8 ม.ค. 2022 เวลา 06:30 • ไลฟ์สไตล์
ก่อนอื่นก็สวัสดีวันเด็กกันก่อนเลยครับ แม้ว่าหลายคนจะไม่เด็กแล้ว และบางคนก็พาเด็กมาเที่ยว หมายถึงลูกนะอย่าคิดเป็นอื่น(ฮา)
วัยเด็กของผมแตกต่างจากวัยเด็กของลูกเป็นอย่างมาก เพราะตอนผมเด็กๆไม่ได้อยู่ใน กทม แต่อยู่ต่างจังหวัด งานวันเด็กคืองานล่าสมบัติดีๆนี้เอง
central แจกขนมวันเด็ก
ยังจำได้ว่าตอนที่ไปเที่ยวงานวันเด็กงานใหญ่ที่สุดคืองานที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด และมีการแจกของขวัญต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นขนม ของเล่นหรือตุ๊กตาต่างๆ ตามแต่สมัยนิยม
แต่ที่ผมพุ่งตรงไปคือการประกวด แน่นอนว่าไม่ใช่การประกวดหนูน้อยเด็กดีแน่สำหรับผม หนูน้อยเด็กดื้อยังพอว่า(ฮา) แต่เป็นการประกวดวาดรูประบายสีต่างหาก
เมื่อก่อนรบเร้าพ่อแม่ให้มางานวันเด็กเพื่อแข่งขัน จำได้ว่าได้เงินหลักพันบาทเลยทีเดียว สมัยผมเป็นเด็กถือว่าเป็นเงินมากโขอยู่
ผมจึงคาดหวังเรื่องงานวันเด็กว่าหากได้รางวัลผมจะได้มีเงินไว้ซื้อของเล่นหรือของอื่นๆที่อยากได้
แต่ขอเสียเปรียบคือผมแทบไม่ได้เดินเที่ยวงานวันเด็กเลยเพราะการประกวดจะเริ่มตั้งแต่ตอนเช้าและเราต้องระบายสีให้เสร็จก่อนเวลา และต้องรอประกาศผลรางวัลอีก ผมจึงได้เดินเล่นในงานวันเด็กแค่ตอนที่รับรางวัลแล้วซึ่งของแจกต่างๆแทบจะหมดลงไปแล้ว
อย่างไรก็ตามได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง อย่างที่พี่อัศนีย์และวสันต์ได้กล่าวไว้ในบทเพลง (ฮา) ผมจำไม่ได้แล้วว่าผมเอาเงินไปทำอะไร เพราะเลยวัยเด็กมาพอสมควร แม้ผมจะไม่ได้ที่1ทุกครั้งที่ประกวดแต่ก็ได้รางวัลทุกครั้ง
และมีรุ่นพี่ใจดีที่ประกวดด้วยกันคอยสอน จนฝีมือดีขึ้น จนกระทั่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปากรได้ ...คณะวิทยาศาสตร์(ฮา) เอาวะอย่างน้อยก็ได้เป็นศิษย์อาจารย์ ศิลป์ พีระศรี กับเขาบ้าง
ย้อนกลับมาวันนี้ วันที่สิ่งต่างๆเปลี่ยนไป วันเด็กก็ยังเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง ไม่ใช่ทุกวันที่เราจะได้นั่งรถถังหรือว่าเก้าอี้นายก
เด็ก ตัวเมืองหลวงอาจจะได้พบเจออะไรที่แปลกและแตกต่าง และเทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า แม้ผมจะไม่รู้ว่า คำขวัญวันเด็กปีนี้คืออะไร? เพราะโตเกินไปที่จะเอาไปตอบแย่งของรางวัลในวันนี้ ตอนนี้จำได้แค่ใส่หน้ากาก กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ยืนห่างกัน 2 กิโลเมตร ละมั้ง
โฆษณา