Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ลงทุนแมน
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
6 ม.ค. 2022 เวลา 02:50 • ธุรกิจ
กรณีศึกษา MercadoLibre อีคอมเมิร์ซที่ใหญ่สุดใน ลาตินอเมริกา
2
หากพูดถึงยักษ์ใหญ่ในวงการอีคอมเมิร์ซ หลายคนคงนึกถึง Alibaba ในประเทศจีน
หรือ Shopee ที่กำลังมาแรงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในขณะที่ อีกซีกโลกก็เป็นที่รู้กันดีว่ามี Amazon ของหนึ่งในมหาเศรษฐีรวยที่สุดในโลก
อย่าง Jeff Bezos เป็นผู้ครอบครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดอยู่
แต่เรารู้หรือไม่ว่าในแถบประเทศลาตินอเมริกา ที่ประกอบไปด้วยประเทศหลัก ๆ
เช่น บราซิล, อาร์เจนตินา และเม็กซิโก ทั้ง Alibaba, Shopee และ Amazon แม้จะได้ลองเข้าไปแข่งขัน
แต่บริษัทที่ครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในปัจจุบัน กลับเป็นบริษัท ที่มีชื่อว่า “MercadoLibre”
2
แล้วทำไมอีคอมเมิร์ซที่ชื่อไม่ค่อยคุ้นหูเราเท่าไรอย่าง MercadoLibre
ถึงสามารถต่อกรและมีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่าบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ได้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เรื่องราวของ MercadoLibre เริ่มต้นมาจากชายที่มีชื่อว่า Marcos Galperin
Marcos Galperin เกิดที่เมือง Buenos Aires ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อปี ค.ศ. 1971 ปัจจุบันอายุ 50 ปี
คุณ Galperin เกิดในครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะอยู่แล้ว
ครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของธุรกิจฟอกหนังที่มีชื่อว่า SADESA
เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการฟอกหนัง โดยเฉพาะหนังวัว
เพื่อนำไปผลิตเป็นสินค้าเครื่องหนังต่าง ๆ เช่น รองเท้า และเบาะหนัง
หลังจากเรียนจบด้านการเงินจาก The Wharton School of the University of Pennsylvania
เขาก็ได้เข้าทำงาน ที่บริษัท YPF S.A. บริษัทพลังงานแห่งหนึ่งในประเทศอาร์เจนตินา
หลังจากทำงานที่ YPF ได้ประมาณ 3 ปี คุณ Galperin ได้เลือกที่จะกลับไปเรียนต่อระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัย Stanford ในสาขาวิชา MBA และที่นั่นเอง ที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ “MercadoLibre”
1
ไอเดียของ Galperin เกิดขึ้นในช่วงที่เขากำลังนั่งศึกษาแนวทางการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
อยู่ที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย เขาบังเอิญได้พบกับคุณ Hernan Kazah และคุณ Stelleo Tolda
หลังจากคุณ Kazah และคุณ Tolda ได้ฟังไอเดียจากคุณ Galperin ที่ต้องการสร้างธุรกิจอีคอมเมิร์ซในลาตินอเมริกา พวกเขาก็รู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก
ทำให้พวกเขาทั้ง 3 คน ตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจนี้และก่อตั้งบริษัท “MercadoLibre” ขึ้นมาในปี ค.ศ. 1999 โดยเริ่มจากใช้โมเดลธุรกิจของ eBay มาเป็นต้นแบบ
แน่นอนในตอนนั้นซึ่งคือ ปี ค.ศ. 1999 การทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตนั้นยังเป็นเรื่องที่ใหม่มาก
มีเพียงไม่กี่บริษัทที่ได้เริ่มต้นธุรกิจเกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซ ไม่ว่าจะเป็น Amazon หรือ eBay ก็ต่างมีอายุได้เพียงไม่เกิน 5 ปี
ด้วยความที่เป็นธุรกิจใหม่ ปัญหาที่ตามมาก็คือความยากในการหาเงินทุน
จะกู้ยืมจากธนาคารก็ยาก จะหาผู้ให้เงินระดมทุนก็ยิ่งยากเข้าไปอีก
แต่ในที่สุด MercadoLibre ได้รับเงินทุนก้อนแรกมาจากการที่ คุณ Galperin อาสาขับรถเพื่อไปส่งคุณ John Muse ที่สนามบิน หลังจากที่ชายคนนี้ได้มาเป็นวิทยากรให้นักศึกษาของมหาวิทยาลัย Stanford
1
แล้ว John Muse คือใคร ?
เนื่องจากคุณ John Muse เองเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง HM Capital Partners บริษัทจัดการกองทุนที่เน้นการลงทุนในธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งมักจะลงทุนในบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งและยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ต่างจากธนาคารหรือกองทุนทั่ว ๆ ไป ที่มักจะลงทุนในบริษัทที่เติบโตจนมีรายได้ และกำไรในระดับหนึ่งแล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ MercadoLibre สามารถระดมเงินทุนก้อนแรกมาได้สำเร็จ
หลังจากได้รับเงินทุนจาก John Muse ทำให้กลุ่มผู้ให้เงินระดมทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นในบริษัทมากขึ้น
จนทำให้ MercadoLibre สามารถระดมทุนได้จากทั้งบริษัทจัดการกองทุนต่าง ๆ รวมถึงธนาคาร
ยกตัวอย่างเช่น JP Morgan Partners, Goldman Sachs และ GE Capital
จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2007 บริษัท MercadoLibre สามารถจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ได้สำเร็จ
ซึ่งนับเป็นบริษัทเทคโนโลยีจากลาตินอเมริกาบริษัทแรก ที่สามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ได้อีกด้วย
1
หากเราลองมาดูส่วนแบ่งตลาดอีคอมเมิร์ซจากประเทศในลาตินอเมริกา จะพบว่า
1
- บราซิล มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 27.0% ในขณะที่ Alibaba มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 3.2%
- เม็กซิโก มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 13.6% ในขณะที่ Amazon มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 11.6%
- อาร์เจนตินา ที่เป็นบ้านเกิด มีส่วนแบ่งตลาด สูงถึง 68.8%
เห็นได้ว่าบริษัทแห่งนี้ สามารถเอาชนะยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon และ Alibaba จนกลายเป็นผู้นำอีคอมเมิร์ซได้ในหลายประเทศ
คำถามที่ตามมาก็คือ แล้ว MercadoLibre ใช้กลยุทธ์อะไร ?
คำตอบคือ MercadoLibre ได้สร้าง “Ecosystem” ของตัวเองขึ้นมา
เริ่มจากการสร้างระบบการชำระเงินขึ้นมาพร้อม ๆ กับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
สำหรับเหตุผลก็เพราะว่าประเทศส่วนใหญ่ในลาตินอเมริกายังคงเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา ทำให้คนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถเข้าถึงบัตรเครดิตได้
ยกตัวอย่างเช่น ในปี ค.ศ. 2017
ประเทศอาร์เจนตินา มีจำนวนผู้ถือบัตรเครดิตเพียง 21% ของประชากร
เรียกได้ว่าเป็นสัดส่วนที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกาที่ 236% ของประชากร
นั่นจึงทำให้ MercadoLibre พัฒนาแพลตฟอร์มอย่าง Mercado Pago ที่ให้บริการรับชำระเงิน
ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับ PayPal และ Square ผู้ใช้งานจึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบัตรเครดิต ก็สามารถช็อปและทำธุรกรรมได้ง่ายกว่า
นอกจากนี้ MercadoLibre ยังได้ลงทุนในการสร้างระบบการขนส่งของตัวเองขึ้นมา ซึ่งก็มีคลังสินค้าและจุดกระจายสินค้าคิดเป็นพื้นที่ทั้งหมดกว่า 1.6 ล้านตารางเมตร และยังมีพาหนะขนส่ง เช่น รถตู้ ไปจนถึงเครื่องบิน เป็นของตัวเอง
ส่งผลให้ MercadoLibre สามารถทำการส่งสินค้าได้เร็วกว่าคู่แข่ง ยกตัวอย่างในบางออร์เดอร์ MercadoLibre สามารถทำการส่งให้เสร็จได้ภายในวันเดียว
เทียบกับคู่แข่งอย่าง Shopee ที่ยังต้องใช้บริการจากบริษัทขนส่งรายอื่น ทำให้บางครั้งกว่าจะส่งสินค้าถึงมือผู้รับต้องใช้เวลามากถึง 2 สัปดาห์เลยทีเดียว
สรุปง่าย ๆ คือ MercadoLibre ไม่ได้ทำเพียงแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ แต่ได้สร้าง Ecosystem สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ตั้งแต่พื้นที่สำหรับซื้อขาย, ระบบขนส่งและคลังสินค้า ไปจนถึงระบบการจ่ายและรับชำระเงิน
1
ปัจจุบัน MercadoLibre มีผู้ใช้งานรวมแล้วกว่า 78 ล้านบัญชี
ด้วยผู้ใช้งานจำนวนมากขนาดนี้ ทำให้บริษัทสามารถนำข้อมูลผู้ใช้งานในระบบต่อยอดไปยังธุรกิจอื่น ๆ เช่น Mercado Crédito เป็นธุรกิจให้บริการปล่อยสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการและลูกค้าได้
โดยพอร์ตสินเชื่อของ Mercado Crédito ตอนนี้ มีมูลค่ามากถึง 36,000 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทประกอบธุรกิจหลักด้วยกันถึง 6 กลุ่ม
1. MercadoLibre แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซคล้ายกับ Amazon
2. Mercado Pago ให้บริการเครื่องชำระเงินแบบดิจิทัลผ่านเครื่องรูดบัตร POS ลักษณะคล้ายกับ Square
3. Mercado Envios ให้บริการด้านโลจิสติกส์ และคลังสินค้า
4. Mercado Shops ให้บริการสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการหน้าร้านค้าออนไลน์เป็นของตัวเอง ลักษณะคล้ายกับ Shopify
5. Mercado Ads Solutions ให้บริการเกี่ยวกับสื่อโฆษณาออนไลน์
6. Mercado Crédito ให้บริการปล่อยสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการและลูกค้า
แล้วผลประกอบการที่ผ่านมา ของ MercadoLibre เป็นอย่างไร ?
ปี 2019 รายได้ 76,900 ล้านบาท ขาดทุนจากการดำเนินงาน 5,100 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 133,000 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 4,300 ล้านบาท
ปี 2021 รายได้ในรอบ 9 เดือน 165,000 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 13,900 ล้านบาท
จากผลประกอบการจะเห็นได้ว่ารายได้ของบริษัทเติบโตต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน บริษัทก็สามารถพลิกกลับมามีกำไรจากการดำเนินงานได้แล้ว ปัจจุบัน MercadoLibre เป็นบริษัทที่มีมูลค่า 2.2 ล้านล้านบาท
จากเรื่องราวทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่า MercadoLibre แม้จะเป็นผู้ที่ทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ แต่ด้วยความที่เป็นคนท้องถิ่น และเข้าใจพฤติกรรมกลุ่มคนในลาตินอเมริกามากกว่า ทำให้บริษัทสามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดเหนือยักษ์ใหญ่รายอื่น ๆ ได้ นั่นเอง..
References
●
https://www.forbes.com/sites/michaelcannivet/2021/12/16/want-to-own-the-amazon-of-latin-america-checkout-mercadolibre/?sh=1c447c407026
●
https://www.nic.lat/marcos-galperin-the-latin-entrepreneur-behind-mercado-libre/
●
https://www.sadesa.com/about-us/#0
●
https://www.modernretail.co/platforms/how-mercado-libres-longterm-investments-are-helping-it-beat-amazon
●
https://en.wikipedia.org/wiki/Marcos_Galperin
●
https://en.wikipedia.org/wiki/YPF
●
https://en.wikipedia.org/wiki/HM_Capital_Partners
●
https://en.wikipedia.org/wiki/MercadoLibre
●
https://www.statista.com/statistics/865809/share-credit-card-users-argentina/
●
https://www.statista.com/statistics/245385/number-of-credit-cards-by-credit-card-type-in-the-united-states/
●
https://www.cnbc.com/2020/11/09/amazon-expands-in-brazil-as-covid-19-fuels-e-commerce-surge.html
●
https://seekingalpha.com/article/4473832-mercadolibre-stock-sell-off-entering-bargain-zone
●
MercadoLibre Annual Report 2020
●
MercadoLibre Third Quarter Report 2021
mercadolibre
อีคอมเมิร์ซ
ลาตินอเมริกา
18 บันทึก
45
16
18
45
16
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย