9 ม.ค. 2022 เวลา 22:14 • กีฬา
#เจ้าป่ามาแว้ว
ฟุตบอลถ้วย FA Cup ฤดูกาล 2021/22 ดูท่าว่าน่าจะเป็นซีซั่นแห่งทีมเล็กในระดับลีกรองๆของอังกฤษเป็นแน่แท้ เมื่อเสน่ห์แห่งบอลถ้วยน็อคเอ้าท์ยังคง "ขลัง" และเชียร์สนุกในสายตาผมเสมอ เมื่อเจ้าป่า "น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์" เปิดบ้านเล็กในป่าใหญ่ที่สนามเดอะซิตี้กราวน์ เชือดช่างกลปืนโต "อาร์เซนอล" ตกรอบไปด้วยสกอร์ 1-0 อย่างสุดมันส์
FA Cup คือถ้วยที่ถูกโฉลกที่สุดของไอ้ปืนใหญ่ Arsenal และเป็นอีกหนึ่งความหวังของเหล่า "เดอะ กันเนอร์ส" ในการประสบความสำเร็จที่จับต้องได้ของพวกเขา
เนื่องจากอาร์เซนอลคือสโมสรที่เป็นแชมป์เอฟเอคัพมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของถ้วยเก่าแก่ที่สุดแห่งเกาะอังกฤษใบนี้ ในฐานะ "แชมป์ 14 สมัย" (รองลงมาคือ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 12 สมัย)
ถือเป็นทีมใหญ่จากลีกสูงสุดอีกหนึ่งทีมที่แพ้ช็อค และหลุดจากวงโคจรถ้วยใบนี้ออกไปอีกหนึ่งทีม ตาม "นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด" ไปติดๆ ที่เมื่อวันก่อนเพิ่งโดนทีมจาก "ลีกวัน" อย่าง Cambridge United F.C. บุกมาสอยคาเซนต์เจมส์ปาร์ค 0-1 เช่นกัน
------------------------------
ตลอดทั้งเกม อาร์เซนอล ครองบอลมากกว่าเจ้าถิ่นแบบเห็นได้ชัดถึง โดยมีball possession ถึง 67% แต่กลับสร้างสรรค์โอกาสยิงได้เพียงแค่ 10 ครั้งเท่านั้นตลอด 90 นาที
ที่น่าตกใจคือ พวกเขายิงไม่ตรงกรอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว (shots on goal = 0) จาก attempts ทั้งหมด 10 ครั้งดังกล่าว
ซึ่งคุณภาพของการจบสกอร์อาร์เซนอลแย่จริงอะไรจริง ผมดูแล้วรู้สึกว่าพวกเขาไม่เน้นมากเท่าที่ควรในการยิงแต่ละครั้ง ทั้งๆที่มีนักเตะระดับ โอเดการ์ด มาร์ติเนลลี่ และ ซาก้า อยู่ในสนามตั้งแต่ต้น
ครึ่งหลังส่งลากาฯลงมาช่วย ก็ยังทำไม่สำเร็จแม้แต่การยิงเข้ากรอบสักครั้งเดียว ซึ่งกลับกัน ฝั่งน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ครองบอลโคตรน้อย (33%) แต่กลับหาโอกาสยิงได้ถึง 7 ครั้ง (น้อยกว่าน่อลแค่ 3 ครั้ง จากการที่ครองบอลน้อยกว่ากันครึ่งต่อครึ่ง)
และเข้ากรอบถึง 3 ครั้ง ดีกว่าอาร์เซนอลแบบเห็นๆ
-----------------------
หนึ่งใน 3 นั้น คือลูกฟรีคิกของ "เจมส์ การ์เนอร์" ลูกกรอกคะนองของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่เราส่งให้ยืมตัวไปปั้นกันยาวๆด้วยความต่อเนื่องที่ดีเยี่ยมกับทางทีมเจ้าป่าเป็นซีซั่นที่สอง โชว์ผลงานได้อย่างดีเยี่ยม ตั้งแต่ปีก่อน เป็นตัวหลักยาวมาจนถึงบัดนี้
