4 ม.ค. 2022 เวลา 15:03 • กีฬา
หลังจากที่ ราล์ฟ รังนิค คุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เป็นนัดที่ 6 รวมทุกรายการ ในที่สุดทีมปีศาจแดงภายใต้การคุมทีมของกุนซือชาวเยอรมันก็ได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้เป็นนัดแรกเรียบร้อยแล้ว เมื่อโดน วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส บุกเชือดคาบ้านนิ่มๆ 0-1
นี่ไม่ใช่ความปราชัยแบบที่ว่า วูล์ฟแฮมป์ตัน ใช้โอกาสอันน้อยนิดคว้า 3 คะแนนแบบฉาบฉวย แต่มันคือเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด สมควรแพ้ด้วยประการทั้งปวงจริงๆ
ตลอดทั้งเกม ทีมของรังนิคมีโอกาสยิงตรงกรอบเพียง 2 ครั้ง ซึ่งช็อตที่ได้ลุ้นจริงๆ จังๆ ก็แค่ลูกฟรีคิกของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บที่โดน โชเซ่ ซา บินปัดทิ้งได้สุดยอดแค่นั้น นอกนั้นนายด่านชาวโปรตุกีสของทีมหมาป่าไม่ต้องเจองานหนักอะไรเลย
ตรงข้ามกับทีมเยือน ที่หาโอกาสลุ้นประตูมากถึง 19 ครั้ง (ตรงกรอบ 6 ได้ 1 ประตู) ซึ่งถ้านับเฉพาะครึ่งแรก ผีแดงปล่อยให้ทีมเยือนมีโอกาสลุ้นถึง 15 หน ทำให้ทีมหมาป่าทำสถิติมีโอกาสจบสกอร์ใน 45 นาทีแรกของเกมพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้มากที่สุด เทียบเท่ากับที่ อาร์เซน่อล เคยทำได้ในเกมบุกถล่ม ลีดส์ ยูไนเต็ด 4-1 เลยทีเดียว
เท่านั้นไม่พอ หากใครนั่งดูเกมนี้ตั้งแต่แรก จะพบว่าช่วง 60 นาทีแรกของเกม เป็นฝั่งวูล์ฟส์ต่างหากที่ครองเกมบุกใส่ได้ตลอดแทบจะฝั่งเดียว ส่วนฝั่งปีศาจแดงไม่ได้แม้แต่ลูกเตะมุมเลยสักครั้ง
1
ถ้าไม่ได้ ดาบิด เด เคอา ช่วยโชว์ซูเปอร์เซฟไว้หลายช็อต หรือถ้า ราอูล ฮิเมเนซ ดูคล่องตัวและเฉียบคมกว่านี้ รับรองได้เลยว่า แมนฯ ยูไนเต็ด คงเสียประตูก่อนจะโดน ชูเอา มูตินโญ่ ยิงใส่ไปตั้งนานแล้ว
ด้วยความที่เกมส่งท้ายปี 2021 ราล์ฟ รังนิค สามารถพาทีมเปิดบ้านชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-1 ได้ด้วยรูปเกมที่ไม่ต้องลุ้นเหนื่อยอะไร ทำให้เขารักษาความต่อเนื่องเอาไว้ด้วยการเปลี่ยน 11 ตัวจริงจากเกมดังกล่าวแค่ตำแหน่งเดียว นอกนั้นอีก 10 คนที่เหลือเหมือนเดิมหมด
ฟูลแบ็ก 2 ฝั่งยังคงใช้งาน ลุค ชอว์ กับ อารอน วาน-บิสซาก้า
เมสัน กรีนวู้ด กับ เจดอน ซานโช่ รับบทปีกขวา-ซ้ายตามลำดับ โดย 2 คนนี้สามารถวิ่งสลับตำแหน่งกันได้ตลอด ไม่ใช่ประจำการแค่ริมเส้นฝั่งเดียวตลอดเกม
คู่กลางยังคงเลือกใช้งาน สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กับ เนมานย่า มาติช หลังจากที่เกมนัดก่อน มาติช รับบทตัวโฮลด์บอลเป็นหลัก จนสนับสนุนให้ แม็คโทมิเนย์ ทำหน้าที่มิดฟิลด์ตัว บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ เติมขึ้นไปแถวสองได้มากขึ้น
ส่วนแดนหน้ายังคงใช้งาน 2 ดาวยิงอายุรวมกัน 70 ปีอย่าง เอดินสัน คาวานี่ ยืนคู่กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
