก ให้เขาเรียน เทควันโด (ไถ เฉวียน เต้า 跆拳道) มาตั้งแต่เด็ก และเคยได้รับรางวัลในการแข่งขันเทควันโดระดับมัธยมศึกษาตอนต้นของมณฑลเป็นเวลาสามปีติดต่อกัน
ทว่า ขณะที่เขาอายุ ๑๓ ปี คุณพ่อของเขาสูญเสียเงินเป็นจำนวนมากจากการลงทุน และยังเป็นหนี้ก้อนโตถึง ๒๖ ล้านเหรียญไต้หวัน (ประมาณ ๓๐ ล้านบาท)
เพียงชั่วข้ามคืน สามพี่น้องที่เคยใช้ชีวิตอย่างลูกเศรษฐี ต้องหางานพาร์ทไทม์ควบคู่ไปกับการเรียนหนังสือ
ขณะที่ อู๋ฉีหลง อายุ ๑๘ ปี กำลังขายของริมทางเดิน เกิดไปต้องตาแมวมองจากบริษัทนายหน้าหานักแสดง
เขาถูกนำไปเข้าร่วมกลุ่มกับ ซู โหย่ว เผิง (苏有朋) และ เฉิน จื่อ เผิง (陈志朋) กลายเป็น กลุ่มนักร้องบอยแบนด์ ในชื่อ เสี่ยว หู่ ตุ้ย (小虎队 พยัคฆ์น้อย) และประสบความสำเร็จทันทีที่เปิดตัว
หลังจากที่ อู๋ฉีหลง โด่งดัง ก็มีรายได้จำนวนมากตามมา เขาจึงแบกรับหนี้ก้อนโตของคุณพ่อเพียงลำพัง
เพื่อปลดหนี้ให้ครอบครัว อู๋ฉีหลง ต้องทำงานหนักต่อเนื่องทุกวัน โดยมีเวลานอนอย่างมาก ๔ ถึง ๕ ชั่วโมงในแต่ละวัน เรียกว่าพอลืมตาตื่น ก็ต้องลุกมาทำงานทันที ไม่มีเวลาพักผ่อน
อู๋ฉีหลง นับแต่มีชื่อเสียงในยุค ๙๐
ภาระของเขาในแต่ละเดือนคือ หาเงินมาใช้หนี้ดอกเบี้ย เดือนละ ๒ แสนเหรียญ การทำงานหนักติดต่อกันเพื่อใช้หนี้ ทำให้เขารู้สึกกดดันและเหนื่อยล้ามาก
ถึงจะทำงานหนักเพื่อครอบครัว แต่สิ่งที่ครอบครัวมอบให้เขา กลับเป็นคำพูดบั่นทอนจิตใจ อาทิ มีอยู่ครั้งหนึ่ง คุณพ่อตำหนิเขาว่า
"ทำไมแกต้องดังซะขนาดนี้ ทำเอาฉันเดินข้างนอกไม่เป็นสุข"
ส่วน พี่ชาย และ น้องชาย ก็พากันถากถางว่า
"ทำไมนายไปเล่นหนังห่วย ๆ เหมือนคนปัญญาอ่อน ทำเอาพวกเราขายหน้า"
เพื่อหลีกหนีคำเยาะเย้ย ตำหนิ ถากถาง จากคนในครอบครัวตัวเอง
อู๋ฉีหลง จึงย้ายจากไต้หวันมาทำงานที่ฮ่องกง รับงานแสดงภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ ถ่ายแบบ
จนกระทั่งได้ร่วมงานแสดงในซีรี่ส์สุดดังปัง เรื่อง เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด (ชวง ซื่อ จี้ 创世纪 ปฐมบท) ทำให้เขาได้เจอกับนักแสดงหญิง ไช่ เส้า เฟิน (蔡少芬) ที่ความสัมพันธ์กับครอบครัวตกอยู่ในสภาพเดียวกับเขา
ไช่ เส้า เฟิน เป็นนักแสดงหญิงที่มีชีวิตส่วนตัวลำบาก
คุณพ่อคุณแม่ของเธอ ติดการพนันชนิดเข้าเส้นเลือดทั้งคู่
พ่อแม่ 'ขาย' เธอให้กับบริษัทจัดหน้านักแสดงของ หลิว หรวน สง (刘銮雄) ผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในวงการบันเทิงยุค ๙๐ เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้พนัน
หนุ่มสาวสองคน ที่มีหัวอกเดียวกัน มาร่วมงานกัน นานวันเข้า จากความเห็นอกเห็นใจ จึงกลายเป็นความรัก
ทว่า แม่ของ ไช่เส้าเฟิน อยากหาสามีรวย ๆ ให้กับลูกสาวมากกว่าที่จะมาลงเอยกับหนุ่มนักแสดงที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว จึงพยายามขัดขวางทุกวิถีทาง จนทั้งคู่ต้องเลิกกันในที่สุด
อู๋ฉีหลง ต้องการหาโอกาสใหม่ ๆ ให้ตัวเอง
จึงเดินทางไปจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง จอมโจร จอมยุทธ์ เซียวจับอิดนี้ง (เซียว สือ อี้ หลาง 萧十一郎 นิยายแปลไทยชื่อ ยอดขุนโจร) และได้พบกับ หม่า หย่า ซู (马雅舒)
