4 ม.ค. 2022 เวลา 13:32 • หนังสือ
ปีใหม่นี้เพื่อน ๆ มี New Year's resolution ว่ายังไงกันบ้างครับ?
หลายคนอาจตั้งว่า...
"ปีนี้ฉันจะลดน้ำหนัก!" "ปีนี้ฉันจะฝึกนั่งสมาธิ"
"ปีนี้ฉันจะตั้งใจทำงานเก็บเงินแล้วไปเที่ยวต่างประเทศ!"
"ปีนี้ฉันจะเป็นราชาโจรสลัดให้ได้เล๊ย!!" (อันนี้ไม่น่ามี 5555)
สารพัด #เป้าหมาย สารพัด #NewYearsResolution ถูกตั้งขึ้นมาด้วยจิตใจอันแรงกล้าเมื่อเข้าช่วงปีใหม่ แต่ผ่านไปไม่นานเป้าหมายเหล่านั้นกลับจางหายไป บางเป้าหมายยังไม่ทันถึงเดือนกุมภา ฯ ด้วยซ้ำ เราก็เริ่มเอามือกุมขมับกันเสียแล้ว
"หลายครั้งที่การตั้งเป้าหมายเกิดขึ้นแค่ในกระดาษและอีกหลายครั้งก็เกิดขึ้นเพียงแค่ในอากาศ"
ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป้าหมายและความตั้งใจของเราจางหายไป สิ่งที่สำคัญซะยิ่งกว่าการตั้งเป้าหมายและจิตใจอันแรงกล้า นั่นก็คือ "การติดตามผล"ครับ
วันนี้ผมเลยจะมาแชร์วิธี #การติดตามผล ที่ผมใช้แล้วได้ผลดีให้เพื่อน ๆ ได้นำไปปรับใช้กันดูครับ วิธีที่ว่าคือ "การเขียนไดอารี่" หรือ "การเขียนบันทึกประจำวัน" นั่นเองครับ
หลายคนพอเห็นคำว่า #ไดอารี่ หรือ #บันทึกประจำวัน ก็อาจเกิดความคิดความรู้สึกขึ้นมาเลยว่า "น่าเบื่อ ไม่เอาอะ ขี้เกียจทำ ไม่อยากทำ"
ที่เป็นแบบนี้อาจเพราะเราไม่รู้ว่าควรจะเขียนอะไรกันบ้างครับ
ซึ่งวิธีการเขียนไดอารี่ที่ผมจะนำมาแชร์กันในวันนี้ จะช่วยแก้ปัญตรงนั้นได้ครับเพราะเป็นเพียงการตอบคำถามง่าย ๆ แค่ 4 ข้อ และใช้เวลาไม่นานประมาณ 10 นาทีตอนก่อนนอนเท่านั้น เพื่อน ๆ สามารถนำไปปรับใช้กันได้แน่นอนครับ
โดยผมขออณุญาตยกบทความแรก ที่ผมเคยเขียนไว้ในเพจ #ครูจิตพัฒน์ มา Rewrite หรือเขียนใหม่อีกครั้ง เพราะเห็นว่าน่าสนใจและน่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ หลายคน ที่กำลังตั้งเป้าหมายกันในปีนี้ ให้ได้อ่านกันครับ
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจร่วมกันก่อนครับว่า "ไดอารี่" หรือ "บันทึกประจำวัน" เป็น #พื้นที่ส่วนตัว ของเรา เป็น #พื้นที่ปลอดภัย ที่เราจะเขียนอะไรลงไปก็ได้ จะไม่มีใครมาอ่านสมุดเล่มนี้นอกจากตัวเราเอง
ดังนั้นไม่ต้องไปกังวลว่าเราจะเขียนดีมั้ย เขียนสวยรึเปล่า เขียนถูกหรือไม่ เพราะไม่มีใครมาคอยตรวจหรือคอยให้คะแนนการเขียนของเรา
อยากให้เพื่อน ๆ ได้เขียนและได้ปลดปล่อยความคิดความรู้สึกออกมาอย่างเต็มที่ เพื่อส่งให้เราเข้านอนได้อย่างสบายใจ พร้อมที่จะตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตในเช้าวันใหม่อย่างสดใสกว่าเมื่อคืนก่อน
ถ้าเข้าใจตรงกันแล้ว ไปดูคำถามทั้ง 4 ข้อกันเลยครับ
ข้อที่ 1 "วันนี้คุณทำอะไรสำเร็จบ้าง?"