จุดเดียวที่เปลี่ยนแปลงคือส่ง ฟิล โจนส์ ลงยืนเซนเตอร์แบ็กตัวจริงคู่กับ ราฟาแอล วาราน แทนที่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ หลังจากที่กองหลังกัปตันทีมเกิดเจ็บหน้าอกจากการซ้อม ส่วน วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ยังไม่หายป่วยจากเชื้อโควิด-19 ขณะที่ เอริก ไบยี่ ต้องเดินทางไปเก็บตัวกับทีมชาติไอวอรี่โคสต์ชุดสู้ศึก แอฟริกา คัพ ออฟ เน ชั่นส์
นี่คือการกลับมาลงเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้งในรอบเกือบ 2 ปี หรือ 707 วันของ โจนส์ หลังจากลงช่วยทีมครั้งสุดท้ายคือเกม เอฟเอ คัพ รอบ 4 ที่เขาทำประตูได้ 1 ลูกช่วยทีมบุกถล่ม ทรานเมียร์ โรเวอร์ส 6-0 เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2020
แต่ไม่น่าเชื่อว่าในวันที่ ฟิล โจนส์ คือนักเตะที่ทำผลงานให้ทีมเจ้าถิ่นได้น่าประทับใจที่สุด มันกลับเป็นวันที่ผู้เล่นเอาต์ฟิลด์ทุกคนที่เหลือ กลับเล่นเหมือนกับว่าเป็นนักเตะที่ไม่ได้ลงแข่งเกมฟุตบอลอาชีพมานาน 2 ปีไปซะแทน
1
สิ่งแรกที่เราได้เรียนรู้จากเกมนี้ก็คือ ตัวผู้เล่นเดิม แผนการเล่นเดิม แต่ถ้าเจอคู่แข่งไม่เหมือนเดิม สถานการณ์ก็เปลี่ยนได้
ถึงแม้ ราล์ฟ รังนิค จะพยายามใช้ผู้เล่นชุดหลักจากนัดชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-1 ที่เพิ่งทำผลงานได้น่าพอใจ แต่นั่นไม่ได้มีอะไรการันตีว่าเมื่อเจอคู่แข่งที่คุณภาพและสไตล์แตกต่างกัน มันจะออกมาเวิร์คอีก
วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ไม่ใช่ เบิร์นลี่ย์ และคุณภาพของ 2 ทีมนี้ ณ ปัจจุบันก็แตกต่างกันมากพอสมควร
ในขณะที่ เบิร์นลี่ย์ ช่วงหลังไม่มีอันตรายอะไรในเกมรุก แถมสามารถแพ้ได้ทั้ง นิวคาสเซิ่ล และ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ แต่ทางด้าน วูล์ฟส์ โชว์ฟอร์มการเล่นที่ต่อกรกับ ลิเวอร์พูล และ เชลซี ได้อย่างสูสี ขณะที่เกมบุกเยือน แมนฯ ซิตี้ แม้จะเหลือนักเตะแค่ 10 คน แต่ก็เล่นกันได้เหนียวแน่นมากซะจนเรือใบสีฟ้าเกือบจะเจาะไม่เข้า
1
ในวันที่ รังนิค พาทีมปราบ เบิร์นลี่ย์ 3-1 ทั้งสองทีมใช้ระบบ 4-4-2 เหมือนกัน แต่คุณภาพนักเตะแตกต่างกัน นั่นทำให้ผีแดงเอาชนะที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้แบบไม่ยาก แม้จะไม่ได้เล่นด้วยมาตรฐานที่ดีที่สุดก็ตาม
แต่สำหรับเกมมันเดย์ไนท์นัดล่าสุด บรูโน่ ลาช วางแท็กติก 3-4-3 มาสู้ จนช่วงชิงพื้นที่จากนักเตะปีศาจแดงมาครองได้แทบจะเบ็ดเสร็จ และโชว์ฟอร์มการเล่นแบบที่ว่าเหนือกว่าทีมเจ้าของสนามอย่างชัดเจน
1
ทีมที่ใช้ระบบ 3 เซนเตอร์แบ็กแบบที่กองหลังทุกคนเข้าใจกันเรื่องการยืนตำแหน่ง ถือว่าเป็นเรื่องยากที่ทุกทีมจะเจาะได้อยู่แล้ว
ยิ่งมาเจอกับเกมที่แนวรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นกันแบบไม่มีทีมเวิร์ค มันจึงกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นไปอีก ที่พวกเขาจะรอดพ้นการเสียประตู
