5 ม.ค. 2022 เวลา 03:50 • ธุรกิจ
กรณีศึกษา Google ทำอย่างไร ให้ขึ้นเป็นผู้นำ เซิร์ชเอนจินของโลก
ถ้าพูดถึง Google ในตอนนี้ คงแทบไม่มีใครที่ไม่รู้จัก
Google ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1998 โดยคุณ Larry Page และคุณ Sergey Brin ที่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
1
ต้องบอกว่า Google เริ่มต้นธุรกิจด้วยการให้บริการเซิร์ชเอนจินที่มีชื่อว่า “BackRub”
และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “Google” ที่มาจากคำว่า Googol หรือคำศัพท์ทางคณิตศาสตร์ที่ใช้เรียกหมายเลข 1 ตามด้วย ศูนย์ 100 ตัว
ที่น่าสนใจคือ เซิร์ชเอนจิน ของ Google หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า “Google Search” นั้นใช้เวลาเพียง 6 ปีในการโค่นล้มผู้นำก่อนหน้านั้นอย่าง Yahoo ได้ในปี 2004
อีกทั้งบริษัทก็ยังสามารถครองส่วนแบ่งการเซิร์ชเป็นอันดับหนึ่งมาตลอดจนถึงปัจจุบัน
แล้ว Google Search มีกลยุทธ์อะไร ? ที่ทำให้เป็นที่หนึ่งในดวงใจของผู้บริโภค มาอย่างยาวนาน
กลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ Google ประสบความสำเร็จ คือการมุ่งมั่นพัฒนาอัลกอริทึมที่จะมาช่วยให้การค้นหาตรงต่อความต้องการของผู้บริโภค
ซึ่งเรื่องนี้ตรงกันข้ามกับหลาย ๆ บริษัทที่เป็นคู่แข่งของ Google ในยุค 90’s ที่โฟกัสการสร้างรายได้จากธุรกิจเซิร์ชเอนจิน มากกว่าการสร้างความพึงพอใจให้ผู้ใช้งาน
ที่น่าสนใจคือ Google ได้พัฒนาฟีเชอร์ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
ไม่ว่าจะเป็น “PageRank” ที่ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์
รวมไปถึงฟีเชอร์อย่าง “Keyword” ที่เป็นอัลกอริทึมในการช่วยค้นหาคําศัพท์โดยเฉพาะ ที่เข้ามาช่วยเสริมความแม่นยำและความรวดเร็วของขั้นตอนการเซิร์ช
ซึ่งฟีเชอร์เหล่านี้ ก็กลายมาเป็นศาสตร์แห่งการปั้นเว็บไซต์ที่เรียกว่าการทำ “SEO” หรือ Search Engine Optimization ที่นักการตลาดใช้กันในปัจจุบัน
ความสำเร็จของ Google Search ในปัจจุบันนั้น สามารถอธิบายได้ด้วย 3 ปัจจัยหลัก ๆ คือ
1. ความแม่นยำในการค้นหา (Relevancy)
จากผลสำรวจของ Siteefy พบว่า
Google มีข้อมูลเว็บไซต์จดทะเบียนไว้ในระบบมากกว่า 50,000 ล้านเว็บไซต์ โดยกว่า 200 ล้านเว็บไซต์ เป็นเว็บไซต์ที่มีการใช้งาน Active อยู่ตลอดเวลา
พอเป็นแบบนี้ เวลาผู้บริโภคเซิร์ชข้อมูลใน Google Search ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเก่าหรือข้อมูลใหม่
Google ก็จะสามารถให้ผลลัพธ์การเซิร์ชที่แม่นยำมากกว่าคู่แข่งได้นั่นเอง
2. ระบบนิเวศที่ครบวงจร (Ecosystem)
Google เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิงอย่าง YouTube ที่มีผู้ใช้งานหลักร้อยล้านคนต่อวัน
ส่งผลให้ เวลาผู้บริโภคต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับวิดีโอ พวกเขาก็สามารถเซิร์ชบน Google Search ได้
มากไปกว่านั้น Google ที่เป็นเจ้าของระบบปฏิบัติการสมาร์ตโฟนอย่าง Android ที่มีผู้ใช้งานกว่า 2,800 ล้านคน
ส่งผลให้ ทุก ๆ สมาร์ตโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android มีการตั้งค่าเริ่มต้นการเซิร์ช หรือที่เราเรียกกันว่า Default Setting เป็น Google Search
แน่นอนว่าเรื่องนี้ ทำให้ Google ได้ฐานลูกค้ากว่า 2,800 คน เข้ามาอยู่ในระบบนิเวศของตัวเองได้อย่าง ง่ายดาย
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ Google ยังยอมจ่ายเงินให้กับบริษัทอย่าง Apple ที่เป็นเจ้าของ iPhone และระบบปฏิบัติการ iOS ราว ๆ 500,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อให้ค่าเริ่มต้นการเซิร์ชของทุกสมาร์ตโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS ให้กลายมาเป็น Google Search อีกด้วย
เพราะฉะนั้นเราเลยเห็นว่า เวลาเซิร์ชอะไรใน Safari มันก็จะแสดงผลการค้นหาขึ้นมาว่า ค้นหาโดย Google นั่นเอง
 
3. ความเร็ว (Speed)
Google Search คือเซิร์ชเอนจินที่เร็วที่สุดในโลก
ที่น่าสนใจคือ Google Search ใช้เวลาเพียง 0.19 วินาที ในการค้นหาผลลัพธ์ตามคำค้นหา
และสามารถแสดงผลลัพธ์สูงสุดได้มากถึง 1 ล้านเว็บไซต์ ต่อการเซิร์ชหนึ่งครั้ง อีกด้วย
ทั้งหมดนี้ ก็ส่งผลให้ Google Search กลายมาเป็นเซิร์ชเอนจินที่ครองใจผู้บริโภคมานานกว่า 17 ปี
โดยปัจจุบัน Alphabet ที่เป็นบริษัทแม่ของ Google มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ราว 65 ล้านล้านบาท
มีรายได้ในปี 2020 อยู่ที่ 6.2 ล้านล้านบาท กำไร 1.37 ล้านล้านบาท
และเป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ในปัจจุบัน..
References
โฆษณา