9 ม.ค. 2022 เวลา 16:05 • ความคิดเห็น
การแจ้งเตือนใน Facebookเด้งขึ้นมา ทำให้เรากลับไปนึกคิดความเป็นเราอีกครั้ง
จริงๆเราอาจจะเป็นนักซับพอร์ตคนอื่นที่ทั้งเก่งและไม่เก่งเลยก็ได้ บางครั้งการให้คำปรึกษาใครบางคนก็ดูเป็นเรื่องที่ยากมากอาจจะเพราะเขาไม่ได้ต้องการคำแนะนำจากเราด้วย หรืออาจจะเพราะเขารู้อยู่แล้วว่ามันต้องแก้ยังไง เขาคงแค่ไม่สบายใจเท่านั้น
ที่ผ่านมาพ่อเราบอกเสมอว่า การให้กำลังใจกันเป็นสิ่งที่ควรทำกันบ่อยๆ มันก็จริงอย่างที่เขาว่า แต่เราไม่เคยคิดแบบนั้นจนในวันที่เราต้องการกำลังใจมากๆแต่เราไม่รู้เลยว่าเราควรจะทำไงดี ในตอนนั้นชีวิตเด็กๆแบบเรา ไม่ได้มีเพื่อนเยอะแยะมากมาย ไม่ได้สนิทกับครอบครัว มันยากมากที่จะหาคนให้กำลังใจ เรารู้สึกโดดเดี่ยวมากๆ จนเราคิดกับตัวเองว่า ถ้าเรารู้จักใครก็ตามเราจะคอยซับพอร์ตเขาเสมอเท่าที่ทำได้
ตั้งแต่วันนั้น เราก็เริ่มเป็นคนที่คอยซับพอร์ตคนอื่นมาโดยตลอด อย่างน้อยถึงเราจะรู้สึกโดดเดี่ยว แต่เขาจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวแน่นอน มันก็ทั้งได้ผล และไม่ได้ผลบ้างในบางครั้ง แต่เราก็ทำมันเรื่อยๆมา
พอโตขึ้น เหตุการณ์ที่เจอของแต่ละคนก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป จากเป็นเหตุการณ์ของเพื่อนทะเลาะกัน เริ่มมีเรื่องอื่นๆเข้ามามากขึ้น ทั้งเรื่องงานที่ทำ เรื่องเรียน หรือแม้แต่เรื่องความรัก เรียกได้ว่า ฟังจนเอี่ยนเลยละ ฮ่าๆๆๆ บางเรื่องเราก็แนะนำได้บ้าง แต่ก็ไม่ใช่กับทุกเรื่องเสมอไป เรามักจะให้ผู้เล่าเป็นคนตัดสินใจเองมากกว่าโดนที่เราเสมอทางเลือกให้เขาพร้อมโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เราทำแบบนั้นเพราะเราคิดว่า สุดท้ายแล้วจะเป็นเขาเองที่ต้องเป็นคนตัดสินใจ
เราค่อนข้างห่างหายจากการพูดคุยกับคนอื่นมากพอควรด้วยนิสัยส่วนตัวเป็นคนโลกส่วนตัวสูงด้วยแล้ว มันยิ่งทำให้เราไม่ทักไปหาใครเลย เราทำคนหล่นหายไปจากชีวิตไม่น้อยเลย มันเยอะมากจนกระทั้งมีเพื่อนสมัยที่เรียนมัธยมตอนต้นตายเพราะอุบัติเหตุ เหตุการณ์นั้นเป็นเหตุการณ์ที่เราต้องกลับมานั่งคิดไม่น้อยเลยแหละว่า จริงๆแล้วเราแทบไม่ได้สนิทกับใครเลยในขณะที่ เพื่อนคนอื่นดูจะสนิทกันมากก เรากลายเป็นแกะดำในตอนนั้นเลยก็ว่าได้ ตอนไปนั่งฟังพระสวด แทบไม่มีคนทักเลยด้วยซ้ำ เรารู้สึกแย่นะที่ไม่ได้สนิทกับพวกเขาและผู้ที่เสียไปแล้ว น่าเสียดายมากยังไม่มีความทรงจำร่วมกันเลยด้วยซ้ำมันทำให้เรากลับมาคิดกับตัวเองหนักเหมือนกัน
หลังจากนั้นเราเลยเริ่ม Keep contact กับคนที่ยังอยู่กับเราในตอนนี้ให้ได้มากที่สุด อาจจะไม่ใช่การไปเจอกัน อาจจะไม่ใช่การคุยกันเป็นสิบๆชั่วโมง แต่การทักหาบ้าง ถามไถ่ว่าสบายดีมั้ยเรื่อยๆ มันก็ยังโอเคและยังคงเป็นเรื่องที่เราทำได้อยู่บ้าง เรารู้สึกขอบคุณนะที่เขายังอยู่กับเรา การพูดคุยกันมันก็เหมือนได้รู้คร่าวๆว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง ทำไรอยู่โอเคมั้ย ถ้าอารมณ์ดีหน่อย มีเวลาคุยกันนาน ก็จะนั่งโทรคุยกันแล้วอีกฝ่ายก็อาจจะเล่าเรื่องที่ตัวเองเจอที่ผ่านมาให้ฟัง คนที่ฟังเก่งกว่าพูดแบบเรา ถือว่าได้ฟังนิทานกล่อมนอน ที่บางครั้งก็มีหัวร้อนกันบ้าง แต่ก็สนุกดี
จริงๆเราก็อยากเขียนสั้นๆ แต่มองว่าการเขียนสั้นๆมันไม่สนุกกับเราเลย เราเป็นคนเขียนไรไปเรื่อยเปื่อย เดี๋ยวเขียนเรื่องนั้นบ้าง เรื่องนี้บ้าง มันค่อนข้างที่จะจับใจความได้ยาก ขออภัยไว้ด้วยนะ แต่วันนี้ที่มาเขียนเพราะมีคนมากดไลค์คอมเมนท์เราใน Facebook แล้วมันทำให้เราเห็นว่า เมื่อปีที่แล้วเราไปให้กำลังใจคนอื่นมา มันทำให้เรากลับมานึกถึงตัวเองอีกครั้งว่า บางทีคำพูดเรามันอาจจะช่วยให้คนอีกหลายๆคนมีกำลังใจขึ้นมาได้ เรื่อยๆไม่ว่าจะผ่านไปอีกสักกี่ปีก็ตาม.
กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญเพราะงั้นอย่าลืมให้กำลังใจกันในทุกวันนะคะ สวัสดี :)
โฆษณา