ในครึ่งแรกเราได้เห็นจังหวะที่ เจดอน ซานโช่ ดันฝืนยิงในจังหวะที่ควรจ่ายออกซ้ายให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ขณะที่ เอดินสัน คาวานี่ ก็เลือกตะบี้ตะบันยิงไปอีกคน ในจังหวะช่วงท้ายครึ่งแรกที่มี เมสัน กรีนวู้ด ยืนโล่งกว่าทางขวา
ตรงกลางสนามถือว่า วูล์ฟแฮมป์ตัน ยืนกันแน่นมากๆ คู่มิดฟิลด์ทีมชาติโปรตุเกสอย่าง รูเบน เนเวส กับ ชูเอา มูตินโญ่ มีคุณภาพเหนือกว่าคู่กลางของ เบิร์นลี่ย์ ที่ผีแดงเพิ่งเอาชนะมา และดูจะมีคุณภาพสูงกว่าการจับคู่กันของ แม็คโทมิเนย์ และ มาติช
สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กลายเป็นผู้เล่นที่น่าผิดหวังมากๆ ในเกมนี้ เขาไม่สามารถช่วยทีมในเรื่องของการเอาบอลขึ้นหน้าได้ดีเลย แถมยังมาโดนใบเหลืองแบบไม่จำเป็นในช่วงต้นครึ่งหลังอีกต่างหาก
การโดนใบเหลืองครั้งที่ 5 ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ของ แม็คโทมิเนย์ รวมถึง ลุค ชอว์ ที่โดนจดชื่อตามในอีกไม่กี่นาทีถัดมา ยังทำให้ 2 คนนี้ต้องติดโทษแบนไปพร้อมกันในเกมลีกนัดบุกเยือน แอสตัน วิลล่า คืนวันที่ 15 มกราคมนี้อีกด้วย
นั่นจึงเป็นปัญหาเพิ่มเติมของ รังนิค อีกครั้ง เพราะมันยังคงเป็นอีกเกมที่เขาจะยังมีตัวเลือกในการจัดแท็กติกไม่ครบสมบูรณ์ หลังจากช่วงที่ผ่านมาก็เจอปัญหาคนนั้นคนนี้บาดเจ็บเพิ่มเรื่อยๆ ตลอด
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะว่ากันตามตรง ขนาดช่วงหลายๆ นัดที่ผ่านมา รังนิค ก็มีตัวเลือกในการวางแท็กติกการเล่นมากกว่าหลายๆ ทีม เขายังไม่สามารถจูนนักเตะให้เข้ากันได้แบบจริงๆ จังๆ ให้เห็นเลย
แน่นอนว่าเราเข้าใจว่าการที่ รังนิค เพิ่งมีเวลาเข้ามาทำงานกับสโมสรยังไม่ครบเดือน แถมเจอกับช่วงที่มีเชื้อโควิด-19 ระบาดหนักในทีมจนต้องปิดศูนย์ฝึกซ้อม มันทำให้ความต่อเนื่องในการทำความเข้าใจการเล่นขาดหายไป
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า บางทีแท็กติก 4-2-2-2 ที่เขาพยายามนำเอามาใช้ มันอาจจะไม่เหมาะเท่าไรนักสำหรับการต่อสู้บนเวทีพรีเมียร์ลีก (กรีนวู้ด กับ ซานโช่ เหมือนจะรับบทตัวรุกอิสระหลังแดนหน้าคู่กัน มากกว่าจะเป็นปีกในเกมล่าสุด)
ระบบนี้ถ้าจะให้ออกมาดี ทีมจำเป็นต้องมีกองกลางที่มีคุณภาพสูงมาก และแบ็ก 2 ข้างที่สามารถวิ่งเติมขึ้นมาช่วยให้เกมบุกมีความต่อเนื่อง แต่ในเกมนี้เราได้เห็นว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ขาดแคลนคุณภาพที่จำเป็นทั้ง 2 จุด
แม็คโทมิเนย์ กับ มาติช โดนทั้ง มูตินโญ่ และ เนเวส รวมไปถึงนักเตะตัวรุกอย่าง ฟรานซิสโก้ ตรินเกา กับ ดาเนียล โปเดนซ์ ที่ถอยลงมาเชื่อมเกม+เก็บบอลบ่อยๆ ข่มซะมิด ขณะที่พวกแนวรุก 4 ตัวบนเล่นกันเหมือนกับว่าต่างคนต่างมาจากคนละจังหวัด
