ปลูกบัวหลวงในออสเตรเลีย
โดย เด็กชายโทมัส ลูกครึ่งใต้-ออสเตรเลีย
น้องโทมัสชวนปลูกบัว
ปล. ผมเลือกรูปเองนะครับ ว่าแบบไหนเพื่อให้แม่แต่งภาพให้
เห็นมะ ผมมีส่วนร่วมในบทความด้วย
ผมพาทุกคนมาปลูกบัวหลวงกับเมล็ดกันครับ
เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกครับ ไม่คิดว่าจะแข็งมาก
เมล็ดบัวพร้อมเพาะครับ
ตอนแรกนึกว่าก้อนหินข้างทาง ลองกันแล้ว แข็งฟันร่วงได้ครับ
แม่ผมชอบบัวหลวงมาก ๆ ตอนอยู่เมืองไทย
แม่เคยบอกว่า ชอบเก็บดอกบัวมาพับไปถวายพระทุกวันพระนะครับ
พอพวกเราย้ายมาออสเตรเลีย ก็ไม่ค่อยพบเจอบึงบัวเลยครับ
เพราะเราอยู่ในตัวเมือง และรัฐที่เราอยู่ ก็หนาวมากกว่าอุ่น
เลยเป็นส่วนยากที่จะพบบึงบัวหลวงเหมือนเมืองไทย
แต่ใช่ว่าจะไม่มีเลยนะครับ บางรัฐอากาศไม่หนาว อากาศอบอุ่น เหมาะแก่การปลูกบัว
ผมก็จะพบเจอภาพดอกบัวของแต่ละบ้านที่ปลูกมาอวดโฉมกันในกลุ่มเกษตรแดนจิงโจ้กันนะครับ
แม่ผมชอบมาชื่นชมภาพสวย ๆ จากกลุ่มนี้
บางครั้งก็สั่งเมล็ดพันธ์ุผัก ดอกไม้ จากป้า ๆ ในกลุ่มมาปลูก
แต่ไม่ดูสภาพอากาศเลย ช่วงหน้าหนาวมา ตายหมดสิ้น เสียดายมาก
ช่างมันเถอะ เรามารับชมภาพดอกบัวหลวงสวย ๆ ของชาวบ้านกันก่อน เพื่อเพิ่มแรงบันดาลใจให้กับผม ว่า ในอนาคตบัวหลวงของผม จะสวยแบบเขาด้วย
มาเริ่มกันเลย
ภาพจาก Pixabay.com
มาทำความรู้จักดอกบัวหลวงกันครับ
🐜 “หลายคนเป็นเหมือนแม่ผมไหมครับ”
🌺 ชื่นชอบการปลูกบัวประดับ แต่หลังจากซื้อบัวประดับจากร้านค้ากลับมาเลี้ยงที่บ้าน ต้นบัวประดับให้ดอกสวยงามแค่เพียงระยะแรก หลังจากเลี้ยงไปได้ 3 เดือน ดอกเริ่มเล็กลง และไม่ค่อยมีดอกแถมต้นทรุดโทรม
🐜 “หากใครเจอปัญหาแบบนี้ ไม่ต้องกังวล
ผมมีเทคนิควิธีดูแลบัวประดับอย่างถูกวิธี ที่จะช่วยให้บัวประดับของท่านมีดอกสวยงามเหมือนเดิม”
จาก “เทคโนโลยีชาวบ้าน” ข้อมูลเพิ่มเติมที่
🌺 ก่อนอื่นอยากแนะนำให้รู้จักสกุลบัวที่ปลูกอยู่ในประเทศไทยว่า มีอยู่ 3 สกุล คือ
ภาพบัวหลวงจาก Pixabay.com
1.)สกุลบัวหลวง นิยมเรียกชื่อว่า ปทุมชาติ หรือ บัวหลวง
มีถิ่นกำเนิดอยู่ใน จีน อินเดีย และประเทศไทย
บัวเป็นพืชที่มีต้นใต้ดิน หรือเหง้า และมีไหลเมื่อวัยอ่อน
มีลักษณะเรียวยาว เลื้อยไปใต้พื้นดินเล็กน้อย
เมื่อโตเต็มที่จะอวบอ้วน
ต่อมาพัฒนาเป็นข้อปล้อง ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของต้นอ่อน
