4 ม.ค. 2022 เวลา 13:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ตัวอย่าง Exclusive Content
Lucid (NYSE: LCID) รถไฟฟ้าหรูจากสหรัฐผู้เกิดมาฆ่า Tesla!!!
หลังจากที่เราได้เจาะลึกบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าในจีนไปจำนวนหนึ่งแล้ว ในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จัก “Lucid” บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าหรูจากฝั่งสหรัฐบ้างอีกตัวที่พึ่งเข้าตลาดไปไม่นาน
#Lucid ทำอะไร?
Lucid เป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติสหรัฐอเมริกาที่ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2007 โดยคุณ “Bernard Tse” อดีตทีมงานของเทสล่า ซึ่งเริ่มแรกบริษัทได้ถูกก่อตั้งในชื่อ “Atieva” แต่ได้ถูกเปลี่ยนเป็น “Lucid” ในปี 2016
แต่ปัจจุบันผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัทคือนาย Peter Rawlinson ลูกหม้อเก่าของ Tesla อีกเช่นกัน โดยเขาเป็นผู้ที่เคยนั่งคุมตำแหน่ง Vice President of Engineering ที่ Tesla และยังเป็น Chief Engineer ของ Model S ในตอนนั้นอีกด้วย
ซึ่ง Peter Rawlinson ได้เข้ามาร่วมงานกับ Lucid ตั้งแต่ปี 2013 ในฐานะ Chief Technology Officer (CTO) และได้ขึ้นตำแหน่งเป็น Chief Executive Officer (CEO) ในปี 2019
Lucid เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับเงินลงทุนจาก Saudi Arabia’s Public Wealth Fund ในปี 2018 ด้วยจำนวนเงินมากถึง 30,000 ล้านบาท จากการที่ประเทศนี้กำลังหา s-curve การเติบโตใหม่หลังหมดยุคของน้ำมัน
หลังจากนั้นบริษัทได้เข้าตลาดหุ้นโดยการควบรวมกับ SPACs ที่ชื่อว่า Churchill Capital Corp IV (NYSE: CCIV) ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา
SPAC ย่อมาจาก “Special Purpose Acquisition Company” หรือแปลเป็นไทย คือ บริษัทที่ตั้งมาเพื่อควบรวมกิจการโดยเฉพาะ ซึ่งเมื่อ SPAC ทำ IPO สำเร็จ ได้เงินมาก็เอาเงินมานอนรอไว้เฉยๆ เพื่อหาการควบรวมกิจการกับบริษัทที่น่าสนใจ
โดยในเคส Lucid ก็เป็นการเข้าควบรวมกับ SPAC ของ Churchill Capital Corp IV
#รถยนต์ Lucid มีรุ่นอะไรบ้าง?
ปัจจุบัน Lucid จำหน่ายรถยนต์อยู่เพียงรุ่นเดียวคือ “Lucid Air” โดยบริษัทได้แบ่งออกเป็น 4 ออฟชั่นด้วยกัน
1. Dream Edition → ราคาประมาณ 5.6 ล้านบาท / 1,080 แรงม้า / ระยะทางที่วิ่งได้ 500+ mi (800+ km)
2. Grand Touring → ราคาประมาณ 4.6 ล้านบาท / 800 แรงม้า / ระยะทางที่วิ่งได้ 500+ mi (800+ km)
3. Touring → ราคาประมาณ 3.1 ล้านบาท / 620 แรงม้า / ระยะทางที่วิ่งได้ 400+ mi (640+ km)
4. Pure → ราคาประมาณ 2.6 ล้านบาท / 480 แรงม้า / ระยะทางที่วิ่งได้ 400+ mi (640+ km)
1
ซึ่งเราจะเห็นว่าราคาขายรถของ Lucid จะค่อนข้างสูงมากเมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์อื่นๆ Lucid Air จึงมักจะถูกเปรียบเทียบกับ Tesla Model S และ Porsche Taycan เป็นหลัก
โดยสมรรถนะของ Lucid Air ต้องเรียกได้ว่าโดดเด่นไม่แพ้ใคร และเป็นอันดับต้นๆในอุตสาหกรรมเลยก็ว่าได้ทั้งแรงม้าและระยะทางที่ทำได้ ซึ่งเมื่อเราเทียบรถไฟฟ้าตัวตัวท็อปอย่าง Lucid Dream Edition และ Tesla Model S Long Range จะเห็นได้ว่า Lucid สามารถทำระยะทางได้มากกว่า Tesla ถึงกว่า 26% เลยทีเดียว (500 ไมล์ vs 400 ไมล์)
ยิ่งไปกว่านั้น Lucid ยังเป็นยานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ชาร์จเร็วที่สุดด้วยเช่นกัน บนพื้นฐานของเทคโนโลยีไฟฟ้า 900 โวลท์ สามารถชาร์จไฟ(DC)เพียง 20 นาที และวิ่งได้ระยะทางมากถึง 300 miles ถือว่าเร็วมากๆในปัจจุบัน
1
#Lucid มีดีอะไรถึงทำรถที่มีประสิทธิภาพได้สูงมาก