-อะไรที่เราตั้งใจว่าจะเริ่มทำ แล้วเราเริ่มทำได้
-อะไรที่เราตั้งใจว่าจะเลิกทำ แล้วเราเลิกทำได้สำเร็จ
-อะไรที่เราทำได้อย่างต่อเนื่อง ติดต่อกันเป็นวันที่ 2 3 4 ... n
เช่น วันนี้ได้ออกไปวิ่งหลังเลิกงานด้วยแหละ ,เราเลิกเล่นโทรศัพท์ก่อนเข้านอน ได้แล้ว ,เรานั่งสมาธิติดต่อกันได้ 3 วันแล้ว เย้!
ข้อที่ 2 "วันนี้คุณทำอะไรไม่สำเร็จบ้าง?"
-อะไรที่เราทำเสร็จไม่ทันตามกำหนดเวลา
-อะไรที่ตั้งใจไว้ว่าจะเริ่มทำ แต่ก็ยังไม่ได้เริ่ม
-อะไรที่ตั้งใจไว้ว่าจะเลิก แต่ยังทำอยู่ดี
-อะไรที่เราเผลอหยุดทำไป ทำให้โซ่แห่งความต่อเนื่องหลุดขาดลง
ไม่ได้จะบอกให้เราเขียนด่าหรือโทษตัวเองนะครับ เพียงแต่เขียนให้รู้ว่าเราทำอะไรได้และไม่ได้บ้าง เพื่อนำไปตอบคำถามในข้อถัดไป
ข้อที่ 3 "วันนี้คุณได้เรียนรู้อะไรบ้าง?"
-เราทำอะไรสำเร็จหรือทำได้ต่อเนื่องบ้าง (จากข้อที่1) แล้วเรารู้สึกยังไง แล้วเพราะอะไรเราถึงทำได้ เช่น ออกไปวิ่งมันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดนี่หว่า ถ้าเราเตรียมของและตั้งเวลาเตือนไว้ก่อน
-อะไรที่เราทำไม่สำเร็จ (จากข้อที่2) เพราะอะไรเราถึงทำไม่สำเร็จ ยังทำไม่ได้ หรือยังไม่ได้ทำ เช่น เราไม่ได้ปิดเสียงโทรศัพท์ พอมันเด้งดังขึ้นมา เราก็เผลอไปหยิบมาเล่นทำให้เราเสียสมาธิและทำงานเสร็จไม่ทันตามเวลา ต่อจากนี้เราจะลองปิดเสียงโทรศัพท์และเอามันไปไว้ให้ไกลตา เหมือนวิธีที่มนุดปอเคยเขียนไว้
จริง ๆ แล้วมันก็คือวิธีการทำ #feedbcak อย่างนึงเหมือนที่ผมพูดถึงอยู่บ่อย ๆ นั่นแหละครับ
สิ่งสำคัญคือมุมมองของเราต่อความพลาดพลั้งครั้งนั้น
"บางครั้งเราแค่พลาด แต่เราไม่ได้ผิด"
ถ้าเราสามารถเรียนรู้จากมันได้ ความพลั้งพลาดนั้นก็จะกลายเป็นบทเรียนที่ดีและมีค่า
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ "อย่าลืมให้กำลังใจตัวเองกันด้วยล่ะ"
อย่างน้อยลองยิ้มกว้าง ๆ ให้ตัวเองกันซักนิด ก็จะช่วยให้จิตใจเราแจ่มใสขึ้นมาได้บ้างแล้วแหละ
ข้อที่ 4 "ใครหรืออะไรที่ทำให้คุณรู้สึกอยากขอบคุณในชีวิต?"
ไม่ว่าจะเป็น...