และราก เมื่อเติบโตขึ้นจะยืดตัว
ส่งใบและดอกโผล่ขึ้นเหนือน้ำ
ก้านใบและก้านดอกมีหนาม
ภาพบัวสาย Pixabay.com
2.) สกุลบัวสาย หรือ อุบลชาติ
บัวชนิดนี้มีลำต้นใต้ดินเป็นเหง้า
เจริญเติบโตแบบแตกหน่อ
ต่อมาพัฒนาเป็นใบและดอก
ก้านดอกจะยืดขึ้นเหนือผิวน้ำ
บางสายพันธุ์มีใบอยู่ใต้น้ำ
ใบเป็นชนิดใบเดี่ยว ผิวบนเป็นมัน
ด้านล่างส่วนใหญ่มีขน ดอกเป็นดอกเดี่ยว
มีทั้งชนิดบานกลางวัน และกลางคืน มีหลากสีสัน
บัวกระด้ง
3.) สกุลวิกตอเรีย หรือ บัวกระด้ง
เป็นบัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
ลำต้นใต้ดินมีลักษณะเป็นหัวใหญ่
ใบเป็นใบเดี่ยว มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 80-120 เซนติเมตร
ขอบใบตั้งฉากกับผิวใบ ด้านบนสีเขียวเรียบ
ด้านใต้สีม่วงมีหนามแหลม
ใช้ป้องกันปลาและสัตว์น้ำอื่นกัดกินหรือทำลาย
ดอกมีลักษณะเป็นดอกเดี่ยวขนาดใหญ่
ก้านดอกและกลีบดอกด้านนอกมีหนามแหลม
ดอกบานในเวลาค่ำ
ธรรมชาติของบัว
บัวเป็นพืชที่ต้องการแสงแดดจ้า
และต้องได้รับแสงอย่างน้อย
วันละไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง
หากปลูกในร่มบัวจะ
ให้ดอกน้อยหรือไม่ให้ดอกเลย
ดินปลูก
ต้องใช้ดินเหนียว มีธาตุฟอสฟอรัสสูง
ไม่แนะนำให้ใช้ดินที่มีอินทรียวัตถุ
ที่ยังไม่สลายตัวดีเป็นวัสดุปลูก
น้ำ
ต้องสะอาดมีค่าความเป็นกรดด่าง
อยู่ระหว่าง 5.5-8.0
ส่วนระดับน้ำที่พอเหมาะกับบัวแต่ละสายพันธุ์
ให้สังเกตจากก้านใบหรือ
ก้านดอกที่ยืดตรงตั้งฉากกับผิวน้ำ
🐜 “ล้ำลึกมาก ไม่ใช่แค่คิดจะปลูกแล้วทำเลยนะครับ
ถ้าเราได้รู้จักธรรมชาติของมันด้วย ก็จะดูแลไก้ตรงจุด”
บัวทรุดโทรมเพราะขาดปุ๋ย
เนื่องจากดินขาดความอุดมสมบูรณ์
พูดง่ายๆ ว่าดินจืดนั่นละครับ
บัวจะแสดงอาการชะงักการเจริญเติบโต
ใบมีขนาดเล็กลง ผิวใบบนไม่มันวาว
สีซีด เหลืองและแก่เร็ว จึงจำเป็นต้องให้ปุ๋ย
อย่างไรก็ตาม ก่อนให้ปุ๋ยต้องตัดสาง
หรือนำเอาก้านใบด้านดอกและ
ใบแก่ทิ้งไป แล้วใส่ปุ๋ย
สูตร 10-10-10 หรือ 15-15-15 อัตรา 1 ช้อนชา
ห่อด้วยดินเหนียว ผึ่งให้แห้ง เรียกว่า “ปุ๋ยลูกกลอน”
แต่ถ้าหากปลูกเพียง 2-3 กระถาง
ให้ห่อปุ๋ยเคมีด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ 2-3 ชั้น
เป็นก้อนกลม ฝังลงดินตื้นๆ ห่างจากโคนต้น 5-8 เซนติเมตร
🐜 ว้าวสุดยอดเลยครับ เว็บไซต์นี้ บอกหมดดีจัง
แม่ผมจะได้บัวสวย ๆ ไว้ครอบครองแล้วงับ”
ปลูกอะไรก็ตาม เราต้องรู้จัก โรคและแมลง ของมันด้วย
⛳️โรคใบจุด ” เป็นโรคสำคัญที่พบเสมอ
โรคใบจุดเกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่ง
มักระบาดในช่วงฤดูฝน มีอากาศชื้น
โดยเฉพาะใบแก่
อาการของโรค
พบรอยแผลเป็นจุดวงกลมสีเหลือง
ต่อมาขยายวงกว้างขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
แผลตอนกลางจะแห้ง เมื่อพบอาการดังกล่าว
ให้ตัดใบที่เป็นโรคเผาทำลายทิ้ง
พร้อมล้างมือและอุปกรณ์ให้สะอาดก่อนนำไปใช้งานต่อไป
🐜 “อันนี้สำคัญมาก ล้างทำความสะอาดอุปกรณ์ทุกครั้งหลังใช้”
⛳️“หนอนชอนใบ” เป็นศัตรูสำคัญของบัวประดับ
หนอนชอนใบ เป็นหนอนผีเสื้อชนิดหนึ่ง
หลังจากแม่ผีเสื้อวางไข่ไว้ใต้ใบหรือขอบใบ
เมื่อฟักออกเป็นตัวจะเจาะเข้าไประหว่างชั้นใบ
ดูดกินน้ำเลี้ยง มองเห็นจากภายนอกเป็นเส้นคดโค้งวาวเป็นมัน
วิธีกำจัด
คือ ตัดใบที่พบการเข้าทำลาย เผาหรือฝังดิน
เพื่อทำลายไข่และตัวอ่อนของแมลง
หากระบาดรุนแรงให้ฉีดพ่นด้วยโมโนโครโตฟอส
หรือมาลาไทออน อัตรา 1 ซีซี ต่อน้ำ 1 ลิตร
ฉีดพ่นให้ทั่ว 2 ครั้ง ทุกสัปดาห์
การระบาดของหนอนชอนใบจะหมดไป
🐜 “เหมือนจะพบในใบส้ม มะนาว ด้วยนะครับ ไอ้เจ้าหนอนชอนใบนี่นะ”
บัวประดับสามารถขยายพันธุ์ได้หลายวิธี
เช่น
การแยกหน่อหรือเหง้า
การแยกไหล
และ การเพาะเมล็ด
🐜 “ส่วนวันนี้ผมขอเลือกวิธี การเพาะเมล็ดนะครับ”
วิธีการเพาะเมล็ด โดยทั่วไปไม่นิยมนำมาปฏิบัติกัน เนื่องจากยุ่งยาก ซับซ้อน ยกเว้น กรณีที่มีวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงพันธุ์
🐜 “เพื่อลดขั้นตอนในการพิมพ์บรรยากาศเยอะ ๆ เพราะแม่ผมเริ่มบ่น ผมว่าเราไปชมวีดีโอ ในYouTube แล้วทำตามเขาเลยครับ”
กดลิ้งก์นี้นะครับ 👇🏼👇🏼👇🏼
ลุงคนนี้ บอกละเอียดดีครับ บอกตั้งแต่เลือกเมล็ดแบบไหน
หรือ จะคุณลุงคนนี้ ก็ไดครับ บรรยายดี เสียงดังฟังชัด
ช่องมีเย็น คุณลุงเขามีสวนสวย กระถางบัวก็สวย
ใครมีเมล็ดบัวอยู่ที่บ้าน ก็ลองไปดูนะครับ ทำตามได้เลย
วันนี้บ้านผม ฝนตก เสียงฝนทำให้ผมง่วง ขอตัวไปนอนนะครับ
ติมตามความซนผมได้ที่
หรือ ยูทูป ที่นี่
หรือ จะพบกันที่ TikTok
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