คำตอบคือสูตรลับในส่วนของ Powertrain หรือระบบส่งกำลังของรถแบบ Permanent Magnet Synchronous Motors ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ Tesla ใช้ แต่ทาง Lucid ปรับปรุงเรื่องประสิทธิภาพส่วนของขดลวดภายในใช้ชิพ Silicon Carbide แทน Silicon แบบเดิม เพื่อให้ระบบสูญเสียความร้อนน้อยกว่าเดิม ใช้พลังงานขับเคลื่อนคุ้มค่า
#ยอดขายรถยนต์
เมื่อเราดูเป้าส่งมอบรถยนต์ของ Lucid ต้องบอกว่ายังห่างชั้นกับ Tesla อยู่มาก จากการที่ปัจจุบัน Lucid จะมีแต่รถยนต์ที่ราคาแพงเป็นหลัก โดยบริษัทได้เพึ่งเริ่มส่งมอบรถยนต์ในปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตามเป้าส่งมอบรถยนต์ของ Lucid ถ้าทำได้จริงก็ถือว่าจะเติบโตสูงมากๆ
โดยบริษัทมีแผนส่งมอบรถในปี 2022 ที่ 2 หมื่นคัน
ปี 2023 ทีเกือบ 5 หมื่นคัน
และมากขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงประมาณ 2.5 แสนคันในปี 2026 เลยทีเดียว
2
ซึ่งในอนาคต Lucid จะออกรถยนต์รุ่นใหม่ๆนอกเหนือจาก Lucid Air ที่ราคาต่ำลงมาด้วยเช่นกัน จากการที่บริษัทจะเข้าไปแข่งกับตลาดรถราคาประหยัดแบบที่ Tesla Model 3 ทำอยู่ รวมถึงรถยนต์แบบ SUV ที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมในสหรัฐเป็นอย่างมาก
#Autonomous Driving
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าตัวรถยนต์ของ Lucid จะมีประสิทธิภาพสูงเป็นอันดับต้นๆในอุตสาหกรรม แต่เมื่อเราพูดถึงระบบ Autonomous Driving ของ Lucid แล้ว ต้องถือว่ายังไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่
โดย Lucid ได้ใช้ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ชื่อว่า Lucid DreamDrive ที่ใส่ LiDAR และเซนเซอร์อย่างกล้อง Radar Ultrasonic เข้ามารวมกันประมาณ 32 ตัว ที่เป็นมาตรฐานของ Lucid ซึ่งทางบริษัทคิดว่าเพียงพอต่อการพัฒนาระบบต่างๆเพิ่มเติมในอนาคต (เป็นต้นทุนสูงมากเพราะเฉลี่ยแล้วรถยนต์ในปัจจุบันจะติดเซนเซอร์ราว 20 ตัว)
ทางด้านเจ้าแม่ EV อย่าง Cathie Wood ก็ยังข่ม บอกแผนการพัฒนาระบบ Software ของ Lucid ยังเทียบชั้นไม่ได้เลยกับ Tesla
#Luxury Vehicle Market Opportunity
ส่วนโอกาสการเติบโตของ Lucid ก็เหมือนกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าเจ้าอื่นๆ ที่ขึ้นอยู่กับความรวดเร็วของการ Adoption จากผู้บริโภคว่าจะเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากแค่ไหนในอนาคต ซึ่งปัจจัยต่างๆก็มีส่วนสำคัญ เช่น สถานที่ชาร์จไฟมีพร้อมหรือไม่ กำลังการผลิตมีพอกับความต้องการที่เกิดขึ้นรึป่าว รวมทั้งกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆจากรัฐบาลในการสนับสนุนนรถยนต์ไฟฟ้า
ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าถ้าได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากนโยบายรัฐ ในปี 2026 ยอดขายรถยนต์ใหม่ในโลกจะมีสัดส่วนกว่า 48% เป็นรถยนต์ไฟฟ้า กระโดดจากปี 2020 ที่ผ่านมาอย่างมากที่ประมาณ 4.7% เท่านั้น
ส่วนตลาดรถยนต์หรูที่ Lucid มีส่วนแบ่งอยู่ในปัจจุบัน ถูกคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าถึง $733 Billion ในปี 2026 โดยเราเชื่อว่า Lucid ก็เป็นหนึ่งในผู้ได้ประโยชน์ในอนาคตอย่างแน่นอน
#Valuation
เมื่อเราพูดถึงเรื่อง Valuation ของ Lucid แล้วก็ต้องถือว่าไม่ถูกเลย โดยถ้าเรานำรายได้ที่บริษัทคาดการณ์ว่าจะทำได้ในปี 2023 ที่ $5.5 Billion (มาจากการส่งมอบรถ 5 หมื่นคัน ราคาคันละ $1 แสน) หารกับ Market Cap ในปัจจุบันที่ประมาณ $60 Billion เราจะได้ Forward P/S ในปี 2023 ที่ประมาณ 11 เท่า
ซึ่งถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่าง Tesla ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะมี Forward P/S ในปี 2023 ที่ 11.79 เท่าแล้ว ก็ต้องถือว่าเทรดในระดับพรีเมี่ยมพอๆกันเลย แต่ถ้าเราดูบริษัทรถไฟฟ้าในจีนอย่าง NIO และ XPeng จะเห็นว่าถูกกว่ามาก โดยคาดการณ์ว่าจะมี Forward P/S ในปี 2023 ที่ 2.99 และ 4.35 เท่าตามลำดับ
BottomLiner
โฆษณา