เมื่อเกมขาดความต่อเนื่อง นักเตะที่มีความกระหายอยากยิงประตูสูงอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็ถอยลงต่ำมากเกินไป จนเกมนี้เขาหลุดจากตำแหน่งที่เพื่อนจะส่งบอลให้ลุ้นจบสกอร์ได้ และกลายเป็นทับไลน์ให้ ลุค ชอว์ และ เจดอน ซานโช่ เดินเกมขึ้นหน้ายากขึ้นด้วย
1
ขณะที่ความเข้าใจในการไล่บอลแดนบนกันในเกมนี้ถือว่านักเตะผีแดงวิ่งกันมั่วมาก ตัวรุกทั้ง 4 คนไม่สามารถช่วยดักแย่งบอลกลับมาได้เลย และทำบอลเสียกันหลายครั้งมากเกินไป
ส่วนแบ็กทั้ง 2 ข้างถือว่านัดนี้ช่วยเกมรุกอะไรแทบไม่ได้ ลุค ชอว์ เจอกับเกมที่เพื่อนร่วมทีมวิ่งกันมั่วจนตัวเขาเองงงไปหมด แถมเขาโดนใบเหลืองจนโดนแบนให้ใจเสียไปอีก โดยเจ้าตัวไปให้สัมภาษณ์บ่นหลังเกมว่านักเตะเล่นกันไม่เป็นทีมเอาซะเลย
คนที่น่าผิดหวังยิ่งกว่าคือแบ็กขวาอย่าง อารอน วาน-บิสซาก้า นัดนี้เขาได้เปิดบอลจากริมเส้น 6 ครั้ง ผิดพลาดไปถึง 5 ครั้ง และมันก็เป็นอีกนัดที่ตอกย้ำว่าอดีตดาวเตะ คริสตัล พาเลซ รายนี้ไม่ใช่ฟูลแบ็กที่จะตอบโจทย์เรื่องการเดินเกมบุกสนับสนุนทีมได้เลย
เมื่อเกมขาดความต่อเนื่อง แถมเกมนี้ก็ไม่มี แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่เป็นเซนเตอร์ที่ชอบพาบอลจากแดนหลังขึ้นไปให้เห็นบ่อยๆ ทำให้ครึ่งหลัง ราล์ฟ รังนิค ถอย เนมานย่า มาติช ลงต่ำไปเป็นเซนเตอร์แบ็กตัวที่ 3 เพื่อช่วยเชื่อมเกมจากหลังขึ้นไปสู่แดนกลาง
แต่นั่นกลายเป็นว่าเขายิ่งเพิ่มภาระหนักให้ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ตรงกลางสนามมากขึ้นไปอีก ทำให้ช่วง 15 นาทีแรกของครึ่งหลัง วูล์ฟแฮมป์ตัน ยังคงเล่นได้เหนือกว่าต่อไป
นั่นทำให้ ราล์ฟ รังนิค เลือกส่ง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ลงไปช่วยเพิ่มมิติในการเชื่อมบอลจากกลางขึ้นหน้าให้ได้ แล้วถอด เมสัน กรีนวู้ด ออกจากสนาม ซึ่งหลังจากที่ บรูโน่ ลงไป เกมก็ค่อยๆ ดีขึ้นพอสมควร
แต่น่าเสียดายสุดๆ ที่นาที 67 บรูโน่ ดันพลาดโอกาสทองซะเองที่ได้ยิงลูกตบเข้ากลางมาให้จาก เนมานย่า มาติช ไปชนคานซะงั้น
เพราะถ้าหากเจ้าบ้านเป็นฝ่ายได้สกอร์นำ โมเมนตัมน่าจะเข้าทางมากกว่านี้ และอาจทำให้ช่วงเวลาที่เหลือ รังนิค สามารถแก้เกมเพื่อหันไปเน้นการครองบอล และถอดกองหน้าออกไปสักคนได้อย่างสบายใจ
แต่กลายเป็นว่าเกมนี้ ทั้ง โรนัลโด้ และ คาวานี่ ที่เล่นกันแบบผิดฟอร์มต่างถูกกั๊กไว้ให้อยู่ในสนามจนจบเกม แล้วไม่มีโอกาสสร้างอันตรายใดๆ ให้เกมรับทีมเยือนเลยซะงั้น
สิ่งที่ผมไม่ค่อยเข้าใจนอกจากว่าทำไมไม่ถอดกองหน้าออกมาสักคนนึง นั่นก็คือทำไม รังนิค ไม่ส่งนักเตะอย่าง เจสซี่ ลินการ์ด หรือ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค ลงสนาม ในเมื่อปัญหาที่เกิดขึ้นคือไม่มีตัวเชื่อมเกมขึ้นไปสู่แดนบนได้ดี
แม้จะส่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงไปแทน เจดอน ซานโช่ แต่นั่นก็ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเท่าไร แถม แรชฟอร์ด ยังคงเล่นแบบขาดความมุ่งมั่นและสมาธิต่อไป จนเหมือนเสียโควตาเปลี่ยนตัวไปฟรีๆ ซะแทน
