10 ม.ค. 2022 เวลา 06:39 • ประวัติศาสตร์
“ไม้กางเขน (True Cross)” แห่ง “พระเยซู (Jesus)”
เมื่อพูดถึง “พระเยซู (Jesus)” อีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนน่าจะนึกถึง ก็คือ “ไม้กางเขน (True Cross)” ที่ใช้ตรึงร่างของพระเยซู
แต่ไม้กางเขนนี้อยู่ที่ไหน? นี่คือคำถามที่หลายคนอยากรู้เป็นเวลายาวนานนับพันปี แต่ในทุกวันนี้ ก็ไม่มีการค้นพบเศษซากของไม้กางเขน
1
ในช่วงเวลาที่พระเยซูถูกปลงพระชนม์ การตรึงร่างของนักโทษบนไม้กางเขน ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ และเมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์ ก็เป็นไปได้ว่าทหารโรมันน่าจะถอดไม้กางเขนนี้ออก และคงทิ้งไปอย่างไม่สนใจ
ไม่มีใครสนใจเรื่องไม้กางเขนนี้ และไม่มีใครคิดที่จะเก็บรักษาไว้
แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีเรื่องเล่าเรื่องการค้นพบไม้กางเขนอันที่อ้างว่าเป็นอันที่พระเยซูถูกตรึง และก็เป็นไปได้ที่จะเป็นเรื่องจริง
1
ผู้ที่สมควรได้รับเครดิตในเรื่องนี้ คือ “จักรพรรดินีเฮเลนา (Helena, mother of Constantine I)” ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ค้นพบไม้กางเขนที่แท้จริง
1
จักรพรรดินีเฮเลนา (Helena, mother of Constantine I)
จักรพรรดินีเฮเลนา เสด็จพระราชสมภพเมื่อค.ศ.248 (พ.ศ.791) โดยพระองค์เติบโตมาท่ามกลางวัฒนธรรมกรีกในอาณาจักรโรมัน และภายหลัง พระองค์ก็ได้อภิเษกสมรสกับ “จักรพรรดิคอนสแตนเตียสที่ 1 (Constantius I)” จักรพรรดิแห่งอาณาจักรโรมัน
ทั้งสองพระองค์ได้มีพระราชโอรสด้วยกัน คือ “จักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราช (Constantine the Great)”
จักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราช เป็นที่รู้จักจากการที่พระองค์ทรงเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสตส์ และการอนุญาตให้ผู้คนประกอบพิธีทางศาสนาของตนได้อย่างเสรี
จักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราช (Constantine the Great)
นอกจากจักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชจะเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ แต่บุคคลรอบกายพระองค์ก็เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์เช่นกัน ซึ่งรวมถึงจักรพรรดินีเฮเลนา พระราชชนนี
จักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชทรงเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ในปีค.ศ.312 (พ.ศ.855) ขณะที่จักรพรรดินีเฮเลนามีพระชนม์มากกว่า 60 พรรษาแล้ว และด้วยความที่พระองค์ทรงต้องการจะเปลี่ยนแปลงดินแดนไปสู่ดินแดนคริสต์ พระองค์จึงทรงมอบหมายให้พระราชชนนีออกตามหาโบราณวัตถุทางศาสนาคริสต์ในอาณาจักรโรมัน
1
ภารกิจนี้ พระองค์ทรงให้งบไม่อั้น และจักรพรรดินีเฮเลนาก็ทรงรับภารกิจนี้อย่างแข็งขัน
2