ในขณะที่เจอกับ หม่าหย่าซู นั้น อู๋ฉีหลง สามารถชำระหนี้สินของครอบครัวได้หมดแล้ว ทำให้เขาอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ เพราะไม่มีห่วงให้ต้องพะวงแล้ว
และเขารู้สึกว่า หม่าหย่าซู เข้ากับเขาได้ ทั้งสองจึงถักทอสานรักกัน
หลังจากศึกษาดูใจกันยาวนาน ๕ ปี ทั้งคู่จึงจดทะเบียนสมรสกันที่ คุนหมิง (昆明) บ้านเกิดของฝ่ายหญิง
อู๋ฉีหลง ไม่เพียงมอบแหวนเพชรเม็ดงามราคาแพงให้ หม่าหย่าซู เขายังซื้อ บ้านหลังใหญ่ราคาแพง (เหา ไจ๋ 豪宅) ให้พ่อแม่ของเธอด้วย
ทว่า ชีวิตคู่ของทั้งสอง ผ่านไปเพียงสามปี ก็เตียงหักพังทลาย
เหตุผลก็คือ หลังจากแต่งงาน อู๋ฉีหลงก็มัววุ่นกับงานการแสดง ทำให้มีเวลาใช้ชีวิตคู่ผัวตัวเมียกันน้อยลง ๆ ทำให้ หม่าหย่าซู รู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยว จนเกิดนอกลู่นอกทาง
ปี ๒๐๐๙ หม่าหย่าซู ถูก ปาปารัสชี่ ถ่ายภาพขณะพักค้างคืนในโรงแรมกับผู้ชายต่างชาติ
หลังจากภาพถูกเผยแพร่ ข่าวฉาวถูกตีพิมพ์ อู๋ฉีหลง จึงประกาศขอหย่าอย่างเป็นทางการ
ต่อมา เขาได้จัดงานแถลงข่าว ให้สัมภาษณ์พร้อมน้ำตาว่า
"แต่งงานกับอดีตภรรยามาสามปี เคยหลับนอนด้วยกันไม่เกิน ๕ ครั้ง (跟前妻结婚三年,在一起睡觉不超过五次)"
ในขณะที่ หม่าหย่าซู ก็ออกมาตอบโต้ออกสื่อว่า
"จะมาโทษฉันได้ไง ? คุณไม่เอาไหนเองต่างหาก (那能怪我吗?还不是你不行!)"
คำพูดดังกล่าว เหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นชายของ อู๋ฉีหลง จมพสุธา ทำให้ อู๋ฉีหลง ขยาดกับเรื่องความรักและชีวิตคู่ ตั้งใจมุ่งหน้าทำงานหาเงินเพียงเรื่องเดียว
จวบจนถึงปี ๒๐๑๑ อู๋ฉีหลง ร่วมแสดงภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง เจาะมิติพิชิตบัลลังก์ หรืออีกชื่อ ฝ่ามิติลิขิตสวรรค์ (ปู้ ปู้ จิง ซิน 步步惊心 แปลว่า ทุกย่างก้าว ใจหวาดหวั่น) ทำให้ได้เจอกับ หลิว ซือ ซือ (刘诗诗) ที่อ่อนกว่าเขา ๑๗ ปี
ในตอนนั้น หลิวซือซือ มอง อู๋ฉีหลง ในฐานะไอดอล (โอ่ว เซี่ยง 偶像)
ส่วน อู๋ฉีหลง เห็นเธอเหมือน น้องสาว (小妹妹)
จวบจนถึง ปี ๒๐๑๓ ทั้งคู่ได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งใน เจาะมิติพิชิตบัลลังก์ หรืออีกชื่อ ฝ่ามิติลิขิตสวรรค์ ภาคสอง (ปู้ ปู้ จิง ฉิง 步步惊情 แปลว่า ทุกย่างก้าว รักล้นใจ)
สายตาที่ทั้งสองมองกัน เริ่มเปลี่ยนจาก ไอดอล กับ น้องสาว กลายเป็น คนรักมองตากัน
ยิ่งใช้เวลาคลุกคลีร่วมงานกัน ความรักในใจทั้งสองก็ยิ่งผลิบาน
เมื่อแน่ใจในความรัก ทั้งสองจึงประกาศคบกันออกสื่อ ท่ามกลางเสียงสนับสนุนจากแฟนคลับของทั้งคู่
ปี ๒๐๑๔ ความรักของทั้งสองสุกงอมเต็มที่ จนอยากแต่งงานใช้ชีวิตด้วยกัน
คราวนี้ อู๋ฉีหลง ตัดสินใจพา หลิวซือซือ ไปไทเป เพื่อพบพ่อแม่ของเขา
ในฐานะ ว่าที่ลูกสะใภ้ หลิวซือซือ ได้เตรียมแหวนเพชร ราคาสองแสนเหรียญ (ประมาณ ๑ ล้านบาท) เพื่อเป็นของขวัญแรกพบแด่ ว่าที่แม่ผัว
ทว่า ว่าที่แม่ผัว ดูไม่ค่อยพอใจนักกับของขวัญ ในภายหลังยังออกสื่อให้สัมภาษณ์ว่า
"กะอีแค่แหวนเพชรราคาสองแสน ไม่ถือว่าของแพง ดูแล้วเป็นแหวนเพชรเกรดต่ำ (才花了20w,那么点小钱,看来这钻戒也不咋地啊!)"
แม้ว่า ว่าที่แม่ผัว ดูร้าย แต่ หลิวซือซือ ก็พยายามเอาอกเอาใจนาง เพื่อเห็นแก่ อู๋ฉีหลง
จวบจนต้นปี ๒๐๑๕ ทั้งสองจึงได้จดทะเบียนสมรสกัน
หลังจากแต่งงานอยู่กินกันสักพัก
หลิวซือซือ ก็คิดจะย้ายออกจากครอบครัวสามี ซึ่งอยู่กันหลายคน ไปอาศัยกันตามลำพังสองผัวเมีย
อู๋ฉีหลง เห็นด้วยกับภรรยา ทว่า แม่ผัว กลับคัดค้าน พร้อมบอกเงื่อนไขให้ อู๋ฉีหลง ซื้อบ้านให้ พ่อแม่ พี่ชาย น้องชาย ครบทุกคนทุกหลังก่อน จึงค่อยย้ายออกไปได้
หลายปีที่ผ่านมา อู๋ฉีหลง ไม่เพียงต้องแบกรับใช้หนี้ก้อนโตของครอบครัว
เขายังต้องแบกรับภาระค่าครองชีพของครอบครัวด้วย ซึ่งก็คือ ค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ ค่าใช้จ่ายของ พี่ชาย พี่สะใภ้ ค่าใช้จ่ายของ น้องชาย น้องสะใภ้ รวมไปถึงการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่งเสีย หลายชาย หลานสาว ไปเรียนต่อต่างประเศอีกด้วย !!
1
การที่แม่ของ อู๋ฉีหลง ยกเงื่อนไขเรื่องซื้อบ้านให้ทุกคนในครอบครัว จึงเป็นเพียง 'ข้ออ้าง'
เพราะนางกลัวว่า หาก อู๋ฉีหลง ย้ายออกไปจริง ต่อไปจะไม่มีช่วยออกค่าใช้จ่ายจิปาถะในบ้าน
อู๋ฉีหลง มองว่า ค่อนชีวิตที่ผ่านมา ลำบากเพื่อครอบครัวและพ่อแม่มามากพอแล้ว
เขาไม่อยากให้ หลิวซือซือ ต้องมาอาศัยอยู่ในครอบครัวใหญ่ร่วมกัน อันอาจเกิดการกระทบกระทั่งได้ง่าย
เขาจึงยอมกัดฟัน ซื้อบ้านให้ พ่อแม่ พี่ชายพี่สะใภ้ น้องชายน้องสะใภ้ เพื่อจะได้ ปลีกตัว (ทัว เซิน 脱身) ออกไป
อาจกล่าวได้ว่า หลิวซือซือ คือ แสงสว่างที่ส่องมาในชีวิต ช่วยเขา ปลดพันธนาการ จากคำว่า ทำเพื่อครอบครัว
ในขณะที่สื่อ ก็เห็นใจใน อู๋ฉีหลง
ตามหลักครอบครัวคนจีน ลูกชายคนโตต้องแบกรับหนี้สินของครอบครัว
ทว่า อู๋ฉีหลง ลูกชายคนกลาง กลับแบกรับภาระหนี้สินเพียงลำพัง
ในขณะที่ พี่ชายคนโต มิเพียงไม่ช่วย ซ้ำยังบั่นทอนจิตใจเขา แล้วยังมาเกาะเขากินทั้งที่มีลูกเมียแล้ว
#กิตแซ่อั๊ง
1 บันทึก
3
1
2
1
3
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย