13 ก.พ. 2022 เวลา 12:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
☕️STARBUCKS เริ่มต้นวันดีๆ…ไปพร้อมกับธุรกิจกาแฟระดับโลก
1
ถ้าพูดถึงร้านกาแฟชื่อดังขวัญใจคนทำงาน สายฟรีแลนซ์ จนไปถึงการเป็นสถานที่นัดพบปะพูดคุยหรือนัดประชุมงานกับลูกค้า Starbucks คงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆของหลายคน
STARBUCKS เริ่มต้นวันดีๆ…ไปพร้อมกับธุรกิจกาแฟระดับโลก
ทั้งด้านคุณภาพของกาแฟ เมนูที่หลากหลาย ขนมที่อร่อย และยังมีพื้นที่ที่ผ่านคลายแก่การนั่งทำงาน (Free Wi-Fi) หรือพูดคุยในบรรยากาศที่อบอวลไปพร้อมกับกลิ่นกาแฟ
ซึ่งจากการเป็นพื้นที่ในการพบปะพูดคุย รวมถึงการร่วมทำกิจกรรมต่างๆ Starbucks จึงถูกขนานนามว่าเป็น “Third place” หรือว่าบ้านหลังที่ 3 ซึ่งมากกว่าการเป็นแค่ร้านกาแฟทั่วไป และจุดนี้เองจึงเป็นจุดแข็งที่ทำให้ Starbucks เป็นที่นิยมไปทั่วโลก
☕️Starbucks – หนึ่งในบริษัทผู้นำด้านธุรกิจกาแฟข้ามชาติระดับโลก สัญชาติสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งโดย Jerry Baldwin, Zev Siegl, และ Gordon Bowker เมื่อปี 1985 (สำนักงานใหญ่อยู่ที่ เมืองซีแอตเทิล, รัฐวอชิงตัน, ประเทศสหรัฐอเมริกา)
โดยมีสินค้าหลากหลายทั้งผลิตภัณฑ์เมล็ดกาแฟ (Whole Bean) เครื่องดื่มยอดนิยม ได้แก่ Vanilla Latte, Flat White, Green Tea, Frappuccino รสชาติต่างๆ และกลุ่ม Cold brew เป็นต้น นอกจากกาแฟที่มีคุณภาพ ยังมีของที่ระลึกวางขายในทุกช่วงเทศกาล เพื่อให้เหล่านักสะสมซื้อเก็บได้ในหลายเทศกาลสำคัญ
อีกทั้ง Starbucks ยังสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของชุมชนทั่วโลกผ่านทั้งผลิตภัณฑ์เมล็ดกาแฟพันธุ์พื้นเมือง (Whole Bean) ที่มาจากแหล่งเพาะปลูกกาแฟที่แตกต่างกัน (สำหรับประเทศไทยมี “ม่วนใจ๋ เบลนด์”) และการออกแบบลวดลายพื้นเมืองบนของที่ระลึกต่างๆ
ปัจจุบัน Starbucks มีสาขาทั้งหมด 33,833 สาขาใน 80 ประเทศทั่วโลก บริหารงานหลักโดย Kevin Johnson รับช่วงต่อจาก Howard Schultz ที่ประกาศลาออกเมื่อเดือนเมษายน 2017
ซึ่งที่ผ่านมาการดำเนินธุรกิจของ Starbucks มีทั้งสิ้น 2 รูปแบบ ได้แก่
1) บริหารโดยบริษัทเอง (Company-operated)
2) ให้เช่าลิขสิทธิ์ (Licensed) ซึ่งการบริหารในรูปแบบดังกล่าวจะช่วยให้ Starbucks สามารถรักษาคุณภาพของสินค้าและบริการได้ดีกว่าการขายสิทธิ์ในรูปแบบ Franchises
📈โดยราคาหุ้น Starbucks ได้มีราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์อยู่ที่ USD 126.32 และมีราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์อยู่ที่ USD 95.92 โดยหุ้น Starbucks มีราคาปิดอยู่ที่ USD 113.59 (อ้างอิงจากข้อมูลเมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา)
ณ ปัจจุบัน Starbucks มีมูลค่าตลาด (Market Cap) อยู่ที่ USD 133.26 Billion, ซื้อขายที่ P/E 35.16 เท่า และมี Dividend Yield อยู่ที่ 1.73% (อ้างอิงข้อมูลจากเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2021)
1
ปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตาม
✅การกลับเข้ามาเปิดประเทศหลังการแพร่ระบาดอย่างหนักของ COVID-19 ส่งผลบวกต่อการกลับเข้ามาใช้พื้นที่ร้านกาแฟของ Starbucks เป็น Third place และส่งผลบวกต่อการทำกำไรของบริษัท
✅Brand ถือว่าเป็น Intangible Asset ที่สามารถเพิ่มมูลค่าของตราสินค้าได้ ซึ่งจุดแข็งนี้เป็นปัจจัยสำคัญของบริษัทที่ทำให้ผู้บริโภคยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อได้ครอบครองสินค้า และมั่นใจในคุณภาพการบริการของ Starbucks
✅คู่แข่งใหม่ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากธุรกิจกาแฟไม่ได้มี Barrier to Entry มากนักจึงทำให้คู่แข่งสามารถกระโดดเข้ามาแข่งขันในธุรกิจนี้ได้ง่าย
✅การขยายสาขาใหม่ๆ ไปยังต่างประเทศ ที่ส่งผลต่อการขยายยอดขาย และมุมมองบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของบริษัท
✅การปรับตัวในการเพิ่มช่องทางขายผ่าน Online ในช่วงที่มีการปิดประเทศ รวมถึงการให้บริการ Drive thru ซึ่งที่ผ่านมา Starbucks ได้สร้าง Brand ที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากใน Digital Channel
✅การนำเทคโนโลยีมาพัฒนา หรือการขายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะช่วยส่งผลต่อการเพิ่มอัตรากำไรของบริษัท และเพิ่มอัตรา Turnover ของผู้ใช้บริการมากยิ่งขึ้นในอนาคต
✅แม้ต้นทุนด้านราคาสินค้าวัตถุดิบหลักอย่างเมล็ดกาแฟจะเป็นปัจจัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามากกว่า 1 ปี เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ที่เกิดจากความผันผวนด้านราคาวัตถุดิบในปีนั้นๆ
🎲Investor Tip:
Starbucks – หนึ่งในบริษัทผู้นำธุรกิจกาแฟข้ามชาติระดับโลก จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้ Ticker Code ในการซื้อขายว่า “SBUX US” โดยนักลงทุนต้องแลกเงินเป็นสกุล USD เพื่อทำการซื้อขาย โดยมีขั้นต่ำในการซื้อขายเป็นจำนวน 1 หุ้น (Trade Lot = 1)
Source: KS OFFSHORE , CFRA Research ,Bloomberg
📲เปิดพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศ > https://bit.ly/3c3oDs2
#KS #KBankLive
⛳️Follow us :
📲 Facebook: http://bit.ly/2XwGoaa
📲 Instagram: http://bit.ly/332OqIT
📲 Twitter: http://bit.ly/344OVng
📲 YouTube: http://bit.ly/2QAdiFp
โฆษณา