Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Think like wise man
•
ติดตาม
10 ม.ค. 2022 เวลา 10:23 • ธุรกิจ
Right Job ไม่ได้ Right Man ก็ได้นะ
มีวลีฮิตติดปากคำหนึ่งที่ทุกคนน่าจะรู้จักดีคือคำว่า "Put the 'RIGHT MAN' into the 'RIGHT JOB'." ซึ่งความหมายของประโยคนี้ก็เรียบง่ายครับ "หาคนให้เหมาะสมกับงานที่จะต้องทำ"
เอาตามตรงผมว่าไอ้ข้อความนี้เนี่ย มันอุดมคติสุด ๆ เลยนะ เพราะวิธีการที่จะตัดสินว่างานไหนคือ Right Job สำหรับคนไหนเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย
ยกตัวอย่างเช่น คุณรับสมัครคน ๆ หนึ่ง เห็นจบวุฒิด้านบริหารธุรกิจมา แต่เขาอาจจะไม่ได้เก่งหรือชอบงานทางด้านบริหารก็ได้ แต่อาจจะเป็นด้านบัญชี ซึ่งเป็นหนึ่งในวิชาที่ถูกบรรจุอยู่ในนั้นต่างหาก
หรือถ้าจะไปดูจากเกรดรายวิชา ก็ต้องบอกว่าขอโทษด้วยครับ เพราะการวัดผลในมหาวิทยาลัยจะตัดเกรดแบบอิงกลุ่ม ไม่ใช่อิงเกณฑ์แบบในระดับมัธยมศึกษา นั่นคือ เกรดจะอยู่ในรูปของการเปรียบเทียบกับคนอื่น คือต่อให้คุณได้ 95 คะแนน แต่เพื่อนคุณทำได้ 98 - 99 คะแนนกันเยอะ คุณอาจจะไม่ได้ A ก็ได้
ดังนั้นเกรดในระดับมหาวิทยาลัยจะบอกได้เพียงคร่าว ๆ ว่า ในวิชานั้นคุณทำเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับเพื่อนเท่านั้นเอง ซึ่งบางครั้งคะแนนที่แตกต่างก็อาจจะเป็นผลมาจากแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น อาจจะตัดกันที่คะแนนจิตพิสัย หรือเก็งข้อสอบได้ดีแค่ไหน หรือแม้กระทั่งการตรวจคะแนนของอาจารย์คนละคนกันในแต่ละคลาส ตรงนี้ก็ต้องถือว่ามีดวงเข้ามาเป็นปัจจัยร่วมไม่น้อยเลยทีเดียว
แล้วถ้าจะหวังพึ่งการสัมพาษณ์งานก็ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะคนที่มาสัมภาษณ์ทุกคนไม่มีใครอยากตกสัมภาษณ์แน่นอน ดังนั้น ผลลัพธ์สุดท้ายก็เลยกลายเป็น "มหกรรมการโกหก" กันไปเป็นที่เรียบร้อย
ทีนี้ปัญหามันก็จะเกิดขึ้นหลังจากที่คุณเข้ามาทำงาน แล้วถ้าคุณเกิดความรู้สึกว่า "ฉันมาทำอะไรที่นี่" หรือ "อ้าวเฮ้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า" แล้วล่ะก็ มีความเป็นไปได้สูงว่าองค์กรของคุณไม่ได้จับคุณไปทำในสิ่งที่เรียกว่า "RIGHT JOB" หรือ "งานที่ใช่" ซะแล้ว
สาเหตุของการลาออกตัวหนึ่งก็คือ "ตัวงาน" นี่แหละครับ ที่ถ้ามันไม่ถูกจริตกับเราแล้วล่ะก็ นานไปก็หมดไฟได้เรื่อย ๆ เลย ยิ่งถ้ามาร่วมกับ "การประเมินผลงานที่ไม่เป็นธรรม" อีกละก็นะ เรียกได้ว่า "ปวดตับ"
แต่อย่างไรก็ตาม หากเราไปคุยกับคนที่เขาประสบความสำเร็จ เราจะเห็นได้ว่าน้อยคนนัก ที่จะได้เริ่มต้นจากงานที่พวกเขารู้สึกว่า "ใช่" จริง ๆ
เช่น "คุณตัน ภาสกรนที" เจ้าพ่อวงการชาเขียว ก็เริ่มต้นจากการรับหนังสือพิมพ์มาเปิดแผงของตัวเอง หรืออย่างผู้กำกับชื่อดัง "เจมส์ คาเมรอน" เองก่อนจะประสบความสำเร็จก็เคยเป็นคนขับรถสิบล้อรับจ้างมาแล้ว
สิ่งที่คนเหล่านั้นได้สอนกับเราก็คือ งานที่ใช่จะมาในเวลาที่คุณพร้อม ดังนั้น ก่อนที่คุณจะพร้อม สิ่งที่คุณต้องทำมันคือ "สร้างความพร้อมและในขณะเดียวกันก็ทำสิ่งที่คุณสามารถทำได้ไปพลาง ๆ ก่อน" (ไม่ว่าจะเพื่อวัตถุประสงค์อะไรก็แล้วแต่)
1
หลายคนมักพูดว่าอยากลาออกจากงาน เพื่อไปทำสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่สุดท้ายผ่านไปหลายปีก็ยังคงอยู่ที่เดิมและซ้ำร้ายบางคนก็ไม่ได้เลื่อนขั้นเสียด้วย แต่บางคนได้ออกสมใจครับ แต่ไม่ใช่มาจากความสมัครใจนะครับ "โดนไล่ออก"
ผมแนะนำว่า ถ้างานนั้นเป็นงานที่คุณทำได้หรือพอจะทำได้ ทำมันครับ เรียนรู้มัน พยายามทำมันให้ดีขึ้นในทุก ๆ วัน เพราะเมื่อไรที่งานนั้นมันเป็นงานที่มีแค่คุณที่ทำมันได้ดี วันนั้นโอกาสทั้งหลายจะเข้ามาหาคุณเอง
ลองนึกภาพว่าถ้าคุณเป็นมันสมองหรือตัวทำกำไรให้กับบริษัทได้ละก็ บริษัทก็จะมีแนวโน้มที่จะต้องเอาใจใส่คุณเป็นพิเศษ การเรียกร้องขอขึ้นเงินเดือน หรือขอทำงานที่ตัวเองชอบก็จะมีโอกาสเพิ่มขึ้นด้วย เพราะบริษัทไม่อยากเสียคุณไป
แต่กลับกันถ้าคุณเป็นแค่พนักงานทั่วไป คุณอาจจะไม่ได้รับการจดจำชื่อเลยด้วยซ้ำ และบริษัทก็มีโอกาสจะให้งานคุณตามงานที่เหลือจากที่คนอื่นเขาไม่ทำกันครับ (ในกรณีที่บริษัทสามารถปรับเปลี่ยนงานของลูกจ้างได้ในแต่ละปี)
นั่นคือเหตุผลที่ผมบอกว่า ถ้ายังไม่ได้งานที่ใช่ ก็ไม่ต้องรอ เพราะ "RIGHT JOB" อาจเป็นสิ่งที่คนอื่นเลือกให้คุณ แต่ "RIGHT MAN" เป็นสิ่งที่คุณสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง
และนี่คือสิ่งที่ Wise Man เขาคิดกันครับ
การพัฒนาตัวเอง
บันทึก
2
1
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย