11 ม.ค. 2022 เวลา 03:30 • ศิลปะ & ออกแบบ
Martin Margiela ดีไซเนอร์ที่ไม่อยากเผยตัวตน แต่สร้างแบรนด์แฟชั่นให้เป็นตำนาน
หากพูดถึงแบรนด์หรูต่าง ๆ หนึ่งในประเทศที่ทุกคนจะนึกถึงก็คือ “ฝรั่งเศส” ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ฝรั่งเศสกลายเป็นแหล่งรวมแบรนด์หรู ก็ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จากการสั่งสมของวัฒนธรรมอันยาวนาน จนทำให้ดีไซเนอร์หลายคนได้มาเริ่มต้นแบรนด์ที่ประเทศนี้
ไม่ว่าจะแบรนด์ Louis Vuitton, Hermès, Givenchy, Cartier, Dior, Balmain,
Chanel, Saint Laurent หรือแม้แต่ Jacquemus ก็ล้วนมาจากประเทศฝรั่งเศสทั้งนั้น
ซึ่งหลาย ๆ แบรนด์มักจะพยายามโปรโมตตัวเองผ่านทางดีไซเนอร์ที่ทำแบรนด์นั้น ๆ
จนสร้างชื่อเสียงให้ทั้งกับแบรนด์และตัวดีไซเนอร์ไปพร้อมกัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับคุณ Martin Margiela ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Maison Margiela เลือกทำตรงกันข้าม คือพยายามปกปิดตัวตนของตัวเอง แต่กลับยังสามารถสร้างแบรนด์ให้กลายเป็นที่รู้จักได้
แล้วทำไมคุณ Martin Margiela ถึงไม่อยากเปิดเผยตัวตน ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่นเรามาดูประวัติการทำงานและจุดเริ่มต้นของคุณ Martin Margiela กันก่อน
เดิมทีคุณ Martin Margiela เกิดที่เมืองเคงก์ ประเทศเบลเยียม ซึ่งเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ จนเป็นที่นิยมในหมู่ศิลปินและจิตรกร ที่มักจะใช้เมืองนี้ไปเป็นฉากหลังในผลงานต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม คุณ Martin Margiela กลับไม่ได้หลงใหลในธรรมชาติที่อยู่รายล้อม แต่เขากลับสนใจในงานแฟชั่นตั้งแต่เด็ก ๆ โดยได้แรงบันดาลใจจาก Paco Rabanne
และ André Courrèges จากรายการโทรทัศน์ในขณะนั้น
ดังนั้นเมื่อคุณ Martin Margiela อายุได้ 18 ปี เขาจึงเริ่มต้นเรียนด้านแฟชั่นที่ The Royal Academy of Fine Arts และเมื่อเรียนจบ ก็ได้ทำงานเป็นดีไซเนอร์อิสระกว่า 5 ปี
ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสเพื่อทำงานเป็นผู้ช่วยให้กับคุณ Jean Paul Gaultier ผู้ที่เปรียบเสมือนกับพ่อและเพื่อน รวมถึงทำให้คุณ Martin Margiela มีทุกวันนี้ ซึ่งคุณ Jean Paul Gaultier เองก็มองว่าคุณ Martin Margiela เป็นดีไซเนอร์ที่มากความสามารถเช่นกัน
1
จนในปี 1988 คุณ Martin Margiela ก็ได้เปิดแบรนด์แฟชั่นของตนเองในชื่อ Maison Margiela
โดยสิ่งที่ทำให้คุณ Martin Margiela โดดเด่นก็คือ วิสัยทัศน์ในการออกแบบที่แหวกแนวไม่เหมือนใคร ด้วยลักษณะการออกแบบที่ดูดื้อรั้น และไม่ตามเทรนด์ดีไซน์ในสมัยนั้น
1
จนทำให้หลายคนหลงรักแบรนด์ Maison Margiela อย่างรวดเร็ว เช่น การเลือกใช้วัสดุราคาถูก แต่มาใส่การออกแบบด้วยดีไซน์ที่หรูหรา
ซึ่งในทศวรรษ 1900 นั้น ถือเป็นช่วงที่ดีไซเนอร์หลายคนโด่งดัง จนกลายเป็นเหมือนเซเลบริตีคนดัง
แต่คุณ Martin Margiela กลับมองว่าการที่ดีไซเนอร์หลายคนสร้างภาพตัวเองและขายสินค้าได้ เพราะเป็นคนดัง ทำให้สินค้าสูญเสียคุณภาพลงไป
เขาจึงตัดสินใจไม่เปิดตัวกับสื่อต่าง ๆ และปฏิเสธทุกการขอสัมภาษณ์ การให้ถ่ายรูป หรือแม้แต่แลกเปลี่ยนความเห็นหลังเวทีหลังการแสดงแฟชั่นโชว์
ทำให้เมื่อ Maison Margiela ออกคอลเลกชันใหม่ คุณ Martin Margiela จะส่งมาเพียงเสื้อผ้าเท่านั้น
แต่เขาจะไม่ได้ออกมาเผยตัว หรือแนบคำอธิบายใด ๆ เกี่ยวกับคอลเลกชันของตนเองเลย
อย่างไรก็ตาม การทำแบบนี้กลับทำให้ Maison Margiela กลายเป็นที่จับตามองในวงการแฟชั่น เพราะสิ่งที่เป็นเหมือนกระบอกเสียงของแบรนด์ เหลือเพียงแค่สินค้าและลูกค้าเท่านั้น ช่วยแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ Maison Margiela ได้อย่างเต็มที่
นอกจากการสร้างแบรนด์ของตัวเองให้ครองใจลูกค้าแล้ว อีกหนึ่งบทบาทหน้าที่ของคุณ Martin Margiela ก็คือ การเป็น Creative Director ให้กับ Hermès ในส่วนแฟชั่นผู้หญิงเป็นเวลา 6 ปี ก่อนจะก้าวลงจากตำแหน่ง
และก่อนหน้าที่เขาจะก้าวลงจากตำแหน่ง 1 ปี หุ้นของแบรนด์ Maison Margiela
ก็ถูกซื้อโดย OTB Group บริษัทโฮลดิงด้านแฟชั่น ที่เล็งเห็นถึงความสามารถของคุณ Martin Margiela
เรื่องนี้จึงกลายเป็นว่า แม้ดีไซเนอร์จะพยายามไม่ออกสื่อ แต่ถ้าผลงานออกมาดี ก็ยังทำให้เป็นที่จับตามองอยู่ดี
ซึ่งการทำแบรนด์ในลักษณะที่ไม่ได้ยึดติดกับ Personal Branding ของบุคคลมากเกินไป จะช่วยให้เมื่อบุคคลซึ่งเป็นผู้กุมบังเหียนไม่อยู่แล้ว แบรนด์ก็ยังคงดำเนินต่อไปได้ เนื่องจากผู้คนยึดติดกับแบรนด์ มากกว่าตัวบุคคล
เพราะหลาย ๆ กรณีเมื่อแบรนด์ยึดติดกับบุคคลมากเกินไป จะส่งผลให้เมื่อตัวบุคคลเกิดปัญหา
ก็จะส่งผลให้แบรนด์โดนผลกระทบไปด้วย
แต่ทั้งนี้การสร้างแบรนด์แต่ละแบบก็มีข้อดี ข้อเสียที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากให้
ทิศทางของแบรนด์ออกมาเป็นแบบไหนมากกว่า
โดยสำหรับแบรนด์แฟชั่นนั้น การไม่ยึดติดกับตัวบุคคลมากเกินไป ก็น่าจะช่วยให้เมื่อหัวเรือหลักด้านการออกแบบ ไม่ใช่คนเดิมแล้ว แบรนด์ก็จะสามารถหาคนอื่นมาช่วยออกแบบแทนได้
และอาจจะกลายเป็นว่าดีไซเนอร์ที่เข้ามารับช่วงต่อ จะยิ่งช่วยให้แบรนด์ไปได้ไกลมากกว่าเดิมก็เป็นได้..
โฆษณา