จักรพรรดินีเฮเลนาเสด็จไปปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นบริเวณที่ทำการตรึงกางเขนและเป็นแหล่งที่มีชาวคริสต์เป็นจำนวนมาก และเป็นไปได้ว่าจะได้เรื่องมากกว่าที่อื่น
1
รายละเอียดเรื่องการพบไม้กางเขนนั้นต่างออกไปตามบันทึกแต่ละฉบับ และต่างกันไปตามนักเขียนแต่ละคน
กรุงเยรูซาเลมถูกโรมันทำลายในปีค.ศ.70 (พ.ศ.613) และภายหลังจากที่ผ่านมาเป็นเวลานานกว่า 250 ปี กรุงเยรูซาเลมก็ยังคงถูกสร้างใหม่ ต่อเติมเรื่อยๆ และพวกโรมันก็ได้ทำการสร้างวิหารเพื่อบูชาเทพเจ้าของตน เป็นการแสดงอำนาจข่มชาวยิว (และชาวคริสต์ในเวลาต่อมา)
1
หนึ่งในวิหารเหล่านี้ได้ถูกสร้างขึ้นบริเวณหลุมฝังพระศพของพระเยซู
เมื่อจักรพรรดินีเฮเลนาทรงทราบว่าจุดนี้คือหลุมฝังพระศพของพระเยซู พระองค์จึงทรงมีรับสั่งให้รื้อวิหารและขุดดินใต้วิหาร จากนั้นจึงนำไม้กางเขนที่ขุดพบขึ้นมา
หนึ่งในไม้กางเขนที่ค้นพบ ได้รับการยืนยันว่าเป็นไม้กางเขนที่พระเยซูถูกตรึง จึงส่งไม้กางเขนนี้กลับไปยังคอนสแตนติโนเปิล
1
เรื่องราวการค้นพบของจักรพรรดินีเฮเลนาได้ถูกถ่ายทอดต่อๆ มาตามกาลเวลา ซึ่งก็ถูกเสริมเติมแต่งไปเรื่อยๆ และทุกวันนี้ หลายๆ คนก็คิดว่าเป็นเพียงเรื่องแต่งหรือมีเค้าความจริงเพียงนิดเดียวเท่านั้น
บันทึกอีกฉบับได้กล่าวว่า นอกจากจะพบไม้กางเขนที่แท้จริงแล้ว จักรพรรดินีเฮเลนายังพบตะปูศักดิ์สิทธิ์ (Holy Nail) ที่ใช้ตรึงร่างของพระเยซูอีกด้วย
1
บันทึกเหล่านี้ได้กลายเป็นที่ถกเถียงและไม่เชื่อถือของนักประวัติศาสตร์หลายคน หากแต่เรื่องราวการค้นพบของจักรพรรดินีเฮเลนาก็ยังเป็นที่กล่าวขานเรื่อยไป
1
ภายหลังจากพบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองนี้ คริสตจักรจึงได้ยกย่องจักรพรรดินีเฮเลนาเป็นนักบุญ
ทั้งจักรพรรดินีเฮเลนาและจักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราช ได้ชื่อว่ามีอิทธิพลต่อกรุงโรมและคริสตศาสนา หลายคนก็โยงความยิ่งใหญ่ของทั้งสองพระองค์กับการค้นพบไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์
คำถามสำคัญก็คือ “ถ้าจักรพรรดินีเฮเลนาทรงเป็นผู้คนพบไม้กางเขนที่ใช้ตรึงพระเยซู แล้วตอนนี้ไม้กางเขนอยู่ที่ไหน?
มีเรื่องเล่าว่าจักรพรรดินีเฮเลนาทรงส่งไม้กางเขนกลับไปเก็บรักษายังกรุงคอนสแตนติโนเปิล บางเรื่องเล่าก็กล่าวว่าไม้กางเขนอยู่ในการดูแลของบิชอปแห่งคอนสแตนติโนเปิล
จากนั้น ในช่วงยุคกลาง ทั่วยุโรปก็มีหลายคนอ้างว่าพบเศษชิ้นส่วนของไม้กางเขน หากแต่ก็พิสูจน์ได้ในภายหลังว่าเป็นของปลอม
ไม้กางเขนที่ใช้ตรึงพระเยซูนั้นทำมาจากไม้ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าไม้กางเขนอาจจะผุพังไปตามกาลเวลานับพันปีแล้ว อีกทั้งคอนสแตนติโนเปิลก็ผ่านศึกสงครามและการรุกรานจากศัตรูมาหลายครั้ง จึงเป็นไปได้ว่าไม้กางเขนคงถูกทำลายไปแล้ว
แต่ความจริงก็คือ ไม่มีใครทราบอย่างแท้จริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์นี้กันแน่ แต่คนส่วนใหญ่ก็เชื่อว่าผู้ที่ควรได้ความดีความชอบในเรื่องนี้ ก็คงจะต้องเป็นจักรพรรดินีเฮเลนาผู้นี้นี่เอง
โฆษณา