ขณะที่การถอด อารอน วาน-บิสซาก้า ออกจากสนามในนาทีที่ 84 คือเรื่องที่เขาอาจจะสมควรทำก่อนหน้านั้นหลายนาที และน่าจะให้โอกาส ดีโอโก้ ดาโลต์ ไปเล่นแบ็กขวาแทนอาจจะทำอะไรได้มากกว่านี้ แต่กลายเป็นว่าเมื่อยัดตัวรุกอย่าง แอนโธนี่ เอลังก้า ลงสนามเป็นคนสุดท้าย มันเหมือนกับว่าทีมมีตัวรุกเต็มไปหมด แต่ก็ไม่รู้จะยืนจะวิ่งกันยังไงอยู่ดี
น่าเสียดายแทน ฟิล โจนส์ ที่ต้องมาเจอความพ่ายแพ้จากลูกโหม่งสกัดพลาดของเขาเพียงครั้งเดียวที่ไปเข้าทาง ชูเอา มูตินโญ่ ได้จับแล้วตะบันเรียด ทั้งที่เขาคือนักเตะเอาต์ฟิลด์คนเดียวแท้ๆ ที่โชว์ฟอร์มได้แบบสมควรได้รับเสียงปรบมือ
ความพ่ายแพ้นัดล่าสุด ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้เป็นนัดที่ 6 เข้าไปแล้วในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ทั้งที่เพิ่งผ่านมาได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น ถือเป็นสถิติแพ้เกมลีกในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกมากที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษเลยทีเดียว
หนสุดท้ายที่แข่งเกมลีก 19 นัดแรก แล้วแพ้ถึง 6 ครั้ง คือซีซั่น 2001-02 ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เกือบจะประกาศวางมือหลังจบฤดูกาลไปซะก่อน แต่พอป๋าเฟอร์กี้ประกาศต่อสัญญา ทีมถึงค่อยๆ กลับมาทำผลงานกันได้ดีอีกครั้งนึง
ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน ไม่รู้ว่ามีใครคิดแบบผมกันหรือเปล่า ว่าดูเหมือนว่าพวกนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นกันเหมือนกับว่าอยากให้ฤดูกาลนี้จบๆ ไปได้แล้ว แล้วรอเริ่มต้นใหม่กับกุนซือที่พวกเขายอมรับในฤดูกาลหน้าไปแทน
ความพ่ายแพ้แค่นัดเดียว และเวลาแค่เดือนเดียว มันยังไม่ยุติธรรมถ้าจะรีบเอามาตัดสิน ราล์ฟ รังนิค ในตอนนี้ และต้องไม่ลืมด้วยว่าเขาเป็นเพียง “กุนซือขัดตาทัพ” ที่สโมสรลองเสี่ยงให้เข้ามาปรับพื้นฐานทีมใหม่หมด เพราะฉะนั้นการที่อะไรจะยังไม่เข้าที่เข้าทาง มันก็เป็นเรื่องธรรมดา
ประเด็นที่น่าห่วงก็คือ สิ่งที่นักเตะปีศาจแดงตอบสนองกันออกมา มีความเป็นมืออาชีพ และมีทีมเวิร์คกันมากพอแล้วหรือยังต่างหาก ซึ่งจากสิ่งที่เห็น บอกได้ชัดเจนเลยว่า “ยัง”
แล้วถ้าเป็นแบบนี้กันต่อไป ต่อให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้โค้ชเทวดาที่ไหนมาคุม แฟนบอลก็คงต้องเจอเกมน่าผิดหวังกันแบบนี้อีกไม่รู้จบ
แล้วก็จะลงเอยด้วยการที่ไม่รู้จะโทษใคร ก็โยนให้โค้ชคนเดียวเหมือนเดิม…
#เสียบสามเหลี่ยม #ผีแดง #รังนิค #ราล์ฟรังนิค #เดเคอา #ฟิลโจนส์ #โรนัลโด้ #คริสเตียโน่โรนัลโด้ #แม็คโทมิเนย์ #มาติช #กรีนวู้ด #ซานโช่ #แรชฟอร์ด #วานบิสซาก้า #แมนฯยูไนเต็ด #แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด #บรูโน่ลาช #วูล์ฟแฮมป์ตัน #หมาป่า #วูล์ฟแฮมป์ตันวันเดอเรอร์ส #พรีเมียร์ลีก
โฆษณา