ฟรีคิกของการ์เนอร์เกิดขึ้นในนาทีที่ 62 ด้วยการ "ปั๋นโค้งงงงงงง" (เสียงน้าหัง) ในสไตล์ "Bend It Like Beckham" ด้วยวิถีการยิง ความแรง และท่าทางที่เหมือนพี่เบ็คมากๆในลูกนี้ ไม่เชื่อไปดูได้ แถมช็อตนี้เล็งมุมถนัดมุมเดียวกับเฮียอีก แต่เสียดายที่โดนเลโน่บินเซฟได้
แม้จะยิงได้ดีแล้ว แต่ยังไม่มุมดิกพอ ซึ่งก็ไม่เป็นไร เพราะช็อตนี้ทำให้เราได้เห็นกันชัดเจนมากๆว่า อาวุธของเจมส์ การ์เนอร์ มีลูกฟรีคิกเช่นนี้เป็นท่าไม้ตายอีกหนึ่งอย่างนอกจากการวางบอล และการยิงแถวสอง
รวมถึงพลังงานในการเล่นกลางสนามที่ขยันวิ่ง และมีไดนามิคการเคลื่อนที่พอตัว
กับตำแหน่ง DLP ที่เขาได้เล่นแบบเต็มๆกับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ แอดคิดว่าหากเนมันย่า มาติช ปลดระวางในระยะอันใกล้นี้ การ์เนอร์ก็น่าจะขึ้นมาเสียบต่อ และทดแทนตำแหน่งของมาติช ในการเป็นนักเตะตัว rotation แดนกลางให้ทีมได้อย่างดี
โดยจะเป็นโควตาHGให้กับปีศาจแดงได้ด้วยในอนาคต
-------------------------
ส่วนอีกสองครั้งที่เข้ากรอบ เป็นบอลสไตล์อังกฤษจ๋าๆ กับการโจมตีด้วยการขึ้นเกมด้านข้าง แล้วใช้วิธีการเล่นที่เป็นการ "ครอสเรียด" (low crosses) ดั่งกระรอกบินที่บินเรียดพื้น เปิดเข้ามาให้กับตัวเข้าฮอร์สที่อ่านจังหวะตัววงนอก แล้วเข้าชาร์จอย่างเฉียบคมมากๆแบบเห็นได้ชัดว่า นี่คือแทคติกเกมรุกที่พวกเขาใช้เป็นอาวุธหลักๆ
มัน "ชัดเจน" ในแนวทางการเล่น นี่เป็นสิ่งที่ทุกทีมควรมี และเจ้าป่ามีสิ่งนั้นอยู่แบบเห็นจะจะในเกมเจออาร์เซนอลนัดนี้ ทำให้เลโน่ต้องออกแรงเซฟหนักมากพอสมควร
--------------------------
เหมือนเรื่องราวอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์หลวงปู่เค็ม วัดดูยูมีน โดนยิงครั้งแรกไม่เป็นไร จากการกระชากของปีกเจ้าบ้านอย่างเบรนแนน จอห์นสัน ขึ้นมาทางขวาแล้วตบเข้ากลางมาให้ซิงเกอร์นาเกิล เอี้ยวตัวยิงให้เลโน่เซฟไปหนึ่งดอกส์
ครั้งที่สองก็ยังไม่เป็นไร จากลูกปั๋นนนนโค้งงงงงงของการ์เนอร์ และเลโน่ก็ยังต้องออกแรงซ้ำอีกครั้ง ซึ่งเป็นครึ่งหลังทั้งคู่ นักเตะทีมเจ้าป่าทำได้ดีมากจากการแก้เกมของ สตีฟ คูเปอร์
แต่ครั้งที่สามในที่สุด การเปิดตัว "จีวรขาว" ของหลวงปู่เค็ม ก็ต้องจบลงด้วยน้ำตา จากการที่ในที่สุด เกมรับของอาร์เตต้าก็เอาไม่อยู่ เจอบอลฉาบฉวยสไตล์อังกฤษที่ฟอเรสต์เข้าทำได้ "แน่นอน" สัสๆ (แบบเห็นชัด และต่างกับน่อลมากๆ ขนาดลากาฯลงมาก็ยังพลาด)
ความหวังของแฟนน่อลต้องพังลงในช่วงท้ายเกม เมื่อ Lewis Grabban กองหน้าตัวเก๋าวัย 33 ปีของทีมเจ้าป่า ซึ่งเป็นตัวสำรอง ลงมาเป็นซุปเปอร์ซับ โดยนาทีที่ 83 อาร์เซนอลพลาดเสียบอลกลางสนามง่ายๆจากการขึ้นเกมจากแดนหลังมาให้กับกลาง
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ อัลเบิร์ต ซามบี โลกองก้า พยายามจะจ่ายบอลขึ้นไป แต่ติด "Ryan Yates" มิดฟิลด์คู่หูของน้อง James Garner
เยตส์จี้ติดตัว "โลกองก้า" และสกัดบอลจ่ายได้ ซึ่งโลกองก้ามัวแต่ฟ้องแฮนด์บอล แต่เจ้าป่าไม่สนใจ เยตส์จ่ายให้กับเบรนแนน จอห์นสัน ปีกขวาเจ้าเดิมที่วิ่งเติมโอเวอร์แลปขึ้นมาทางขวา
และชื่อหมอนี่คงเป็นที่จดจำของแฟนปืนไปอีกนานในฐานะตัวรุกที่เล่นงานน่อลด้วยบอล low cross ได้ "แสบสันต์สุดๆ" อีกครั้ง
 
(แสบสัน สะกดแบบนี้ แต่แอดอยากได้ สันต์ ที่เป็นความสุข มาใส่ในความแสบครั้งนี้)
รอบนี้จอห์นสันสปีดขึ้นไปรับบอล และได้เปิดเข้ากลางมาอีกครั้ง และครั้งนี้บอลเข้ามายังจุดนับพบกับตัวเก๋าหมายเลข7 ที่ไม่สามารถกดสั่งอาหารได้เองอย่าง อย่าง "ลูอิส แกรบแบน"
แกรบแบนโชว์ประสบการณ์ที่เหนือชั้นกว่ากองหลังอาร์เซนอลอย่างเห็นๆด้วยความสามารถ off the ball สวยๆในการวิ่งหาตำแหน่งยามไม่มีบอล ด้วยสปีดที่ไม่ได้เร็วอะไร แต่เขา "วิ่งส่าย" หลอกกองหลังตัวมาร์คกิ้งของอาร์เซนอลที่เร็วกว่า
แกรบแบนขยับตัวนิดเดียวเหมือนการส่ายตัวตามกรูฟเพลงฮิปฮอปโอลด์สคูลดีๆสักเพลง แล้วชาร์จเข้าไปเต็มตีนอย่างสวยงาม
---------------------------
ประตูนี้ประหนึ่ง "ซิมโฟนี่แห่งพงไพร" ที่เริ่มต้นด้วยการตัดเกมแทรปฮิปฮอป แล้วโยกหลบด้วยแร็พโอลด์สคูล แล้วจบแบบฟูลๆด้วยท่ายิงมันส์ๆสไตล์ป็อปร็อคยุค2000s
นักเตะทีมเจ้าป่าวิ่งมาแสดงความยินดีกันอย่างสุดเหวี่ยง พร้อมกับแฟนบอลเจ้าป่าที่วิ่งลงมาดีใจกับนักเตะในสนาม
เป็นภาพที่คลาสสิคสุดๆของเอฟเอคัพ เหมือนปิดท้ายด้วยการสังสรรค์อย่างลิงโลดด้วยเพลงฮิตจาก "No.1 Dance Album" ตำนานแห่งปี1996
และนี่คืออีกหนึ่งเสน่ห์ที่ทำให้เรายังไม่เคยเบื่อเอฟเอคัพเลย ในฐานะที่เป็นแฟนบอลซึ่งชอบเชียร์ทีมรองบ่อน ทีมเล็กๆจากลีกล่าง ให้เข้ารอบลึกๆอยู่ทุกปี
เพราะมันสนุกกว่าการเห็นแต่พวกแมนซิตี้ ลิเวอร์พูล เชลซี สเปอร์ส พวกนี้เข้ารอบเยอะ ซึ่งเราก็ดูกันอยู่ทุกสัปดาห์อยู่แล้ว อันนี้ด้วยความเคารพจริงๆ เพราะเราชอบเชียร์ทีมเล็กมาก
แถมทีมเราเองคืนนี้เราก็มีนัดเคลียร์ใจกับเหล่าทหารหลวงของ "ออกญาหนีทัพ" สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ผู้จัดการสไตล์หล่อลื่นของแอสตันวิลล่าซะด้วย