-คนใกล้ตัว พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ครูอาจารย์ เพื่อน แฟน หมาแมวหรือสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ รวมไปถึงไอดอลหรือศิลปินที่เราชื่นชอบ ทั้งที่มีตัวตนอยู่ในโลกจริงหรือมีเพียงตัวตนอยู่ในโลกนิยายก็ตาม จะเป็นใครก็ได้เพียงแค่เรานึกถึงเขาทีไรก็ทำให้ใจของเรานุ่มฟูขึ้นมา เขาเหล่านั้นแหละครับที่เราอยากจะขอบคุณ
-เหตุการณ์หรือเรื่องราวประทับใจ ช่วงเวลาหรือโมเม้นท์ดี ๆ แค่เพียงเสี้ยวินาทีเดียว ก็ถือเป็นสิ่งมีค่าที่น่าขอบคุณเช่นกัน
-สิ่งของรอบตัว ผ้าเน่า หมอนใบเก่า หรือตุ๊กตาขนผ้าขาดรุ่ย
ที่เรานั้นเคยมีประสบการณ์ดี ๆ ร่วมกับมัน ถ้าตอนเด็กไม่มีผ้าเน่าผืนนั้นเราคงนอนไม่หลับเป็นแน่ จะขอบคุณมันก็ได้นะ
-และรวมไปถึงการขอบคุณตัวเอง ขอบคุณความตั้งใจของตัวเอง ขอบคุณตัวเองที่ให้อภัยกับตัวเราเอง ขอบคุณนิสัยดี ๆ ของเรา ที่ทำให้เราได้พบพานกับเรื่องดี ๆ ขอบคุณตัวเราที่มีความสุขกับการใช้ชีวิต ขอบคุณตัวเองที่กำลังเขียนเรื่องราวความสุขเหล่านั้นอยู่ ณ ตอนนี้
จะเขียนออกมาข้อละกี่อย่างก็ได้นะ แต่ผมอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ จับเวลาในการเขียนไว้ด้วย ซักประมาณ 10 นาทีไม่เกิน เพื่อไม่ให้การเขียนไดอารี่ของเรามันไหลเรื่อยเปื่อย จนไปรบกวนเวลาเข้านอนของเรา และเวลาที่จำกัดนี้ยังช่วยให้เราเรียบเรียงและเขียนเรื่องที่มันสำคัญจริง ๆ ออกมาได้มากขึ้น
แต่ถ้าเราเขียนได้ไม่ถึง 10 นาทีหรือเขียนได้ไม่ครบทุกข้อก็ไม่เป็นไร
เพียงแค่อยากให้เพื่อน ๆ เขียนให้ได้ทุกวัน เพราะมันเป็นบันทึกประจำวัน
เราจะได้เห็นและรู้จักตัวเองกันมากขึ้น ช่วยให้เราติดตามและประเมินผลพฤติกรรมหรือเป้าหมายที่เราตั้งไว้ รวมไปถึงทำให้เราได้ค้นพบกับความสนุกเล็ก ๆ ในแต่ละวันที่ทำให้เรามีความสุขได้ง่าย ๆ ก่อนเข้านอน
"ถ้าการใช้เวลาเขียนบันทึกประจำวัน วันละ 10 นาที แล้วทำให้ตัวเองมีความสุขขึ้น หากไม่ทำก็น่าเสียดายแย่" -ชิออน คาบาซาวะ
สุดท้ายนี้ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อน ๆ ทุกคนในการทำตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ค่อย ๆ เรียนรู้และพัฒนาตัวเองต่อไป เราจะเติบโตขึ้นได้อย่างแน่นอนครับ
"Just take a baby step." 👶🏻 By #มนุดปอ #manudpor #productivity #psychology #จิตวิทยา #พัฒนาตนเอง #selfdevelopment #selfgrowth #books #routine #กิจวัตรประจำวัน #diary | 001/2022 (มนุดปอ Ep.43)
อ้างอิง
- หนังสือ "THE POWER OF OUT PUT ศิลปะของการปล่อยของ" โดย
Shion Kabasawa
- น่าเสียดายมาก ถ้าไม่ได้เขียนบันทึกตั้งแต่วันนี้ | Podcast #30 โดย
Auditorium - Youtube
- "วิธีรักชีวิต" โดย Headspace: วิธีฝึกสมาธิ ซีซั่น 1 ตอนที่ 3 - Netflix
- บทความ "มุงสู่เป้าหมายและความสุขได้ ด้วยการเขียนไดอารี่วันละ 10 นาที" โดยมนุดปอ จากเพจครูจิตพัฒน์
โฆษณา