คิดซะว่า "ลั่นกลองรบ" ในถ้วยเอฟเอคัพแล้วกันในโพสต์นี้
ยังไงขอแสดงความเสียใจกับแฟนบอลเดอะกันเนอร์ส จริงๆจังๆ เพราะทีมเราเองก็ใช่ว่าจะดี ผีเข้าผีออกไม่ต่างกันในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านที่ต้องปรับจูนทีมกันอีกเยอะ
ซึ่งถามว่านัดนี้เกี่ยวอะไรกับแฟนผีจนผมต้องมาเขียน? ก็นอกจากที่เราจะพูดคุยกันในเรื่องฟุตบอลแล้วนั้น นักเตะอย่าง James Garner คืออีกหนึ่งตัวละครสำคัญที่เราจำต้องเฝ้าดูว่า เขาจะดีพอสำหรับเป็นอนาคตให้ทีมหรือไม่
ถ้าใครไม่ได้สังเกตในสนาม และมองแต่บอล จะไม่เห็นเลยว่า การ์เนอร์นั้นเป็นเหมือนจอมทัพสายบุ๋นผสมบู๊ ที่เล่นได้ทั้งสองสไตล์ เพราะในจังหวะที่เป็นประตูนั้น การ์เนอร์ยืนบัญชาการ "ตำแหน่ง" ของเพื่อนร่วมทีมฟอเรสต์อยู่
เขาชี้สั่งให้ตัวหน้าวิ่งเพรส (จนจี้ติดตัวสกัดบอลจนได้counterสำเร็จ) รวมถึงชี้สั่งให้กองหลังวิ่งไล่ตามmarkingตัวประกบที่กำลังจะทะลุไปรับบอลยาวจากการต่อเกมของน่อลอีกด้วย
การ์เนอร์ฟอร์มดีตามลำดับ และนี่คือโพสต์ที่เป็น "Loan Watch" อีกหนึ่งโพสต์ที่น่าจะมีประโยชน์กับแฟนผีด้วย ในเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องกับทีมเราโดยตรงเหมือนกัน
ผมเชื่อว่าหลายคนไม่รู้ และหลายคนอาจจะ "ลืมไปแล้ว" ว่าหมอนี่อายุเท่าไหร่ เพราะเห็นชื่อน้องมาหลายฤดูกาลมากๆ จนทำให้การรับรู้ของแฟนบอลอาจจะคิดว่าลูกหม้อแมนยูรายนี้อายุเริ่มเยอะ
แต่จริงๆแล้ว นี่คือเด็กวัย20 รุ่นเดียวกันกับ Mason Greenwood เป๊ะๆ แต่ฝีเท้าเริ่มที่จะไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ กับการเป็นอดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษรุ่นเล็กมาก่อนในอดีต
นี่แหละคือสาเหตุที่ว่า ทำไม ศาลาผี ดูจะเขียนถึง James Garner อยู่เรื่อยๆมาตั้งนานแล้ว เพราะเด็กมันมีของ และของมันน่าดูมากๆ
ปั้นกันไปยาวๆ ยังไงน้องมีที่ยืนในพรีเมียร์ลีกแน่นอน รับประกันฝีเท้า
และสุดท้ายนี้ขอแสดงความยินดีกับแฟนบอล "เจ้าป่า" น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ อีกหนึ่งทีมฟีลแฟนเก่าที่เข้ารอบแบบ "โรแมนติกอย่างมีระดับ" ในสไตล์ "แคลสซี่โรแมนซ์" (Classy Romance) แถมเป็นการชนะอาร์เซนอลใน FA Cup ซ้ำเป็นครั้งที่สองจากครั้งล่าสุดปี 2018 ด้วยสกอร์ 4-2 ในรอบเดียวกันนี้ด้วย
เป็นความทรงจำในค่ำคืนสุดประทับใจที่จะติดในความทรงจำอีกนาน ซึ่งผมเชื่อว่า แฟนบอลฟอเรสต์ในเมืองไทยยังมีอยู่ในยุคนี้อีกหลายๆคนแน่นอน
สวัสดีเหยื่อจ๋า .. เจ้าป่ามาแว้ว
#NFFC
-ศาลาผี-
โฆษณา